อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1125 วางแผน

ในขณะที่กู้ชูหน่วนทำการรักษา ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารเขา

จะต้องเข้มแข็งขนาดไหน ถึงสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดจากการถูกทุบกระดูกอย่างไม่ร้องออกมาสักคำ?

นางพยายามที่จะมองข้ามความเจ็บปวดของเย่จิ่งหาน แล้วเพิ่มความเร็ว

ยังไงก็จะต้องเจ็บปวดสักครั้ง ค่อยๆทำ เขาก็จะต้องยิ่งทรมานนาน

รุนแรงหน่อย ให้เขาเจ็บปวดภายในครั้งเดียว

“คลั่ก…..”

เหมือนกระดูกหักอีกชิ้น เย่จิ่งหานก็อดทนไม่ไหวอีก เป็นลมสลบไป

เขาเจ็บปวดจนสลบไปหลายครั้ง แล้วก็เจ็บปวดจนตื่นขึ้นมาหลายครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตายไปเสียยังจะดีกว่า

เย่เฟิงถูกหักกระดูกครั้งแล้วครั้งเล่าตั้งแต่เด็ก เขายังสามารถผ่านมาได้ แล้วเขาจะผ่านไปไม่ได้ได้อย่างไร

มีเพียงตนเองเคยผ่านความเจ็บปวดจากกระดูกหัก ถึงรู้ว่าเย่เฟิงต้องเคยทนทุกข์ทรมานขนาดไหน

“อดทนหน่อย ใกล้จะเสร็จแล้ว”

อาจเป็นเพราะสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาที่รุนแรงขึ้น กู้ชูหน่วนหยิบเอายาที่เตรียมไว้ก่อนแล้ว ทางบนกระดูกของเขาที่หัก

“อืม…..”

เย่จิ่งหานไม่รู้ว่านั่นคือยาอะไร รู้สึกแค่ว่าเขาเจ็บยิ่งกว่ากระดูกหักเป็นพันเท่า แทบอยากที่จะชนกำแพงตายเสียทีเดียว

“หากเจ้าอยากที่จะได้เจอกับภรรยาของเจ้าอีกครั้ง ก็จะต้องอดทนต่อไป ยานี้ถึงแม้จะเจ็บปวด แต่สามารถต่อกระดูกที่หักของเจ้ากลับเข้าไปใหม่ได้ในเวลาอันสั้น”

อาหน่วน……อาหน่วน……

เขาจะต้องอดทนต่อไป เขาจะต้องทำให้อาหน่วนฟื้นคืนชีพ…..

เขาลืมตาที่พร่ามัว มองเห็นมู่หน่วนตั้งอกตั้งใจรักษาเขา นัยน์ตาคมกริบนั่นสะท้อนมองดูกระดูกหัวเข่าเปื้อนเลือดของเขา

ภายในนัยน์ตาคู่นั้น เขามองเห็นความตั้งใจ มองเห็นความเป็นห่วง มองเห็นความมุ่งมั่น

เหมือนภรรยาของเขาอย่างมาก…..

เย่จิ่งหานอยากช่วยเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของนาง อยากบอกนางว่า เขาไม่กลัวเจ็บ กลัวเพียงว่าจะไม่สามารถกลับมาเดินได้ กลัวว่าจะไม่สามารถฟื้นคืนชีพให้กับอาหน่วน

แต่เขาถูกล่ามมือเท้าไว้ ทั้งร่างกายอ่อนแรง ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะบอกกับนาง

“เอาล่ะ ที่เหลือก็ต้องพึ่งพาตัวเจ้าเองแล้ว”

กู้ชูหน่วนถอนหายใจออกมายาวๆ ล้างมือทั้งคู่ให้สะอาด แล้วก็ช่วยดึงผ้าห่มมาคลุมให้กับเขา

เย่จิ่งหานถามขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า “มี….มีกี่ส่วน…..”

“เก้าส่วน”

เย่จิ่งหานโล่งอก

เก้าส่วน….

งั้นขาของเขาอาจจะสามารถฟื้นตัวกลับมาเดินได้

คิดไม่ถึงว่าคำพูดต่อมาของกู้ชูหน่วน แทบจะทำให้เขาสลบไปอีกครั้ง

“เก้าส่วนไม่มีความหวัง”

“……”

ไม่มีความหวังเก้าส่วน?

งั้นก็แสดงว่ามีความหวังเพียงหนึ่งส่วน?

“ร้อนใจทำไม ก็ยังมีความหวังหนึ่งส่วนไม่ใช่หรือ? ดีกว่าพิการไปทั้งชีวิตไหมล่ะ”

“……”

“เจ้าเหนื่อยมากแล้ว นอนพักผ่อนก่อน นอนหลับไปก็จะไม่เจ็บปวดขนาดนั้นแล้ว”

กู้ชูหน่วนสะบัดแขนเสื้อ ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป ดวงตาเย่จิ่งหานหนักอึ้ง ค่อยๆผล็อยหลับไป

ไม่นาน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ปืนกำลังเข้ามา ส่งเสียงซี๊ดพร้อมเลื้อยเข้ามา

กู้ชูหน่วนหิ้วมันขึ้นมา

“ทำไมถึงนานขนาดนั้น? สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ซี๊ด….ตระกูลไป๋หลี่เป็นตระกูลใหญ่ สถานการณ์ซับซ้อน พระราชวังก็เป็นสถานที่ที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาที่สุดในโลก สถานการณ์จึงยิ่งซับซ้อน”

“พูดภาษาคน”

“นายหญิง เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เป็นงู”

“พูดภาษางู”

“ซี๊ดๆ…..”

“ปัง…..”

กู้ชูหน่วนเขกหัวมันหนึ่งที พร้อมทำท่าเหมือนจะเผาย่างมันเสีย

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ร้องขอซี๊ดๆ

“อย่าๆ นายหญิง เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลัวร้อน”

“ไวๆ”

“ก็ได้…..ข้อมูลตระกูลไป๋หลี่ล้วนอยู่ในนี้แล้ว”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์คายเศษผ้าออกมาจากปาก

กู้ชูหน่วนเปิดดู ข้างในเป็นแผนผังตระกูลไป๋หลี่ แผนที่การกระจายฐานที่มั่นในที่ต่างๆ ตลอดจนตระกูลไป๋หลี่มียอดฝีมืออะไรบ้าง ประจำการอยู่ที่ไหน ชำนาญอะไร

สามารถพูดได้ว่า ทุกการเชื่อมต่อของตระกูลไป๋หลี่ถูกบันทึกไว้โดยละเอียด

เอาข้อมูลพวกนี้มาได้ เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะต้องลงทุนลงแรงอย่างมาก

“ขั้นตอนระดับหกคนหนึ่ง….ระดับห้าเจ็ดคน….ระดับสี่เกือบร้อยคน….”

มีกำลังที่แข็งแกร่งอย่างมาก…..