บทที่ 2123 ผมจะช่วยแม่จับตาดูพ่อ
“งั้น…ถ้าเกิดไม่มีไฟล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นถาม
“นั่นจะเป็นไปได้ยังไง พี่ชายแกใช้หินจุดไฟเป็นนะ” เนี่ยอู๋หมิงตอบ
“งั้น ถ้าไม่มีหินล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นจ้องเนี่ยอู๋หมิง พลางเอ่ยถามต่อไป
“โอ้ แบบนั้นแกกับน้องเขย ก็เตรียมเก็บศพฉันได้เลย พอถึงเวลาก็เผาสาวใช้สวยๆ มาให้ฉันสักสองสามคนละ” เนี่ยอู๋หมิงตอบ
เยี่ยหวันหวั่นเงียบไปแล้ว
ต้องบอกเลยว่า แผนการของเนี่ยอู๋หมิงใช้ได้จริงๆ แต่ยังต้องวางแผนในระยะยาว เนื่องจากสถานการณ์ในเกาะจะเป็นยังไง ก็ไม่มีใครรู้ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสถานะที่ตกเป็นรองโดยสมบูรณ์
“ให้ฉันคิดดูก่อนเถอะ ต่อให้พร้อมดำเนินการแล้ว ก็ต้องวางแผนให้ละเอียดรอบคอบอีกที จะปล่อยให้เกิดความผิดพลาดขึ้นไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” เยี่ยหวันหวั่นจ้องเนี่ยอู๋หมิง แล้วค่อยๆ เอ่ยออกมา
เนี่ยอู๋หมิงยังไม่ทันได้พูดอะไร เยี่ยหวันหวั่นก็เอ่ยต่อไปว่า “อีกอย่างนะ…พี่ ฉันรู้สึกว่า ถ้าคนพวกนั้นคิดจะจับ…ก็น่าจะมาจับผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยแห่งรัฐอิสระคนนี้…ไม่น่าจะไปจับพี่หรอกนะ”
จะดีร้ายยังไงตัวเองก็เป็นถึงผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย ส่วนเนี่ยอู๋หมิง…ก็แค่คุณชายขี้งกของตระกูลเนี่ยที่รู้จักแต่การหาเงินไม่ใช่เหรอ
เนี่ยอู๋หมิงจะมั่นหน้าเกินไปหน่อยแล้ว
ถ้าวัดกันแค่ชื่อเสียงกับอำนาจ ถ้าให้เยี่ยหวันหวั่นเป็นคนเลือก เธอก็จะจับตัวเองเหมือนกัน ไม่มีทางไปแตะเนี่ยอู๋หมิงแน่นอน
เนี่ยอู๋หมิงผงะไปแวบหนึ่ง
“ฮึ่ม ดูถูกฉันเหรอ แกใช่น้องสาวแท้ๆ ของฉันไหมเนี่ย” เนี่ยอู๋หมิงปรายตามองเยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่ง “ลาก่อน!”
“พี่ เดี๋ยวสิ”
เมื่อเห็นว่าเนี่ยอู๋หมิงหันหลังเตรียมจากไป เยี่ยหวันหวั่นก็เรียกไว้ทันที
เนี่ยอู๋หมิงได้ยินก็หยุดฝีเท้าลง และมองไปที่เยี่ยหวันหวั่นด้วยความงุนงง
“ช่วงนี้ ระวังตัวหน่อยนะ” เยี่ยหวันหวั่นมองเนี่ยอู๋หมิง ความกังวลพลันผุดขึ้นมาในหัวใจ
ก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสสามสะกดรอยตามเนี่ยหลิงหลงไป บทสนทนาระหว่างเนี่ยหลิงหลงกับคนลึกลับคนนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็รับรู้มาหมดแล้ว
คนของสายหลักอาจคิดกำจัดเนี่ยอู๋หมิง…
ถึงแม้เนี่ยอู๋หมิงจะไม่ได้เรื่อง แต่ได้ยินว่า มีพลังที่แข็งแกร่งมาก ทว่า ด้านพลังของทางสายหลักนั้น เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่รู้แน่ชัด ถ้าถึงเวลาแล้วเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ เนี่ยอู๋หมิงจะรับมือได้ไหมนะ
“ยังไงนะ”
เนี่ยอู๋หมิงมีสีหน้ามึนงง
“ไม่มีอะไรหรอก” เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ เขาไม่ได้เก็บคำพูดของตัวเองไปใส่ใจเลยสินะ
“แกก็ดูถูกพี่ชายแกเกินไป” เนี่ยอู๋หมิงหัวเราะ “บนโลกใบนี้ คนที่สามารถจัดการพี่แกได้ ยังไม่ถือกำเนิดหรอก ฉันไม่ได้ระบุเจาะจงว่าเป็นใครนะ…แต่ทุกคนในที่นี้ ก็เป็นพวกกระจอกทั้งนั้น!”
พอได้ยินคำพูดนี้ของเนี่ยอู๋หมิง มุมปากของเยี่ยหวันหวั่นก็กระตุกนิดๆ ไอ้หมอนี่…ตัวเองบอกให้เขาระวังตัวหน่อย แต่เขากลับบอกว่าตัวเองกระจอกซะได้!
พอเนี่ยอู๋หมิงพูดจบ ก็เหยียดตัวตรง แล้วสาวเท้าก้าวจากไปอย่างผึ่งผายมีมาด ไม่ให้เวลาเยี่ยหวันหวั่นได้ด่าเขาเลยสักคำ
….
ในวันเดียวกัน หลังจากเยี่ยหวันหวั่นจัดการเรื่องจิปาถะในพันธมิตรอู๋เว่ยเรียบร้อยแล้วก็สั่งการให้เป่ยโต่วและชีซิง เพิ่มกำลังยอดฝีมือของพันธมิตรอู๋เว่ย มาคุ้มกันในละแวกวิลล่าที่ตัวเองพักอยู่
คำพูดของเนี่ยอู๋หมิงในวันนี้ เตือนสติเยี่ยหวันหวั่นแล้ว
เธอเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย มีความเป็นไปได้สูงที่จะกลายเป็นเป้าหมายของมือมืดที่บงการอยู่เบื้องหลังพวกนั้น เรียกคนมาคอยคุ้มกันใกล้ๆ ตัวให้มากหน่อย กันไว้ดีกว่าแก้ จะได้ไม่เกิดความผิดพลาด
ย่ำค่ำฟ้ามืดมิด ในละแวกวิลล่า
เป่ยโต่วสอดสองมือไว้ในกระเป๋ากางเกง มองชีซิงที่อยู่ด้านข้าง “ฉันขอพูดหน่อยเถอะเหล่าชี นายว่าพี่เฟิงหวาดระแวงตื่นตัวเกินไปหน่อยไหม พวกเราพันธมิตรอู๋เว่ย ชื่อเสียงในรัฐอิสระฉาวโฉ่เหมือนลูกเหม็นในห้องส้วม ถ้าคนพวกนั้นจะจับ ก็น่าจะจับคนแบบจี้หวง ผู้นำสี่ตระกูลใหญ่ อะไรพวกนั้นสิ จะมาชายตามองพวกเราได้ยังไง ถ้ามาจับผู้นำไปจริงๆ รัฐอิสระจะร้องสรรเสริญประกาศเกียรติคุณให้พวกเขาแน่ เหล่าชี…นายว่าที่ฉันพูดมีเหตุผลไหม”
—————————————————————————————
บทที่ 2124 มาเยือนกลางดึก
ชีซิงที่อยู่ด้านข้างจ้องมองเป่ยโต่ว แล้วเงียบไปครู่หนึ่ง คล้ายอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยออกมา
“นายเปรียบตัวเองกับลูกเหม็นในส้วม ฉันไม่รู้จะตอบยังไงแล้ว” ผ่านไปพักใหญ่ ชีซิงถึงได้เอ่ยตอบเป่ยโต่ว
“ชิ พี่เฟิงสั่งสอนพวกเราไว้ว่ายังไง ให้พวกเรารู้จักเจียมตัวอยู่เสมอ อย่าโอหังลำพอง อย่าลืมตัว เหล่าชี ฉันจะบอกแกไว้นะ ฉันรู้จักเจียมตัว แต่แกกลับไม่รู้จักเจียมตัวแกเลย เส้นทางของแกยังอีกยาวไกล ค่อยๆ เดินไปเถอะ” เป่ยโต่วเอ่ยกับชีซิงด้วยน้ำเสียงเหมือนคนมีประสบการณ์
ชีซิงจึงไม่สนใจเขาอีกต่อไป…
….
ในเวลาเดียวกันนี้ ณ ห้องนอนภายในวิลล่า เยี่ยหวันหวั่นกำลังวีดิโอคอลกับถังถังอยู่
“ลูกรัก คิดถึงแม่ไหมจ๊ะ”
มองใบหน้าเล็กๆ น่ารักของถังถังในวิดีโอคอลแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็อยากจะบินไปหาใจแทบขาด
“คิดถึงแม่ครับ” ถังถังจ้องเยี่ยหวันหวั่นแล้วพยักหน้าตอบ “พ่อก็คิดถึงแม่ด้วย”
เยี่ยหวันหวั่นตะลึงไปเล็กน้อย
เด็กคนนี้ ดูเหมือนจะเข้ากับซือเยี่ยหานได้ไม่เลวเลย ช่วยพูดให้พ่อเป็นแล้ว สิ่งนี้ทำให้เยี่ยหวันหวั่นคาดไม่ถึง
“พ่อของลูกล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถาม
“ทำกับข้าวอยู่ในครัวครับ” ถังถังหมุนกล้องไปทางห้องครัว
เยี่ยหวันหวั่นเห็นแค่ว่า ซือเยี่ยหานผูกผ้ากันเปื้อนไว้ ในมือถือตำราสูตรอาหารเล่มหนึ่ง กำลังอ่านอย่างใจจดใจจ่อมีสมาธิ
เยี่ยหวันหวั่นนึกในใจ แบบนี้นับว่าลงมือเมื่อจวนตัวหรือเปล่านะ
“เคยชินกับอาหารฝีมือพ่อรึยังจ๊ะ” ตอนแรกเยี่ยหวันหวั่นอยากถามว่ากินลงไหม แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนคำพูดไปซะ
“ดีขึ้นจากเมื่อก่อนบ้างแล้วครับ” ถังถังตอบ “เมื่อก่อนไม่อร่อย”
“งั้น กับข้าวที่พ่อทำตอนนี้ล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นถามยิ้มๆ
“พอกินได้ครับ” ถังถังเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเปล่งเสียงตอบ
เยี่ยหวันหวั่นคิดในใจ พอกินได้ ดูเหมือนจะดีกว่าไม่อร่อยจริงๆ นั่นแหละ ไม่มีปัญหาแล้ว!
“แม่ครับ ที่นี่มีผู้หญิงเยอะแยะเลย” จู่ๆ ถังถังก็สร้างความประหลาดใจให้เยี่ยหวันหวั่น
“หือ” เยี่ยหวันหวั่นผงะไปเล็กน้อย มีผู้หญิงเยอะแยะเหรอ?!!
“อื้อ เป็นลูกน้องของมู่มู่หมดเลย” ถังถังพยักหน้า
“ลูกน้องของมู่มู่เหรอ” เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้างุนงง “มู่มู่เป็นใครกันจ๊ะ”
“หลินเชวีย” ถังถังตอบ
เยี่ยหวันหวั่นอึ้งไปเล็กน้อย เพิ่งเคยเห็นการอ่านแยกนามสกุลชาวบ้านแบบนี้เป็นครั้งแรกจริงๆ[1]
“แม่ครับ พวกเธออยากจะใกล้ชิดกับพ่อทั้งนั้นเลย” ถังถังเล่า
“โอ้ แล้วพ่อของลูกมีท่าทียังไงบ้าง” เยี่ยหวันหวั่นถลึงตาใส่ซือเยี่ยหานที่กำลังอ่านตำราสูตรอาหารโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยสักนิดแวบหนึ่ง
“ถูกผมไล่หนีไปหมดเลยครับ พวกเธอไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้พ่อหรอก แม่วางใจได้เลย” ถังถังตอบ
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของถังถัง เยี่ยหวันหวั่นก็ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สมกับที่เป็นลูกชายแท้ๆ ของเธอจริงๆ ยอดเยี่ยมมาก
“ลูกรัก ทำได้ดีมากจ๊ะ ลูกเป็นแก้วตาดวงใจของแม่จริงๆ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หลังจากวางสายวิดีโอคอลกับถังถังแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็พลิกนิตยสารอ่านไปเรื่อยๆ จากนั้นก็ปิดไฟเข้านอน
ผ่านไปสองสามชั่วโมง เยี่ยหวันหวั่นยังคงนอนไม่หลับ ในสมองมีความทรงจำในวัยเยาว์ของตัวเองผุดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน
อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเหล่านั้นแหว่งเว้าพร่าเลือน ทว่าทำให้เยี่ยหวันหวั่นค่อนทรมานอยู่บ้าง พยายามย้อนนึกดูอย่างสุดกำลัง แต่ยิ่งคิด สมองก็ยิ่งปวดร้าว ราวกับตกอยู่ในความว่างเปล่า
ผ่านไปครึ่งค่อนคืน เยี่ยหวันหวั่นถึงรู้สึกง่วงขึ้นมาเล็กน้อย แต่กลับมีเสียง ‘แอ๊ด’ เบาๆ แว่วมาจากชั้นล่าง
ถึงแม้เสียงจะไม่ดัง ถึงขั้นที่เบามาก ราวกับตั้งใจควบคุมไว้ แต่ในช่วงกลางคืนที่เงียบสงัดแบบนี้ กลับทำให้เยี่ยหวันหวั่นได้ยินแว่วๆ อยู่บ้าง
……………………………………….
[1] นามสกุลของหลินเชวียคือตัวหลิน 林 แปลว่าป่า ซึ่งเกิดจากการนำตัวมู่ 木 ที่แปลว่าต้นไม้สองตัวมาประกอบเข้าด้วยกัน