ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 791 ไม่ใช่มังกรดุย่อมไม่กล้าข้ามแม่น้ำ ไม่ใช่มังกรดุย่อมไม่กล้าทะยานขึ้นฟ้า

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เหล่าผู้อาวุโสของหอกระบี่ทะเลเหนือและเกาะมนุษย์สำริดที่มีกู้หงและกงซุนอู่เป็นผู้นำ ซึ่งตอนนี้รอดจากอันตรายแล้ว ต่างงงงันเช่นกัน

ถ้าหากคนที่พูดไม่ใช่มู่จวินซึ่งเป็นลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์ และอยู่ในขั้นสะพานเซียน คนที่อยู่รอบๆ จะต้องโกลาหลอย่างแน่นอน

ตอนนี้ทุกคนต่างพูดกันไม่ออก ได้แต่มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างนิ่งอึ้ง

ในห้วงสมองของคนทุกคนมีแค่ความคิดเดียว ‘ทำได้อย่างไรกัน?’

สภาพในตอนนั้นของเสวียนมู่อ๋องคงจะถอยก็ไม่ได้ จะบุกก็ลำบาก ได้แต่กุมพระเศียรรับการทุบตีเหมือนพวกหลัวจื้อเทาและคังผิงกระมัง?

กู้หงรู้สึหวั่นใจ คิดถึงเรื่องที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้สภาพแวดล้อมพิเศษของบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ ทำให้หลัวจื้อเทากับคังฮูหยินพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถตอนอยู่ในบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์บนดินแดนหลวนเซียง

กลับได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยว่า “เสวียนมู่อ๋องลงไปยังโลกแปดพิภพด้วยตัวเอง กลับทิ้งหอกราชาลี้ลับไว้บนโลกซ้อนโลก ข้าจึงชิงของวิเศษชิ้นนี้มา”

“ต่อมาเสวียนมู่อ๋องกลับมา บิดาข้ากลับลอยมายังโลกซ้อนโลกพอดี สุดท้ายบิดาข้าจึงสังหารเสวียนมู่อ๋องทิ้ง”

พวกกู้หงกับกงซุนอู่ต่างพยักหน้า ‘ที่แท้เป็นเช่นนี้’

เสวียนมู่อ๋องไม่มีหอกราชาลี้ลับอยู่ในมือ เยี่ยนจ้าวเกอกลับมีตราประทับตะวันอยู่กับตัว ดูจากความสามารถอันน่าทึ่งที่เขาแสดงออกมาในตอนนี้ ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส…

รอประเดี๋ยว เหมือนจะมีตรงไหนสักที่ไม่ถูกต้อง?

มีบางคนเบิกตาค้าง “บิดาของท่านลอยมายังโลกซ้อนโลกได้พอดี จากนั้นก็สังหารเสวียนมู่อ๋องหรือ?”

“ลอยขึ้นมาได้พอดี หมายความว่าเขาเพิ่งจะหลอมจุดลมปราณเป็นเทวะสำเร็จน่ะสิ?”

คนอื่นๆ รู้สึกตัว มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างมึนงง

เช่นนั้นก็หมายความว่า คนที่เพิ่งเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดง สังหารเสวียนมู่อ๋องที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายไม่ใช่หรือ?

ต่อให้เสวียนมู่อ๋องจะไม่มีหอกราชาลี้ลับอยู่ในมือ แต่ก็น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

ทุกคนต่างสะดุ้งโหยง เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าเป็นปกติ พยักหน้าอย่างเรียบเฉย “ถูกต้อง ท่านพ่อเพิ่งลอยขึ้นมา ทำลายนภาเห็นเทวะสำแดงได้ไม่นาน”

ทุกคนมองหน้ากัน พูดอะไรไม่ออก

หลินฮั่นหัวกับมู่จวินสบตากันแวบหนึ่ง คิดถึงความตกตะลึงที่ขจัดออกไปไม่ได้ในตอนที่ตนเพิ่งได้ยินเฉินจื้อเหลียงบอกเล่าเรื่องนี้เช่นกัน

โดยเฉพาะเฉินจื้อเหลียงยังเล่าว่า นั่นเป็นคนที่พลังแห่งเขตแดนของโลกเบื้องล่างไม่อาจรองรับได้อีก ในตอนที่ยังเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามด้วย

อัจฉริยะเช่นนี้ ต่อให้เป็นคนระดับของหลินฮั่นหัวและมู่จวินก็ยังรู้สึกชมเชย

สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกชื่นชมยิ่งกว่าก็คือ คนเช่นนี้ตอนนี้ตรงหน้าก็ยังมีอีกหนึ่งคน

แม้จะยังไม่ได้ทดลอง แต่หลินฮั่นหัวกับมู่จวินก็สงสัยอยู่ลึกๆ ว่า เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นคลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้า เหนือกว่าบิดาของเขาเอง

เยี่ยนจ้าวเกอที่ตอนนี้อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ขั้นรวมรูประยะกลาง หากลงไปยังโลกเบื้องล่างอีกครั้ง เกรงว่าจะบรรจุเขาไม่ได้อีกแล้ว

พลังพรสวรรค์เช่นนี้กำเนิดขึ้นในโลกเบื้องล่างพร้อมกันสองคน ทั้งยังเป็นบิดาบุตร แม้แต่หลินฮั่นหัวกับมู่จวินก็ยังรู้สึกสั่นสะท้าน

พวกเขาในฐานะลูกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของประมุขอาคเนย์ เดิมทีก็มีพรสวรรค์เป็นเลิศในความเป็นเลิศอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกชมเชยอยู่ดี

มู่จวินแม้ในใจจะวิจารณ์ว่า เขากว่างเฉิงบนโลกแปดพิภพไม่มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนสักคน แต่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงไม่ต่ำกว่าหนึ่งชิ้น แต่ก็เป็นแค่การวิจารณ์เท่านั้น

เขาในตอนนี้รู้สึกสนใจสำนักในโลกเบื้องล่างสำนักนี้อย่างแท้จริง

กู้หงกับกงซุนอู่มองเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง ในใจมีแค่ความคิดหนึ่ง

ไม่ใช่มังกรดุย่อมไม่กล้าข้ามแม่น้ำ บางทีควรบอกว่า ไม่ใช่มังกรดุย่อมไม่กล้าทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า

ความรู้สึกของกงซุนอูล้ำลึกกว่าเล็กน้อย

เอาชนะเสวียนมู่อ๋องได้ เช่นนั้นก็สมควรเอาชนะเขาได้ด้วย

คนที่เพิ่งเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้นได้ไม่นาน…

เยี่ยนจ้าวเกอก้มหน้ามองมหาสมุทรที่เริ่มมีพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดพัดขึ้นมาอีกครั้งด้านล่าง พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เสวียนมู่อ๋องถูกสังหาร บุคคลระดับสุดยอดในสิบกระบี่ผู้วิเศษตอนนี้ติดอยู่ในดินแดนสุทธทัศน์ พลังของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องได้รับความเสียหายมากมายนัก แต่ดูเหมือนว่าสี่กั๋วกงจะยังคงอยู่ เป็นแมงร้อยขาตายแต่ยังขยับได้”

พวกกู้หงกับกงซุนอู่ต่างคิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน

ปัจจุบันดูเหมือนจะเป็นโอกาสที่พวกเขาจะต้องสู้กับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องอย่างเต็มที่แข่งกับเวลา

สิ่งที่น่ากังวลก็คือ หลังจากพวกคังผิงหลุดออกจากดินแดนสุทธทัศน์แล้ว ควรจะรับมืออย่างไร นี่ถึงอย่างไรก็เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในขั้นสะพานเซียนถึงสามคน

แต่ว่าขณะมองเยี่ยนจ้าวเกอตรงหน้า พวกเขาก็จิตใจสั่นไหว

รอจนพวกคังผิงหลุดออกมาได้ คนหนุ่มตรงหน้าผู้นี้จะเติบโตไปอยู่ในระดับไหน?

พวกกู้หงหันไปมองหลินฮั่นหัวและมู่จวินที่อยู่ด้านข้าง

พวกหลินฮั่นหัวเหมือนไม่ใสใจเรื่องที่เยี่ยนจ้าวเกอพูดกับพวกกู้หง

นี่กลับทำให้คนของหอกระบี่ทะลเหนือ และเกาะมนุษย์สำริดเริ่มมั่นใจขึ้น

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “สำนักข้าอยากจะตั้งสำนักบนโลกซ้อนโลก ที่อยู่สมควรเป็นดินแดนจิตคุณธรรมบนทะเลหวงเจีย เรื่องนี้อยากขอให้ท่านหลินกับท่านมู่ช่วยดูแล และขอให้ผู้คุมหอกู้และผู้คุมเกาะกงช่วยเหลืออีกสักแรง”

ทุกคนได้คาดถึงเรื่องนี้ไว้คร่าวๆ แล้ว

กู้หงกับกงซุนอู่มองพวกหลินฮั่นหัวและมู่จวิน

หลินฮั่นหัวเอ่ยอย่างราบเรียบ “ข้าไม่มีปัญหา แต่ต้องถามท่านอาจารย์เสียก่อน”

หากเป็นสำนักจากโลกเบื้องล่างทั่วไปคิดจะก่อตั้งรากฐาน เปิดสำนักบนโลกซ้อนโลก เรื่องเช่นนี้ถ้าอยู่ในเขตตะวันอาคเนย์ ไม่ว่าจะเป็นหลินฮั่นหัวหรือมู่จวินแค่พยักหน้าอนุญาต ก็สามารถทำได้แล้ว

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงเป็นเป็นข้อยกเว้นพิเศษ เนื่องจากก่อเรื่องไว้ค่อนข้างมาก ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

อีกทั้งยังมีของวิเศษที่มีความสำคัญไม่ธรรมดาอย่างตราประทับตะวัน และมงกุฎจันทราอยู่ในมือ ไม่มีใครทราบว่าวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้น

หลินฮั่นหัวกับมู่จวินไม่อาจทำตามใจชอบได้

กระนั้นมู่จวินก็พยักหน้ากล่าวว่า “ตัวข้าเองก็ไม่มีปัญหา ขอแค่ท่านอาจารย์อนุญาตก็พอ”

“ถ้าสหายน้อยเยี่ยนกับบิดาของท่านมีเวลาว่าง ลองไปเขาโถงทองเพื่อพบท่านอาจารย์ดู”

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นความปรารถนาของข้าอยู่แล้ว”

กู้หงกับกงซุนอู่เห็นดังนั้น ก็พูดกับเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกันว่า “พวกท่านจะก่อตั้งสำนักบนโลกซ้อนโลก เรื่องน่ายินดีเช่นนี้ หากว่ามีพิธีตั้งสำนัก พวกเราจะต้องไปแสดงความยินดีอย่างแน่นอน”

ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นตัวข้าขอขอบคุณทุกท่านด้วย”

ขณะคิดว่าราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องอาจไม่ทันได้รับข่าวสารทางดินแดนสุทธทัศน์ ต้องชิงลงมือตอนอีกฝ่ายรับมือไม่ทัน กู้หงกับกงซุนอู่ก็ประสานมือคำนับเยี่ยนจ้าวเกอ หลินฮั่นหัว และมู่จวิน “ทุกท่าน พวกข้าขอลา

“ราชากระบี่ภูผาเงาและราชากระบี่ทุ่งเขียว ถ้ามีคำกำชับอะไร โปรดบอกพวกเราได้เต็มที่ หากเขาโถงทองมีคำสั่งใด พวกเรายินดีปฏิบัติตาม”

หลินฮั่นหัวพยักหน้าเงียบๆ มู่จวินกล่าวพร้อมกับยิ้ม “ทุกท่านเกรงใจแล้ว”

กู้หงกับกงซุนอู่มองเยี่ยนจ้าวเกอเป็นการเฉพาะอีกครั้ง

“ครั้งนี้ดีที่สหายน้อยเยี่ยนช่วยไว้ พวกเรารู้สึกซาบซึ้งจริงๆ สหายน้อยเยี่ยนสามารถมาเป็นแขกที่ดินแดนเพิงหินโม่ได้ตลอดเวลา”

“คุณชายเยี่ยนมายังเกาะมนุษย์สำริดได้ตลอดเวลาเช่นกัน พวกเรายินดีต้อนรับ”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “สองท่านเกรงใจไปแล้ว วันหน้าข้าจะต้องไปแน่”

หลังจากมองส่งกู้หงกับกงซุนอู่จากไป ขณะมองมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอก็ปรากฏรอยยิ้ม รู้สึกเบิกบาน ‘ตอนนี้ทิวทัศน์ของทะเลหวงเจียดูน่าสนใจขึ้นมาหน่อยแล้ว’

………………..