พูดไปแล้วการล่มสลายของแดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่ ก็เป็นเหตุมาจากเรื่องของหลัวซิว

แดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ไม่ได้จะลงมือทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่ แต่เผ่าพันธุ์ปีศาจกลับไร้ซึ่งความปราณีใด ๆ สิ่งที่ทำให้หลัวซิวแค้นเคืองมากที่สุดก็คือ เผ่าพันธุ์ปีศาจโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่ แดนศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ของเผ่าพันธุ์มนุษย์กลับทำเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเอง ไม่มีการออกโรงห้ามปรามแต่อย่างใด

“ธิดาเทพหยุนไห่ทุกรุ่นสามารถทำนายดวงชะตาได้เพียงเก้าครั้งเท่านั้น หลายหมื่นปีมานี้ แดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ก็มีผู้แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยมาที่หยุนไห่เพื่อขอคำทำนาย ติดหนี้น้ำใจของแดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่ แต่ในเวลาที่แดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่ตกอยู่ในความอันตรายกลับพากันไม่สนใจ”

“แดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ก็ใช่ว่าจะไม่สนใจเลย ว่ากันว่าได้ออกโรงช่วยธิดาเทพหยุนไห่หนีไปในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด”

“เฮอะ แดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ที่ไหนจะมีเจตนาเช่นนั้น? พวกเขาช่วยธิดาเทพหยุนไห่หนีไป นั่นก็หนีไม่พ้นที่จะให้นางทำนายเบาะแสของคนผู้นั้นก็เท่านั้น”

หลัวซิวยิ่งได้ฟัง ในใจก็ยิ่งโมโห แดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่ถูกทำลาย เหยียนซีโรว่ยังถูกแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ จับไป ทำให้เจตนาฆ่าในใจของเขาพุ่งสูงเสียดฟ้าขึ้นมาทันที

เขาพยายามกดรังสีสังหารเอาไว้ เดินขึ้นไปข้างหน้า เดินตรงเข้าไปถามกลุ่มคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ “ทุกท่านรู้หรือไม่ว่าธิดาเทพหยุนไห่ถูกแดนศักดิ์สิทธิ์ใดพาตัวไป?”

“คาดว่าน่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ตระกูลยุทธ์พาไป”

“พาไปที่ตระกูลยุทธ์แล้วหรือ?” หลัวซิวถามซ้ำ หากถูกพาไปที่ตระกูลยุทธ์จริง ๆ ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะบุกเข้าไปในตระกูลยุทธที่มีเทพมารผู้แข็งแกร่งคุมบังเหียนอยู่ไม่ได้

“ว่ากันว่าอยู่ที่ตำหนักอัคคีนภา แดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ต่างก็มีผู้แข็งแกร่งอยู่ที่นั่น หมายจะให้ธิดาเทพทำนายเบาะแสของคนผู้นั้น”

หลัวซิวได้ยินคำพูดเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา หลังจากถามรายละเอียดเรียบร้อยแล้วก็ออกจากภัตตาคารแห่งนี้ไป

ตำหนักอัคคีนภาคือหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรใต้ มีผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์สามท่านคุมบังเหียน หนึ่งในนั้นมีแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลางหนึ่งท่าน อีกสองท่านคือแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงต้น

แดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ รวมตัวกัน อย่างน้อย ๆ ต้องมีแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เกินว่าสิบคนอยู่ที่ตำหนักอัคคีนภา เป็นสถานที่ที่อันตรายสุดชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย

หลัวซิวรู้ดีว่าในตอนที่แดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ยังไม่ได้เบาะแสของเขา จะไม่มีทางทำอะไรกับเหยียนซีโรว่ แต่ความอดทนของแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ก็มีขีดจำกัด เขาจำเป็นต้องช่วยนางออกมาให้ได้ก่อนที่นางจะเป็นอันตราย

เขาไม่ได้ตรงไปยังตำหนักอัคคีนภา ด้วยพลังที่มีของเขาในวันนี้ หากให้ต้านแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์หนึ่งถึงสองคนก็ยังสามารถทำได้ แต่หากเป็นแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์สิบคน แน่นอนว่าเขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ แม้กระทั่งตัวเขาเองก็อาจจะเอาชีวิตรอดได้ยาก

หลายวันถัดมา เขาปรากฏตัวขึ้นภายในเขตประเทศเทียนหวู แต่ก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่นี่ ไม่นานก็มาถึงเทือกเขาแห่งนั้นที่แดนตำหนักจื่อเคยตั้งอยู่เมื่อคราก่อน

ในตอนนั้นทางเขาของแดนตำหนักจื่อถูกเขาทำลายด้วยมือของเขาเอง นั่นก็คือหายเข้าไปในอนัตตาไม่สิ้นจากที่นี่

ในวันนี้เขามาที่นี่ ก็เพื่อจะอาศัยการเชื่อมต่อกันของร่างแยกทั้งสอง เพื่อเอาแดนตำหนักจื่อกลับออกมาจากอนัตตาไม่สิ้น

บนยอดเขาแห่งหนึ่ง หลัวซิวยืนเอามือไขว้หลังไว้

ยืนอยู่ตรงนั้นและกวาดตามองไปรอบ ๆ ก็สามารถมองเห็นซากปรักหักพังบางส่วนของสำนักเขาไท่เสวียนในวันเก่า

เวลาสิบปีผ่านไป เขากลับมานี่แห่งนี้อีกครั้ง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอัดอั้นในใจเล็กน้อย

ในเวลาเดียวกัน แดนตำหนักจื่อที่ลอยคว้างอยู่ภายในอนัตตาไม่สิ้น หลัวซิวชุดขาวลืมตาขึ้น วาวตาเป็นประกาย “จะกลับไปแล้วหรือ?”

ถึงแม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ต่างก็มีโอกาสที่จะสูญหายไปในอนัตตาไม่สิ้น แต่ร่างแยกทั้งสองของหลัวซิวกลับสามารถใช้การเชื่อมถึงกันเพื่อตามหาตำแหน่งขแงอีกฝ่ายได้

ในตอนนี้ร่างแยกชุดดำอยู่ที่โลกแสงดาว เช่นนั้นร่างแยกชุดขาวก็สามารถสัมผัสได้ ค่อย ๆ ขยับแดนตำหนักจื่อให้เขาใกล้โลกแสงดาวขึ้นเรื่อย ๆ

แดนปริภูมิแห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ที่ผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เปิดขึ้น หากต้องการกำหนดตำแหน่งหรือขยับมัน มีเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งโลกยุทธ์ขั้นสูงเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้

ร่างแยกชุดขาวของหลัวซิวได้วางแผนสำหรับสิ่งนี้ไว้แล้ว ในระหว่างที่ปิดขัง ได้กลั่นธงค่ายเอาไว้แล้วนับพันชิ้น