ตอนที่ 962 ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ฉินอวี้โม่ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยามในการกลับมารวมตัวกับฉินเทียนและคนอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม พวกนางไม่ได้รีบร้อนมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งทางเหนือโดยตรง ทว่าพากันก้าวออกจากคฤหาสน์เฟิงหัวเมื่อใกล้ถึงที่ชายฝั่งทางเหนือ

“แม่นางอวี้โม่ ไม่ต้องห่วง เราจะปิดปากเงียบเรื่องคฤหาสน์เฟิงหัว”

ฟู่อวิ๋นซิวกล่าวแสดงจุดยืนเป็นคนแรก พวกเขาทราบถึงความสำคัญของคฤหาสน์เฟิงหัวเป็นอย่างดีและจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ออกไป

“ขอบคุณทุกคนมาก”

ฉินอวี้โม่กล่าวขอบคุณทุกคนอย่างจริงใจก่อนสำรวจหาตำแหน่งของฉินเทียนและมุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้น

คนของสามสำนักและเก้านิกายก็แยกย้ายกันกลับไปแล้วและตอนนี้กำลังพักผ่อนอยู่ในที่พักของพวกตน ในเวลานี้ ฉินเทียนและคนของสำนักเมฆาครามกำลังหารือกับผู้เฒ่าไห่ในโถงห้องประชุม

เมื่อเห็นฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ กลับมา ศิษย์หลายคนของสำนักเมฆาครามก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวขึ้นทันที “นายน้อย ท่านกลับมาแล้ว”

การกลับมาอย่างล่าช้าของฟู่อวิ๋นซิวทำให้พวกเขากระวนกระวายใจเล็กน้อย นอกเหนือจากการหารือเรื่องต่าง ๆ อีกสาเหตุหนึ่งที่พวกเขามารวมตัวกันที่นี่ก็เพื่อรอพบนายน้อยของพวกตน

“เอาล่ะ พวกเจ้าแยกย้ายกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ พวกเรามีเรื่องต้องหารือกับผู้เฒ่าไห่”

ฟู่อวิ๋นซิวพยักศีรษะเบา ๆ และบอกให้ศิษย์ของสำนักเมฆาครามแยกย้ายกลับไปยังที่พักก่อน

ภายในห้องโถงในตอนนี้เหลือเพียงฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ อีกไม่กี่คนที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

“อวี้โม่ เป็นอย่างไรบ้าง ?”

ฉินเทียนเอ่ยถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของฉินอวี้โม่ก่อนหน้านี้

ก่อนหน้านี้พวกนางซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวเพื่อจับตาดูพฤติกรรมของฮวาฟางเฟย เพราะเหตุนั้น เขาจึงต้องการทราบว่าพวกนางได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กลับมาหรือไม่

“เป็นจริงดังที่พวกเราคิดไว้เจ้าค่ะ ฮวาฟางเฟยมีความเกี่ยวข้องกับจอมยุทธ์ปีศาจ จากท่าทางและบทสนทนาระหว่างนางและสือโหลว ทั้งสองฝ่ายก็น่าจะรู้จักกันมานานพอสมควร ข้าคาดเดาว่าการหายตัวไปของท่านแม่ก็เกี่ยวข้องกับจอมยุทธ์ปีศาจ นอกจากนี้ ฝ่ายมารในดินแดนเทพมายาและจอมยุทธ์ปีศาจในดินแดนมหาเทพก็จะต้องเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน”

ฉินอวี้โม่บอกทุกคนเกี่ยวกับสิ่งที่ค้นพบก่อนหน้านี้โดยไม่ปิดบังสิ่งใด

มันอาจเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อสำหรับใครหลายคน ทว่าฟู่อวิ๋นซิวและหลานเผิงก็อยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวก่อนหน้านี้ และพวกเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นความจริง

“เหอะ ที่แท้จ้าวนิกายของนิกายหมื่นบุปผาก็รวมหัวกับจอมยุทธ์ปีศาจนี่เอง !”

ผู้เฒ่าไห่แค่นเสียงเย็นชาและกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นัก คนของชายฝั่งทางเหนือจำนวนมากต้องล้มตายไปและพลังอำนาจโดยรวมของชายฝั่งทางเหนือก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ในฐานะผู้นำของชายฝั่งทางเหนือ เป็นธรรมดาที่เขาจะชิงชังจอมยุทธ์ปีศาจอย่างที่สุด ในเมื่อทราบว่าฮวาฟางเฟยเกี่ยวข้องกับคนชั่วช้าเหล่านั้น เขาจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร ?

“ข้าจะเรียกทุกคนมาที่นี่และเปิดเผยธาตุแท้ของฮวาฟางเฟยให้ทุกคนได้รู้โดยทั่วกัน !”

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดและลุกพรวดเตรียมเรียกคนของสามสำนักและเก้านิกายมาที่นี่

“ผู้เฒ่าไห่ ช้าก่อนเจ้าค่ะ ตอนนี้ยังมิใช่เวลาที่เหมาะสมนัก”

ฉินอวี้โม่กล่าวเพื่อรั้งเขาไว้และเตือนมิให้เขาร้อนรนใจจนเกินไป

“เราสงสัยว่านอกจากนิกายหมื่นบุปผาก็อาจจะยังมีขุมกำลังอื่น ๆ ที่มีข้อตกลงร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจ หากเราเปิดเผยสิ่งที่ทราบกับทุกคนในตอนนี้ เกรงว่ามันจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียเปล่า ๆ และมันจะไม่เป็นประโยชน์ต่อเราแน่”

ฉินอวี้โม่กล่าวอธิบายเพียงสั้น ๆ และเปิดเผยข้อสันนิษฐานของตนเองออกไป

“ยังมีขุมกำลังอื่นอีกอย่างนั้นหรือ ?”

ผู้เฒ่าไห่หยุดชะงักและสีหน้าบิดเบี้ยวทันที

“ขอรับ แม้แต่ในสำนักเมฆาครามของเราก็อาจจะมีใครบางคนที่แอบร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจอยู่ นี่คือสาเหตุที่ข้าบอกให้ศิษย์เหล่านั้นกลับไปก่อน”

ฟู่อวิ๋นซิวพยักศีรษะและกล่าวยืนยันวาจาของฉินอวี้โม่

ผู้เฒ่าไห่ทิ้งตัวนั่งลงอีกครั้งทว่าแววตาเปี่ยมไปด้วยความซับซ้อนอย่างชัดเจนและไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเขากำลังคิดสิ่งใด

“พวกจอมยุทธ์ปีศาจยังคงอยู่บนเกาะโดดเดี่ยวแห่งนั้น แม้ข้าจะควบคุมพวกผีดิบได้แล้ว แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะคลี่คลายวิกฤตและปัญหาบนเกาะนั้นได้ทั้งหมด”

ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นเบา ๆ ตราบใดที่เกาะโดดเดี่ยวแห่งนั้นยังคงอยู่ ภัยคุกคามต่อชายฝั่งทางเหนือก็จะไม่มีวันหายไป พวกนางจะต้องหาทางขับไล่คนของจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นออกไปหรือไม่ก็กำจัดพวกเขาไปตลอดกาลก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาในแผ่นดินใหญ่ได้อีกครั้ง

“ไม่ต้องห่วง คนพวกนั้นยังไม่กล้าทำอะไรในช่วงไม่กี่วันนี้หรอก ครานี้มีการบาดเจ็บล้มตายมากเกินไปและพวกเขาคงต้องประเมินสถานการณ์ใหม่ก่อนที่จะตัดสินใจทำสิ่งใด”

หานโม่ฉือเขย่ามือฉินอวี้โม่เบา ๆ และสบตานาง

ในช่วงหลายวันนี้ สือโหลวจะไม่กล้าลงมือหรือมีการเคลื่อนไหวใด ๆ อย่างแน่นอน จอมยุทธ์ปีศาจก็คงจะไม่ออกมาจากเกาะโดดเดี่ยวง่าย ๆ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะผ่อนคลายได้เป็นการชั่วคราว

ในมหาสมุทรทางเหนือแห่งนี้ นอกเหนือจากการจัดการกับวิกฤตที่เกิดขึ้นกับชายฝั่งทางเหนือ อีกจุดประสงค์หนึ่งของฉินอวี้โม่และสหายก็คือไข่มุกเลี่ยงวารี ในระหว่างช่วงนี้ พวกนางก็จะมีเวลาตามหาตำแหน่งของมันได้อย่างไม่เป็นกังวล

ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนในเรือนของตนในขณะที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก้าวเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวอีกครั้ง พวกนางยังต้องหาทางระบุพิกัดอย่างคร่าว ๆ ที่ไข่มุกเลี่ยงวารีปรากฏให้เห็นเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อนับพันปีก่อน

อีกฟากหนึ่งของดินแดนมหาเทพ ณ นิกายหมื่นบุปผา เวลานี้ฮวาฟางเฟยเรียกพบฮวาหรงที่เรือนของตน

“ไม่คิดเลยว่าฉินอวี้โม่จะมีความสามารถมากเช่นนั้น ร่องรอยของพลังวิญญาณที่ข้าซ่อนไว้ในร่างกายของนางหายไปแล้วและข้าไม่มีทางรับรู้ถึงสถานการณ์ในปัจจุบันของนางได้เลย”

ฮวาฟางเฟยขมวดคิ้วมุ่นและกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นัก นางตระหนักแล้วว่าตนประเมินความสามารถของฉินอวี้โม่ต่ำเกินไป

พลังวิญญาณที่แผ่เข้าไปในร่างของฉินอวี้โม่ถูกซ่อนไว้อย่างดีและนางมั่นใจว่าจะไม่ถูกค้นพบอย่างแน่นอน คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้มันจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้

“ท่านจ้าวนิกาย เราจะต้องระวังฉินอวี้โม่ไว้ให้มาก หากนางไม่ภักดีต่อนิกายหมื่นบุปผาจริง ๆ มันก็จะกลายเป็นภัยครั้งใหญ่ต่อเราทุกคน”

ฮวาหรงเอ่ยเตือนฮวาฟางเฟยเนื่องจากนางรู้สึกได้ถึงความร้ายกาจของฉินอวี้โม่เช่นกันและคิดว่าจะต้องเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า

“ไม่ต้องห่วงหรอก ต่อให้นางจะชาญฉลาดเพียงใด ตอนนี้ข้าก็ยังควบคุมสถานการณ์ได้ !”

ฮวาฟางเฟยพยักศีรษะและกล่าวต่อ “คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ก่อเรื่องวุ่นวายครั้งใหญ่ที่ชายฝั่งทางเหนือจะเป็นคนของจอมยุทธ์ปีศาจ หากทราบมาก่อนหน้านี้ ข้าก็ไม่มีทางส่งฉินอวี้โม่และสหายไปที่นั่นแน่ เจ้าจงหาทางติดต่อกับเหลียนซวงและเหลียนอู้ให้พวกนางหาทางขัดขวางฉินอวี้โม่ไว้เพื่อมิให้จดจ่อกับเรื่องจอมยุทธ์ปีศาจมากนัก”

ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแผนการของจอมยุทธ์ปีศาจ ฮวาฟางเฟยก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปขัดขวางมัน เพราะหากแผนการของคนเหล่านั้นสำเร็จดังต้องการ นั่นก็จะเป็นผลดีต่อพวกนางเช่นกัน

“เจ้าค่ะ ท่านจ้าวนิกาย !”

ฮวาหรงพยักศีรษะตอบรับทันที ก่อนหน้านี้นางก็ได้มอบอุปกรณ์สื่อสารบางอย่างให้กับเหลียนซวงไปแล้วและสามารถติดต่อกับศิษย์ทั้งสองได้ตลอดเวลา

“ฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือ พวกเจ้าเป็นใครกันแน่…”

ประกายของจิตสังหารปรากฏในแววตาของฮวาฟางเฟย ไม่ว่าผู้ใดที่คิดจะขวางทางนาง นางก็ไม่มีทางปล่อยไว้อย่างแน่นอน !

ณ ชายฝั่งทางเหนือ ในเวลานี้ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์พยายามสัมผัสถึงกลิ่นอายของไข่มุกเลี่ยงวารี ถึงอย่างไรทั้งสองก็เป็นสมบัติพลังฟ้าดินเหมือนกันและมีการเชื่อมโยงบางอย่างระหว่างกัน หากไข่มุกเลี่ยงวารีอยู่ในบริเวณใกล้เคียง มันจะรับรู้ได้อย่างแน่นอน

เมื่อเห็นว่าต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ฉินอวี้โม่จึงออกจากคฤหาสน์เฟิงหัวเพื่อไปพบกับฮวาเยว่และศิษย์พี่คนอื่น ๆ

หลังจากกลับมาถึงชายฝั่งทางเหนือ นางยังไม่ได้พบกับคนเหล่านั้นเลย อีกทั้งกลุ่มคนที่เดินทางออกไปในมหาสมุทรเพื่อตามหาพวกนางก่อนหน้านี้ก็ไม่มีคนจากนิกายหมื่นบุปผารวมอยู่ด้วย ฉินอวี้โม่จึงกังวลว่าอาจเกิดปัญหาบางอย่าง

ภายในเรือนที่พักของคณะศิษย์นิกายหมื่นบุปผา ฮวาเยว่ เซียงยู่และอีกหลายคนกำลังขวางหน้าเหลียนซวงและเหลียนอู้ในขณะที่สีหน้าของพวกนางบิดเบี้ยวเล็กน้อย

“เหลียนซวง เรามาที่นี่เพื่อทำภารกิจ หากเจ้าและเหลียนอู้หวาดกลัวกันนักก็เก็บตัวอยู่ที่นี่และอย่าออกไปเพ่นพ่านที่ใด อย่างไรก็ตาม หากเรารู้ว่าพวกเจ้ากำลังหาทางก่อกวนศิษย์น้องอวี้โม่อยู่ละก็…พวกข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าไปง่าย ๆ แน่ !”

เหมยเซียงกล่าวอย่างเย็นชา ก่อนหน้านี้พวกนางสังเกตเห็นว่าเหลียนซวงและเหลียนอู้ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เพราะเหตุนั้นพวกนางจึงจับตาดูการเคลื่อนไหวของทั้งสองมาตลอดหลายวันและท้ายที่สุดก็ค้นพบว่าทั้งสองกำลังวางแผนบางอย่างที่เป็นภัยต่อฉินอวี้โม่

ในบรรดาคนนับสิบที่เดินทางมาที่นี่ ส่วนใหญ่สนิทสนมกับฉินอวี้โม่และพวกนางไม่มีทางปล่อยให้คนทั้งสองทำสิ่งใดกวนใจฉินอวี้โม่อย่างแน่นอน ในเวลานี้ในขณะที่ตำหนิต่อว่าทั้งสอง สีหน้าของพวกนางก็จริงจังอย่างที่สุด