ทะเลสาบขนาดใหญ่

ที่มีแสงส่องระยิบระยับราวกับปลาน้อยสีเงินโผบินออกมา

มู่เฉินและไป๋ซู่ซู่ยืนอยู่บนผืนน้ำพร้อมกับแสงหลิงเล็ดลอดออกมาห่อหุ้มทั้งสองไว้เพื่อปกปิดรัศมีจนหมด

ไป๋ซู่ซู่มองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ “ตามข้อมูลล่าสุด ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตจะผ่านมาที่นี่จากเส้นทางการลาดตระเวน ว่ากันว่ามันกำลังมุ่งหน้ากลับภูเขาเสี่ยหมัว ดังนั้นเราจะต้องจัดการมันที่นี่”

ดวงตาของมู่เฉินหดลงเมื่อได้ยิน “หรือว่าพวกมันจะรับรู้แล้ว?”

หลังจากไตร่ตรองชั่วครู่ใบหน้าของไป๋ซู่ซู่ก็เปลี่ยนไปเป็นเคร่งเครียด “ปีศาจคนนี้ตระเวนไปทั่ว ข้อมูลก็คงจะค่อนข้างดี มันอาจจะรับรู้อะไรบางอย่าง แต่ไม่น่าจะยืนยันข่าวได้ ดังนั้นจึงคิดจะไปที่ภูเขาเสี่ยหมัวเพื่อพูดคุยตัดสินใจกับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตอีกสามคน”

“ถ้างั้นก็ปล่อยมันไปไม่ได้” มู่เฉินพยักหน้า หากผู้บัญชาการปีศาจโลหิตคนนี้ไปถึงภูเขาเสี่ยหมัว ก็จะเกิดการเตรียมการ

ไป๋ซู่ซู่พยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็เงียบลงไปประมาณหนึ่งชั่วโมงมู่เฉินก็ลืมตาโพลงมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ด้วยความเฉยเมย “มันมาแล้ว”

ไม่นานหลังจากเสียงมู่เฉินดังขึ้น เมฆสีแดงเข้มก็พล่านเข้ามาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้พร้อมกับสัตว์อสูรมากมายถูกล่ามโซ่ไว้กับตำหนักขนาดใหญ่

ตำหนักรายล้อมด้วยจอมยุทธ์เผ่าเสี่ยเสีย กระบวนทัพช่างหรูหรานัก

เมฆสีแดงพุ่งไปในทิศทางของมู่เฉินและไป๋ซู่ซู่ ทว่าก็ไม่พบทั้งสอง ยังคงมุ่งหน้าเดินทางต่อไป

เมื่อตำหนักขนาดใหญ่ผ่านไปเหนือศีรษะ ดวงตาของมู่เฉินก็เย็นชาลง เสาคลื่นหลิงขนาดมหึมาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากระแทกเข้ากับตำหนักจังใหญ่

ตู้ม!

ตำหนักระเบิดออกทันที คลื่นหลิงก็สร้างหายนะ จอมยุทธ์เผ่าเสี่ยเสียถูกสังหารไปทั้งแถบ ทุกอย่างตกอยู่ในความโกลาหล

“ใครกล้ารบกวนข้าคนนี้!”

ขณะที่เผ่าเสี่ยเสียตกใจวุ่นวาย เสียงตะโกนก็ดังก้องระหว่างฟ้าดิน ทำให้กองทัพสงบลง

“ผู้หญิง?” เมื่อได้ยินเสียงตะโกน มู่เฉินก็หรี่ตาลง เนื่องจากตระหนักว่าผู้บัญชาการปีศาจโลหิตคนนี้เป็นสตรี!

บนท้องฟ้า บริเวณตำหนักที่ระเบิด ภาพเงาภาพหนึ่งก็เยื้องย่างออกมา นี่เป็นหญิงสาวท่าทางเย้ายวนสวมชุดบางดึงดูดความสนใจเป็นอันมาก

ทว่าเมื่อนางปรากฏตัวจอมยุทธ์เผ่าเสี่ยเสียก็ลดศีรษะลงเผยความเคารพในสายตา

ดวงตาของนางพญาที่น่าหลงใหลวูบไหวด้วยแสงสีแดงเข้ม ขณะกวาดมองไปทั่วก่อนที่จะเล็งมาที่ทะเลสาบด้านล่าง

“ข้าจะจัดการกับผู้บัญชาการหญิงคนนี้ ส่วนเจ้าจัดการคนที่เหลือ อย่าปล่อยให้ใครหนีรอดไปได้” เมื่อเห็นสายตาผู้บัญชาการปีศาจโลหิต มู่เฉินรู้ว่านางสัมผัสได้ เขาจึงลบการปกปิดออก หันไปพูดกับไป๋ซู่ซู่

ไป๋ซู่ซู่พยักหน้า พลังของนางแข็งแกร่งกว่าเหล่าแม่ทัพปีศาจโลหิต และมู่เฉินก็ได้จัดการกับเหล่าแม่ทัพราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว ดังนั้นงานของนางจึงไม่ยากนัก

มู่เฉินไม่พูดมาก ค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศก่อนที่จะปรากฏตัวต่อหน้าผู้บัญชาการปีศาจโลหิตภายใต้สายตาของสมาชิกเผ่าเสี่ยเสีย

เมื่อมองมู่เฉินรอยยิ้มน่าหลงใหลก็ปรากฏบนใบหน้าผู้บัญชาการหญิง “พี่ชายน้อยหล่อเหลาถูกใจจริง เจ้าหยุดพี่สาวคนนี้เพราะอยากสนุกด้วยเหรอ?”

ขณะที่พูดชุดก็กระพือขึ้นลงเผยให้เห็นเนินเนื้อที่อยู่ใต้กระโปรง

มู่เฉินยิ้มให้กับการล่อลวง แต่แววตาสงบนิ่งนัก

เมื่อผู้บัญชาการหญิงเห็นสิ่งนี้ นางก็หดดวงตา รอยยิ้มจางหายแทนที่ด้วยไอสังหารขณะที่จ้องมองมาที่มู่เฉิน “เสี่ยโสวและเสี่ยหมิงที่หายไปเกี่ยวข้องกับเจ้าใช่ไหม?”

มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้ารู้จริงด้วยแฮะ”

“ข้าติดต่อกับพวกเขาเสมอ แต่ก่อนหน้าทั้งสองกลับหายไป ดังนั้นจึงรู้สึกแปลก แต่ข้าไม่คิดว่าจะเป็นคนจากมหาพันโลกที่เข้ามายุ่ง” ผู้บัญชาการหญิงกล่าวอย่างเย็นชา นางสังเกตแหล่งกำเนิดของมู่เฉินจากคลื่นพลังงานของเขา

“ผู้หญิงนี่หลอกยากจริง” มู่เฉินยิ้ม

ผู้บัญชาการหญิงจ้องมองมู่เฉินอย่างเย็นชาก่อนที่หมอกสีแดงเข้มรอบด้านจะพุ่งขึ้นกระจายไปทั่วฟ้าดิน

แต่ขณะที่ทุกคนคาดว่าจะเกิดการต่อสู้ใหญ่ ผู้บัญชาการหญิงกลับกลายเป็นร่างแสงพุ่งหนีไปปานสายฟ้าแลบ

ฉากที่เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่เพียงแต่ทำให้จอมยุทธ์เผ่าเสี่ยเสียตกตะลึงเท่านั้น แต่ยังทำให้มู่เฉินอึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่จะยิ้ม “ผู้หญิงช่างมารยาสาไถย”

ชัดว่าผู้บัญชาการปีศาจโลหิตรู้สึกถึงความไม่สบายใจ เพราะถ้าเขาสามารถจัดการกับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตสองคนได้ เขาก็ต้องทรงพลัง ดังนั้นหากต่อสู้กันนางก็รู้ว่าตนเองไม่มีโอกาสมากนักที่จะชนะ

ดังนั้นทันทีที่รู้ว่ามู่เฉินเป็นผู้กระทำการ นางก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะต่อสู้ เพียงแค่ใช้จริตหยอดก่อนที่จะหาโอกาสหนี

มีเพียงการกลับไปยังภูเขาเสี่ยหมัวและร่วมมือกับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตอีกสามคน ถึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

“ข้านั่งรอมาตั้งนานแล้วจะปล่อยให้เจ้าหนีไปได้ยังไง?” แต่ชัดว่ามู่เฉินที่รออยู่ที่นี่มาครึ่งค่อนวันก็ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ร่างเขากลายเป็นลำแสงไล่ตามนางไป

ร่างแสงสองร่างไล่จับกันโดยที่มิติบิดเบือนอย่างต่อเนื่อง พริบตาก็ห่างออกไปหนึ่งพันลี้แล้ว

แต่ไม่ว่าผู้บัญชาการหญิงจะพยายามหลบหนีแค่ไหน นางก็สลัดมู่เฉินออกไปไม่ได้ แม้แต่ระยะห่างระหว่างทั้งสองก็ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

“ให้ตายสิ น่ารำคาญจริงๆ!”

ใบหน้าของผู้บัญชาการหญิงซีดเซียว ขณะที่นางสาปแช่งพลางกัดฟันกรอด นางไม่เคยคิดมาก่อนว่ายมทูตสังหารจะปรากฏตัวขึ้น หลังจากที่พวกนางปกครองโลกนี้มานาน

ตู้ม!

แต่ขณะที่นางสาปส่ง ท้องฟ้าเหนือศีรษะก็สั่นสะเทือน นางเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ จากนั้นก็เห็นเจดีย์ผลึกแก้วใสขนาดใหญ่ตกลงมาจากสวรรค์ก่อนที่จะครอบร่างนางเอาไว้

เจดีย์พุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่นางจะได้ตอบสนองทั่วทั้งสรรพางค์กายก็ถูกห่อหุ้มไว้หมดแล้ว

มู่เฉินที่เห็นก็ยิ้มพลางพุ่งเข้าไปด้านใน

เจดีย์ลอยอยู่ในอากาศเงียบๆ ประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ร่างมู่เฉินจะปรากฏขึ้น

เขาถือไข่มุกสีแดงเข้ม ภาพผู้บัญชาการหญิงปีศาจโลหิตปรากฏพร้อมความกลัวฉายบนใบหน้า

“นายท่านตราบใดที่ท่านไว้ชีวิตข้า ผู้น้อยคนนี้ยอมที่จะเป็นข้ารับใช้!” ผู้บัญชาการหญิงร้องขอในขณะที่ดิ้นรนครั้งสุดท้าย

“ข้าเลี้ยงงูเห่าไม่ไหวหรอก”

มู่เฉินยิ้มบางก่อนที่จะเก็บไข่มุกไว้ในเจดีย์ หากมีโอกาสในอนาคตค่อยฆ่าพวกมัน

จัดการกับผู้บัญชการหญิงปีศาจโลหิตเรียบร้อย มู่เฉินก็รู้สึกผ่อนคลายลง เขาทำตามแผนสำเร็จลุล่วง

ตอนนี้เหลือผู้บัญชาการปีศาจโลหิตสามคน เมื่อไรที่เขาสามารถกำจัดพวกมันได้ เขาก็ทำภารกิจที่ได้รับสำเร็จและจะได้รับโอกาสที่จอมยุทธ์มังกรขาวพูดไว้

“แต่ข้าใช้ของเหลวจื้อจุนไปเกือบสามร้อยล้านหยดเพื่อผนึกผู้บัญชาการสามคนนี้” แค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มู่เฉินก็กุมหัวใจด้วยความเจ็บปวด เขานำของเหลวจื้อจุนทั้งหมดจากตำหนักมู่มาใช้ในการเดินทางครั้งนี้ แม้ว่าตอนนั้นมั่นถัวหลัวจะเข้าใจ แต่นางก็ไม่ได้ให้สีหน้าที่ดีกับเขา ตำหนักมู่ก็มีค่าใช้จ่ายมหาศาล จากการกระทำของมู่เฉินทำให้พวกเขาต้องรัดเข็มขัดและใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

“หวังว่าโอกาสจะช่วยให้ข้าก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนได้จริง มิฉะนั้นการลงทุนครั้งนี้ก็ถือว่าขาดทุนเกินไปแล้ว”

มู่เฉินยิ้มขณะที่ส่ายหัวอย่างขมขื่น ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็กลับไปที่ทะเลสาบ ตอนนี้บนผืนน้ำถูกย้อมเป็นสีแดงฉายมีศพนอนเกลื่อนไปหมด

ไป๋ซู่ซู่ยืนอยู่บนทะเลสาบพร้อมกับรัศมีเย็นเยือกแผ่ออกมาจากร่างกาย

เมื่อนางเห็นมู่เฉินสายตาเย็นชาของนางก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอ่อนโยน

“ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จอีกครั้ง”

มู่เฉินยิ้มขณะพลิ้วตัวลงไปข้างๆ ไป๋ซู่ซู่วางมือบนไหล่บาง คลื่นหลิงแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของหญิงสาว ของเหลวสีแดงเข้มไหลซึมออกมาจากผิวหนังก่อนที่จะระเหยออกไป

ในเวลาเดียวกันรัศมีเย็นเยือกรอบตัวนางก็หายไป

“พิษโลหิต…” เมื่อเห็นของเหลวสีแดงเข้มใบหน้าของไป๋ซู่ซู่ก็เปลี่ยนไป พิษโลหิตบุกเข้าสู่ร่างกายของนางโดยที่ไม่รู้ตัวเลยเรอะ

“พลังเจ้าไม่ได้อ่อนแอ แต่ยังไม่เสถียรภาพพอ ฝึกฝนให้ดีในอนาคต ไม่เช่นนั้นจะยากสำหรับที่จะเกิดพัฒนาการ” มู่เฉินถอนมือกลับพลางเอ่ยเตือน

“รับทราบเจ้าค่ะ!” ไป๋ซู่ซู่พยักหน้ารับฟัง

มู่เฉินพยักหน้าไม่พูดอะไรอีก เพียงมองไปทางทิศตะวันออก เขาไตร่ตรองสั้นๆ ก่อนที่จะพูดช้าๆ “ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตทั้งสามแห่งภูเขาเสี่ยหมัวคงจะรู้เรื่องนี้ในไม่ช้า ถึงตอนนั้น…จะเกิดการต่อสู้ใหญ่ขึ้น”

คราวนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับสามผู้บัญชาการที่ได้สัมผัสกับระดับเทียนจื้อจุน