ราชันเร้นลับ 1082 : ปุบปับ

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ภายในคฤหาสน์ของดอน·ดันเตส

หลังจากเทเลพอร์ตกลับ ไคลน์ไม่มัวรีรอ มันรีบตั้งแท่นบูชาและประกอบพิธีกรรมสวดวิงวอนมรณา

“พระองค์ผู้เป็นแก่นแท้ของความตาย”

“พระองค์ผู้ปกครองเหนือความตายทั้งปวง”

“พระองค์ผู้เป็นจุดหมายสุดท้ายของทุกสิ่งมีชีวิต”

“ข้าขอสวดวิงวอน ขอให้พระองค์ช่วยบอกวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับวิญญาณมารเทวทูตสีชาด อีกฝ่ายสิงร่างผู้เฝ้าประตูคนหนึ่งและร่วมมือกับไฮเทล นักบวชระดับสูงของนิกายวิญญาณ ปัจจุบันกลับมาที่เบ็คลันด์ในฐานะผู้ช่วยของแพทริค·เบรน…”

สำหรับเรื่องนี้ ไคลน์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพึ่งพาเทพธิดารัตติกาล

ต่อให้ร่วมมือกับหัวหน้านักบวชแห่งรัตติกาล อาเรียนน่าเพื่อปราบเซารอน·ไอน์ฮอร์น·เมดีซีจนสำเร็จ แต่นั่นก็จะทำให้นักบวชระดับสูงของนิกายวิญญาณตระหนักถึงความผิดปรกติหลังจากผู้ช่วยคนใหม่ของแพทริค·เบรนหายตัวไป และเมื่อมันวิเคราะห์ถึงความเชื่อมโยง คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะพบว่ามีสิ่งผิดปรกติเกิดกับมรณาเทียม จากนั้นก็อาศัยพลังอำนาจในมือ สมบัติวิเศษในมือ และความทะลุปรุโปร่งในเส้นทางเพื่อสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเทพธิดาและพังพินาศไปทั้งคู่

และถ้าไคลน์ปลอบเทวทูตสีชาดเอาไว้ วิญญาณมารตนนี้ก็จะตรวจพบความผิดปรกติในตัวแพทริค·เบรนได้อย่างรวดเร็ว ด้วยสติปัญญาและข้อมูลที่มันครอบครอง คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะสาวไปถึงต้นตอความผิดปรกติ

ไม่ว่าจะรับมือยังไงก็ล้วนเกิดปัญหา… สมแล้วที่เป็นเทวทูตในขอบเขตสงคราม… ทั้งที่อยู่ในร่างวิญญาณแบบ ‘สามรวมเป็นหนึ่ง’ แต่กลับสามารถสร้างปัญหาที่ไม่มีทางแก้ให้ผู้อื่น… นี่ต้องเป็นแผนที่มันเสนอไฮเทลแน่…

อันที่จริงเราก็มีแผนแบบสุดโต่งเช่นกัน… นั่นคือการทำให้วิญญาณมารเทวทูตสีชาดถูกฆ่าโดยโบสถ์อื่น องค์กรอื่น หรือองค์กรลับอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย… สรุปง่ายๆ ก็คือ ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเทพธิดาไม่สามารถเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ได้… แผนการต้องดำเนินอย่างรอบคอบ…

แต่ความก็คือ จะทำยังไงให้ผู้วิเศษที่ถนัดด้านการวางแผนสุดๆ ตกหลุมพราง… หากแก้ไขได้ไม่ดี ผลเสียจะย้อนกลับมาหาเรา… หลังจากสวดวิงวอนจบ ไคลน์ปล่อยให้ความคิดล่องลอยขณะรอการตอบสนองจากเทพธิดา

ผ่านไปราวสิบวินาที เถ้าถ่านที่เกิดจากการเผาผงสมุนไพรเพื่อทำให้เทพโปรดปรานถูกพัดโดยลมที่มองไม่เห็น ลอยออกจากหม้อและเรียงตัวเป็นคำบนโต๊ะ:

“การมาถึงของเขา… กองทัพและศัสตราทั่วโลกจะลุกฮือ”

หมายความว่ายังไง? เมื่อได้เห็นประโยคที่รู้สึกเหมือนเคยอ่าน ไคลน์ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ในฐานะนักทำนาย มันเริ่มตีความ:

เนื่องด้วยปัญหาเกี่ยวกับกษัตริย์ อาณาจักรโลเอ็นจึงเข้าใกล้ภาวะสงครามเต็มที ส่งผลให้เทวทูตสีชาดที่เป็นสัญลักษณ์ของสงครามปรากฏตัว

ซึ่งนั่นหมายความว่า ไม่มีใครสามารถยับยั้งสงครามได้อีกต่อไป

ใครก็ตามที่ก้าวไปถึงลำดับ 1 คนผู้นั้นจะเป็นสัญลักษณ์แทนปรากฏการณ์

ท่ามกลางความคิดมากมาย สายลมล่องหนหยุดลง แท่นบูชาที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกด้วยกำแพงวิญญาณพลันตกอยู่ในความเงียบสงัด

ไม่มีวิวรณ์เพิ่มแล้ว? หลังจากรออีกสักพัก ไคลน์ยืนยันว่าการตอบสนองสิ้นสุดแค่นั้น จึงจบพิธีกรรมและเก็บกวาดแท่นบูชา

จากนั้นมันเดินกลับมานั่งที่โซฟา รอคอยว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นต่อ

ผ่านไปสิบห้านาที มันยังไม่ได้พบกับผู้นำแห่งสำนักชีรัตติกาล หัวหน้าสิบสามอาร์ชบิชอป เทวทูตแห่งการปกปิด อาเรียนน่า

เราไม่ต้องเข้าไปยุ่งกับวิญญาณมารเทวทูตสีชาด ให้ปล่อยมันทำตามอำเภอใจ? หรือพระองค์มีแผนจะลงมือทำบางสิ่ง แต่เราไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมปฏิบัติการ? ว่ากันตามตรง ไคลน์ไม่ใช่สาวกเดนตายของศาสนจักรรัตติกาล ถ้าเทพธิดาบอกว่าไม่ต้องทำอะไร มันก็จะไม่ทำอะไร เพราะไม่เพียงเรื่องนี้จะยุ่งยาก แต่ยังอันตรายมากด้วย

ส่ายหน้าเล็กน้อย ไคลน์หยิบปากกาและกระดาษออกมาเขียนทำนายด้วยความฝัน

สิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ทำให้มันไม่มัวเอ้อระเหย ต้องรีบหาทางย่อยโอสถจอมเวทพิสดารให้เร็วที่สุด

บนทะเลหมอก ภายในเรือเดินสมุทรลูกผสมเครื่องยนต์ไอน้ำที่อยู่ใกล้กับเรือโจรสลัด

ผู้ชายและหญิงชราต่างถูกมัดมือมัดเท้าและผลักให้อยู่ชิดกราบเรือ จากนั้นโจรสลัดต่างผลักหรือไม่ก็ถีบคนเหล่านั้นลงไปในทะเล

เสียงน้ำกระเด็นมิได้ทำให้โจรสลัดหวั่นไหว ตรงกันข้าม พวกมันหัวเราะร่วนขณะลงมือฆ่าล้างบาง

หลังจากจัดการมัดเชลยเสร็จ พวกมันถือปืนและตะเกียงเดินไปมาบนดาดฟ้า เตรียมดื่มด่ำไปกับการดิ้นรนของเหล่าหนอนแมลงน่าสมเพช

ทว่า ภายใต้แสงไฟที่ส่องลงไป ท้องทะเลสีครามด้านข้างเรือกลับเงียบสงัด ไม่มีใครอยู่ด้านล่างแม้แต่คนเดียว

“พวกมันจมไปแล้ว? เร็วขนาดนี้เชียว?” โจรสลัดโพล่งขึ้นด้วยความประหลาดใจ

หัวหน้ากลุ่มโจรสลัดหมวดคิ้ว กล่าวหลังจากจ้องอยู่สักพัก

“บางทีคงมีสัตว์ทะเลบางตัวและมองไอ้พวกที่บังอาจต่อต้านเป็นอาหารจากทวยเทพ… เป็นโอกาสที่ดี ถ้าพวกเราให้อาหาร มันก็คงไม่โจมตี”

กล่าวจบ หัวหน้าโจรสลัดโบกมือ

“พวกแกทุกคน… เชิญสนุกให้เต็มที่!”

ในฐานะโจรสลัดที่มีประสบการณ์ค่อนข้างมาก มันทราบดีว่าในทะเลเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตประหลาด ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าไปพยายามเค้นหาความจริงหรือเหตุผล และในเมื่อสัตว์ทะเลไม่ทำร้ายลูกเรือ มันก็ไม่ตัวเลือกอื่นนอกจากสรรเสริญเทพวายุสลาตันที่คอยอวยพร จากนั้นก็แสร้งทำเป็นลืมว่ามีสิ่งใดอยู่ใต้ทะเล

หลังจากแบ่งคนมาเฝ้าเวรยามและทำหน้าที่ โจรสลัดที่เหลือเริ่มดื่มอย่างเต็มคราบ กินเนื้อชิ้นโตและร้องรำทำเพลงเสียงดัง นอกจากนั้นยังมีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงหญิงสาวที่ถูกจับมัดเป็นเชลย

ท่ามกลางความเอะอะวุ่นวาย หัวหน้าโจรสลัดพาสาวสวยที่มันหมายตาเข้าไปในห้องกัปตัน อดใจรอไม่ไหวที่จะเริ่มขั้นตอนสุดท้ายของงานรื่นเริงในค่ำคืนนี้

กลางดึกสงัด หัวหน้าโจรสลัดที่อ่อนเพลียเหยียดแขนขวาออกไปสัมผัสกับบางสิ่งที่เย็นเยียบ

มันสะดุ้งตื่นทันที อาศัยแสงสว่างจากพระจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่าง มันเห็นท่อนไม้ที่เต็มไปด้วยผิวขรุขระในอ้อมแขน

กิ่งก้านเล็กๆ งอกเงยออกจากท่อนไม้พร้อมกับใบสีเขียว โอบกอดหัวหน้าโจรสลัดเอาไว้ในลักษณะเดียวกับแขนขามนุษย์

โครม!

รูม่านตาหัวหน้าโจรสลัดพลันเบิกกว้าง หลังจากรีบผลักท่อนไม้ออก มันดีดตัวขึ้นจากเตียงและซวนเซถอยหลัง

นี่เรา ‘ทำ’ กับไอ้นี่? ความกลัวครอบงำจิตใจของมันโดยสมบูรณ์ มันไม่แยแสเสื้อผ้า รีบหยิบปืนและดาบวิ่งออกไปจากห้อง

ด้านนอก โจรสลัดคนหนึ่งกำลังยืนเฝ้ายาม

“หัวน่อ มั่วคืนมีควมสุขหมัย…” เมื่อเห็นหัวหน้าปิดประตูออกมา โจรสลัดที่เฝ้ายามรีบถาม

ในทีแรก หัวหน้าโจรสลัดต้องการจะตำหนิเรื่องที่อีกฝ่ายเมาจนพูดไม่รู้เรื่อง แต่เมื่อจ้องมองอย่างตั้งใจ มันกลับพบว่าด้านในและรอบๆ ปากอีกฝ่ายเต็มไปด้วยเมล็ดข้าวสาลีสีทองอร่าม กระทั่งบนลิ้นก็ยังมีเมล็ดข้าวเรียงสวย

หัวหน้าโจรสลัดพลันเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง หนังหัวคันยุบยิบ

ทันใดนั้น ประตูห้องฝั่งตรงข้ามทางเดินเปิดออกในเวลาเดียวกัน โจรสลัดคนหนึ่งร้องสะอื้น

“ห…หัวหน้า! ม…มีเห็ดขึ้นตรงนั้นของฉัน!”

กล่าวจบ โจรสลัดวิ่งออกมาจากห้อง

ในเวลาเดียวกัน มันรู้สึกคันตา จึงยกมือขึ้นมาขยี้ตาขวา

ขณะขยี้ เถาวัลย์สีเขียนขุ่นค่อยๆ งอกออกจากช่องว่างระหว่างเบ้าตาและลูกตา ปลายเถามีองุ่นสีแดงเข้มหนึ่งผล

รอบผลองุ่นมีตุ่มเนื้อมนุษย์จำนวนมากห้อมล้อม

“…” เมื่อเห็นฉากรอบตัว หัวหน้าโจรสลัดเอาแต่ยืนแข็งทื่อ ซักถามด้วยเสียงที่ไม่เหมือนกับตัวเอง “พวกแก… เกิดอะไรขึ้นกันแน่…”

ขณะยังคงขยี้ตา โจรสลัดที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกล่าวโดยไม่คิดมาก

“เงาดำที่คล้ายกับแท่งไม้แทงใส่ฉัน!”

“ท… ท่างมั๊ย…” โจรสลัดที่มีเมล็ดข้าวสาลีอยู่เต็มลิ้นตอบ

มันถูกหัวหน้าโจรสลัดบังไว้ จึงมองไม่เห็นรูปลักษณ์อันน่าสยดสยองของพวกพ้อง

หัวหน้าโจรสลัดเริ่มสั่นระริกอย่างมิอาจหักห้าม จากนั้นวิ่งออกจากเขตห้องโดยสารตามสัญชาตญาณ

ทันใดนั้น มันเห็นเงาดำที่คล้ายกับแท่งไม้พุ่งออกจากผนังด้านข้าง กระแทกร่างกายอย่างแม่นยำ

เงาดำดังกล่าวไหววูบก่อนจะหายไป ราวกับเป็นฝันร้ายที่สมจริง

หัวหน้าโจรสลัดที่ตอบสนองได้ช้าไปหนึ่งจังหวะรีบยกมือขึ้นเพื่อต้องการปัดป้อง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันการ

จากนั้นมันรีบสำรวจตัวเองด้วยความแตกตื่น แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปรกติ

“โชคดี… โชคยังดี…” หัวหน้าโจรสลัดถอนหายใจโล่งอก

แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียง มันได้ยินเสียงที่คลุมเครือดังขึ้น

“โชคดี… โชคยังดี…”

คล้ายกับเสียงนี้ดังจากภายในร่างกายของมันเอง!

รูม่านตาหัวหน้าโจรสลัดพลันเบิกกว้าง จากนั้นก็รีบเลิกเสื้อขึ้นตามสัญชาตญาณ

มันพบรอยแยกสามจุดบนหน้าอก ใหญ่หนึ่งและเล็กสอง

ฟันซี่ขาวเรียงรายอย่างเป็นระเบียบภายในรอยแยกใหญ่ และมีดวงตาโผล่ขึ้นจากรอยแยกเล็ก

หนึ่งปากและสองตา!

หัวหน้าโจรสลัดมีตากับปากอยู่กึ่งกลางหน้าอก!

“ม่ายยยยยยย!”

เสียงแหกปากดังกังวานไปทั่วเรือ อัดแน่นไปด้วยความหวาดกลัวอย่างเต็มเปี่ยม

ภายในสิบห้านาทีถัดมา โจรสลัดบางคนเสียสติและเริ่มฆ่าพวกพ้อง บางคนหนีกลับไปที่เรือตัวเองสำเร็จ แต่กลับต้องพบว่าคนบนเรือกลายพันธุ์ไปหมดแล้ว จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกระโดดลงทะเลอย่างสิ้นหวัง

จนกระทั่งเหตุการณ์สงบลง บนเรือเหลือโจรสลัดเพียงกว่าสิบคนที่ไม่เผชิญความปรกติ ทุกคนหลบอยู่ในห้องด้วยอาการสั่นกลัวและลำตัวส่งกลิ่นเหม็นจากของเสีย

ผ่านไปอีกสักพัก โจรสลัดเริ่มทยอยเดินออกจากห้องโดยสารทีละคน

พวกมันจ้องมองที่เกิดเหตุอย่างไม่เชื่อสายตา บ้างขอบคุณพระเจ้า บ้างเอาแต่ยืนเหม่อ

เช้าตรู่ของอีกวัน ไคลน์ลุกขึ้นจากเตียงและล้างหน้า

ขณะกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความช่วยเหลือจากบุรุษรับใช้เอ็นยูน มันเห็นพ่อบ้านวอลเตอร์ซึ่งเมื่อวานลากลับไปอยู่กับครอบครัว เดินมาที่หน้าประตูห้องและกล่าว

“นายท่าน บิชอปอีเล็คตร้ามาเยี่ยม”

“…พาเข้าไปรอที่ห้องรับแขกและจัดหาซิการ์ให้” ไคลน์ผงะเล็กน้อยก่อนจะตอบ

มันสงสัยว่านี่อาจเป็นการตอบสนองระลอกหลังจากเทพธิดา

วอลเตอร์หันหลังกลับและเดินลงไปข้างล่างเพื่อจัดแจง แต่เพียงไม่นานก็ย้อนกลับมาและรายงาน

“นายท่าน บิชอปอีเล็คตร้ากล่าวคำอำลาและกลับไปแล้ว เขากล่าวว่าคุณต้องแวะไปที่วิหารนักบุญแซมมวลในตอนเช้าให้ได้ ทางศาสนจักรและรัฐบาลต้องการร่วมกันซ้อมรับมือการโจมตีทางอากาศ”

“ซ้อมรับมือการโจมตีทางอากาศ…?” ไคลน์ขมวดคิ้ว

ทันใดนั้น สัมผัสวิญญาณของมันถูกกระตุ้น จึงรีบหันไปมองทางหน้าต่าง

บนท้องฟ้า เรือเหาะสีน้ำตาลเข้มกำลังบินตรงมาในลักษณะเรียงรายเป็นทิวแถว

เรือเหาะเหล่านี้มีตราสัญลักษณ์เป็นแถบสีแดง ขาว และเหลืองในแนวเฉียง – ธงของฟุซัค!

ได้เห็นฉากตรงหน้า ไคลน์เข้าใจทันทีว่าตนมองข้ามสิ่งใดไป

สงครามไม่จำเป็นต้องเริ่มโดยอาณาจักรโลเอ็น!

องค์กรลับที่เก่าแก่ย่อมมีสมาชิกระดับสูงแฝงตัวอยู่ในทุกชาติ ไม่อย่างนั้นคงมิอาจจัดแจงสถานการณ์ของโลกใบนี้ได้อย่างครบถ้วน!

…………………………….