บทที่ 2119 อ่อนโยนและมีเมตตา
ได้ยินหญิงสาวบ่นพึมพำถึงอนาคตของพวกเขา พูดถึงลูกชายของพวกเขา ได้สัมผัสถึงอุณหภูมิจากตัวเธอจริงๆ ชายหนุ่มก็สูดหายใจเข้าออกอย่างมั่นคง และก้มหน้าลงจูบหญิงสาวเต็มแรง
เมื่อสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร้อนผ่าวที่จู่ๆ ก็เพิ่มเข้ามา เยี่ยหวันหวั่นจึงกะพริบตาปริบๆ อย่างแปลกใจอยู่บ้าง
เอ๋ วันนี้กระตือรือร้นขนาดนี้เชียวเหรอ
กระตือรือร้นเกินไปหน่อยไหม ไม่ให้เธอได้ตั้งตัวบ้างเลย…!
เดิมทีเธอเตรียมการจะพูดคุยพลางดื่มด้วยกันสักหน่อย!
ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มก็ลูบไล้ผ่านผิวอันเนียนนุ่มของหญิงสาว ควบคุมร่างกายของหญิงสาวกดไว้แนบอกตน
ประสาทสัมผัสอันเฉียบไวของเยี่ยหวันหวั่นรับรู้ถึงความแปรปรวนที่ซ่อนอยู่ในอารมณ์ของชายหนุ่ม จึงยื่นมือน้อยๆ ออกไปลูบไล้เส้นผมของเขาตามสัญชาตญาณ
แผ่นหลังของซือเยี่ยหานแข็งทื่อทันที จากนั้นความเคลื่อนไหวทั้งหมดก็หยุดนิ่งลง
เยี่ยหวันหวั่นหอมปลายคางซือเยี่ยหานเบาๆ “ที่รัก เป็นอะไรไป เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”
ไม่รู้ว่าเงียบอยู่นานแค่ไหน ในที่สุดซือเยี่ยหานก็เปิดปากพูด “หวันหวั่น…เธอคิดดีแล้วใช่ไหม”
ตั้งแต่รู้ชาติกำเนิดของถังถัง หลายวันมานี้ เขามีความรู้สึกอันแรงกล้าอย่างหนึ่งมาโดยตลอดว่าคงไม่ใช่ความจริง ราวกับถูกแขวนเอาไว้กลางอากาศอยู่ตลอด
เยี่ยหวันหวั่นไม่เข้าใจ “คิดดีเรื่องไหนล่ะ”
ซือเยี่ยหานตอบสั้นๆ “เรื่องอยู่กับฉัน”
เยี่ยหวันหวั่นกลอกตาใส่เขาทีหนึ่ง “เหลวไหลน่ะ แน่อยู่แล้วสิ นี่ยังต้องคิดอีกเหรอ”
ซือเยี่ยหานมุ่นคิ้ว แล้วลุกขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง นั่งเงียบๆ อยู่ที่ขอบเตียง หว่างคิ้วเต็มไปด้วยไอทะมึนที่ไม่เลือนหายไป
ผ่านไปพักหนึ่ง ชายหนุ่มก็ทอดสายตาออกไปไกลเหม่อมองความว่างเปล่า แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “คนในใจเธอคนนั้น…เป็นเจ้าชายสง่างาม ได้รับความนับถือ แต่ฉัน เป็นแค่มังกรชั่วร้าย ”
“ไร้สาระ”
ได้ยินซือเยี่ยหานว่าตัวเองแบบนี้ สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นก็พลันแปรเปลี่ยน
หลายครั้งระหว่างที่เข้ารับการสะกดจิต เธอจำอดีตของซือเยี่ยหานได้แล้ว จากการซึมซับผ่านความทรงจำและเศษเสี้ยวความทรงจำ เธอมั่นใจมากว่า ซือเยี่ยหานไม่ใช่คนอย่างที่ตัวเขาพูดออกมาแน่นอน
ธาตุแท้ของเขา มีเมตตายิ่งกว่าใคร บริสุทธิ์ยิ่งกว่าใคร
เพียงแต่…
เมื่อต่อกรกับมังกรร้ายมาเนิ่นนาน ตัวตนจึงแปรเปลี่ยนเป็นมังกรร้าย เฝ้ามองขุมนรกมาเนิ่นนาน ขุมนรกจึงย้อนเข้าครอบงำ
บนโลกใบนี้ นอกจากมังกรร้ายเองแล้ว ก็ไม่มีสิ่งชีวิตหน้าไหนสามารถต่อกรกับมังกรร้ายได้ ถึงแม้เขาจะเอาชนะมังกรร้ายได้ แต่ตัวเองก็กลายเป็นมังกรร้ายแบบที่ตัวเองรังเกียจชิงชังที่สุดด้วยเหมือนกัน
ซือเยี่ยหานพูดต่อไปว่า “หวันหวั่น อย่าหลอกตัวเองหลอกคนอื่นเลย ไม่มีใครรู้จักฉันดีกว่าตัวฉันเองหรอก”
สิ่งที่เขากลัวที่สุดไม่ใช่การเสียเธอไป แต่เป็นสักวันหนึ่งเธออาจเสียใจภายหลัง
เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองซือเยี่ยหานด้วยสีหน้าจริงจัง “จี้ซิวหร่านเป็นคนดีมาก เขาทั้งหล่อทั้งงามสง่า เขาได้รับความนับหน้าถือตา เขาเป็นที่รักของทุกคน รวมถึงตัวฉันในอดีตด้วย…”
ซือเยี่ยหานได้ยินทุกคำพูด แววตาจึงหม่นหมองลงกว่าเดิม
เยี่ยหวันหวั่นก็พูดต่อไปว่า “ส่วนคุณ คุณคือมังกรร้าย เป็นจอมมารในสายตาของทุกคน ที่ทุกคนต่างหวาดกลัว รังเกียจคุณ แต่ว่า แบบนั้นแล้วยังไงล่ะ ต่อหน้าฉัน คุณหุบเขี้ยวเก็บเล็บไว้ตลอด อ่อนโยนมีเมตตาเสมอมา สำหรับฉันแล้ว คุณคือคนที่ดีที่สุด”
“เธอ…” ทุกคำพูดของหญิงสาว ทำให้ระลอกอารมณ์ในดวงตาของซือเยี่ยหานท่วมท้นขึ้นมาทันที ราวกับโลกที่เดิมทีแตกสลายพังทลายลง ก่อตัวขึ้นใหม่เพียงเพราะคำพูดของหญิงสาว
ทุกครั้งที่เยี่ยหวันหวั่นบอกว่าเขาอ่อนโยน บอกว่าเขาใจดี ในใจของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจตัวเองอย่างรุนแรงสุดๆ
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่า เธอจะเอ่ยถ้อยคำแบบนี้ออกมาได้
———————————————————————-
บทที่ 2120 ฉันจัดการได้
เยี่ยหวันหวั่นบ่นอุบอิบด้วยความอารมณ์เสีย “ดังนั้น ห้ามคุณด้อยค่าตัวเองอีก! และคุณก็ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับใครหน้าไหนด้วย คุณก็คือคุณ! อีกอย่าง ชื่อเสียงของฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่าคุณสักเท่าไรนี่ พวกเราสองคนเป็นคู่ชั่วร้ายเหมือนอีกาในใต้หล้า ไม่เข้าใจเลยจริงๆ เลยว่าคุณไปเอาความกังวลพวกนี้มาจากไหน!
คุณนี่นะ แต่ละวันถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็หึงหวงตัวเองหาข้อบกพร่องของตัวเองอยู่ได้เมื่อไหร่จะเปลี่ยนสักที!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดๆ ไป ก็ถอนหายใจอีกครั้ง กุมคางไว้ จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า หยักมุมปากแล้วโบกมือพลางกล่าวว่า “ช่างเถอะๆ ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก ท่าทางตอนคุณหึงฉันก็ชอบมากเหมือนกัน!”
ซือเยี่ยหานจ้องเยี่ยหวันหวั่นอยู่นาน คล้ายอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายกลับไม่เอ่ยออกมาเลยสักประโยค
“ยังจำเรื่องเกาะที่ฉันบอกเธอครั้งก่อนได้ไหม”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซือเยี่ยหานก็มองไปทางเยี่ยหวันหวั่น แล้วพูดขึ้นมา
พอซือเยี่ยหานพูดจบ เยี่ยหวันหวั่นกลับผงะไปเล็กน้อย
เกาะที่บอกครั้งก่อนงั้นเหรอ
เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นเอียงคอ จมอยู่ในความคิด
“รู้แล้วๆ…”
เยี่ยหวันหวั่นนึกออกในทันใด เกาะที่ซือเยี่ยหานพูดถึงก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าจะมีคนคอยเฝ้าอยู่ เป็นไปได้ว่าบอสใหญ่ผู้มีชื่อเสียงของรัฐอิสระพวกนั้นที่หายตัวไป อาจจะถูกขังไว้บนเกาะแห่งนั้นก็ได้
“หลายวันมานี้ คนของอาชูร่าตรวจสอบดูอย่างเข้มงวด”
ซือเยี่ยหานเล่าออกมา
เยี่ยหวันหวั่นจึงสนอกสนใจขึ้นมาทันที “จากนั้นล่ะ”
พวกจี้ซิวหร่านหายตัวไปนานมากแล้ว ยิ่งหาตัวเจอเร็วเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น มิฉะนั้นแล้ว อัตราความผันผวนในแต่ละวันจะเพิ่มมากขึ้น พวกเขาก็จะมีอันตรายเพิ่มขึ้นด้วย
“คนที่คอยเฝ้ายามนอกเกาะค่อนข้างเยอะ นอกเสียจากจะเข้าโจมตีเกาะซะ ไม่งั้นก็ยากจะตรวจสอบให้ชัดเจนได้”
ซือเยี่ยหานเอ่ย
เดิมที เขาวางแผนว่าหลังจากตรวจสอบเรื่องทั้งหมดจนกระจ่างแจ้งแล้ว ค่อยพิจารณาว่าจะบอกให้เยี่ยหวันหวั่นรู้ดีไหม
แต่ว่า เรื่องนี้ เยี่ยหวันหวั่นมีสิทธิ์รู้ ไม่ใช่เพียงเพราะคำสัญญาที่เยี่ยหวันหวั่นรับปากไว้ตอนแรกเท่านั้น เหตุผลก็เป็นเพราะผู้ชายคนนั้น เป็นไปได้ว่าจะอยู่บนเกาะเหมือนกัน
“มีคนเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ แม้แต่อาชูร่าก็เข้าใกล้ไม่ได้เลยเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นจ้องซือเยี่ยหาน พลางกะพริบตาปริบๆ
เมื่อซือเยี่ยหานฟังแล้วก็ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เยอะมาก”
ไม่ใช่ว่าคนของอาชูร่าไม่อาจเข้าใกล้ได้ แต่ทันทีที่เข้าไปใกล้ จะต้องถูกคนที่เฝ้าอยู่บนเกาะสังเกตเห็นแน่นอน
สถานการณ์บนเกาะเป็นยังไง คนที่หายตัวไปก่อนหน้านี้ถูกขังไว้บนเกาะหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดเลยสักอย่าง
ถ้าเกาะนั้นมีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น อย่างที่คาดการณ์ไว้จริงๆ การผลีผลามเข้าใกล้ ไม่เพียงช่วยคนไม่ได้ แต่ยังจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นอีกด้วย ถึงขั้นที่ว่า อาจจะทำให้คนพวกนั้นที่ถูกขังไว้ตกอยู่ในอันตราย
ซือเยี่ยหานมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างเงียบเชียบแวบหนึ่ง ถ้าบนเกาะไม่มีจี้ซิวหร่าน เขาอาจจะไม่สนใจความปลอดภัยของคนอื่น แต่ว่า เป็นไปได้ว่าจี้ซิวหร่านจะถูกขังเอาไว้บนเกาะแห่งนั้นด้วย
ซือเยี่ยหานไม่ต้องการให้ตัวเองกลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้จี้ซิวหร่านมีอันตรายมากขึ้นกว่าเดิม
“งั้นจะทำยังไงดีล่ะ…” เยี่ยหวันหวั่นมุ่นคิ้วนิดๆ และตกอยู่ในความเงียบ
ซือเยี่ยหานจ้องมองเยี่ยหวันหวั่นอยู่นาน แล้วจึงค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “เรื่องนี้ เธอไม่ต้องสืบแล้ว ฉันจัดการได้”
พอได้ยินคำพูดของซือเยี่ยหาน สายตาของเยี่ยหวันหวั่นก็เคลื่อนไปที่ร่างของซือเยี่ยหาน “คุณวางแผนจะจัดการยังไง”
เยี่ยหวันหวั่นไม่อยากให้ซือเยี่ยหานมีอันตรายใดๆ เพราะเรื่องนี้ เพราะฉะนั้น เธอยินดีจะจัดการด้วยตัวเอง
“หวันหวั่น”
ซือเยี่ยหานจ้องมองเยี่ยหวันหวั่น “ถ้าหากว่า จี้ซิวหร่านยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะช่วยเขาออกมาให้ได้”
แน่นอน เขาจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ ขอแค่มีชีวิตอยู่ ถึงจะสามารถช่วยออกมาได้
……………………………………….