ราชันเร้นลับ 1086 : อนุมานง่ายๆ

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ในวินาทีที่เห็นวิญญาณมารเทวทูตสีชาด รูม่านตาไคลน์พลันเบิกกว้าง ถุงมือหนังมนุษย์ข้างซ้ายพลันโปร่งใส

มันไม่สนใจในสิ่งอีกที่ฝ่ายกำลังจะพูด ท่าทีตอบสนองแรกตามสัญชาตญาณคือการเทเลพอร์ตออกไปจากที่นี่ทันที แต่ทันใดนั้น โลกวิญญาณในการมองเห็นของไคลน์กลับผิดแผกไปจากปรกติ

สิ่งมีชีวิตโปร่งใสจำนวนมากล้วนถูกย้อมด้วยสีเหล็กและเลือดผสมควันดินปืน ริ้วแสงทั้งเจ็ดด้านบนสุด ซึ่งอัดแน่นความรู้มหาศาลกลับถูกบดบังจนแทบมองไม่เห็น

หัวใจไคลน์เต้นระรัวอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่เทเลพอร์ตบุ่มบ่าม

เมื่อเห็นฉากตรงหน้า วิญญาณมารเทวทูตสีชาดหัวเราะ

“เจ้ากลัวอะไร? ซาราธ?”

ได้ยินคำพูดดังกล่าว ไคลน์มองไปรอบตัวตามสัญชาตญาณ แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปรกติ

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดยังคงรักษารอยยิ้มที่น่ารำคาญ พลางชี้ไปยังโซฟาฝั่งตรงข้ามเก้าอี้เอนหลัง

“ถ้าข้าเป็นคนบอกซาราธว่าดอนดันเตสคือเกอร์มันสแปร์โรว์ ในตอนที่เจ้ากลับไปยังบ้านเลขที่หนึ่งหกศูนย์ ถนนเบิร์คลุนในช่วงเช้า เหล่าพ่อบ้านและคนรับใช้ที่อยู่ในห้องเก็บไวน์คงไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้ว แต่จะถูกแขวนกับเพดานเหมือนกับแฮมตากแห้ง แน่นอนว่าทุกคนจะยังต้อนรับเจ้าอย่างอบอุ่น… นั่งลงก่อน… ในสถานการณ์แบบนี้ การรับฟังความเห็นของข้าไม่ใช่ตัวเลือกที่เลวร้ายนัก”

เมื่อจินตนาการถึงฉากที่วิญญาณมารเทวทูตสีชาดบรรยาย แม้ว่าไคลน์จะเคยเห็นภาพที่คล้ายคลึงกันมาก่อน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกไปทั่วร่าง

มันยังคงไม่ประมาท บังคับให้หุ่นเชิดโจนาส·โคลเกอร์ที่อยู่ในร่างดอน·ดันเตส นั่งลงบนโซฟาและให้ตัวเองยืนด้านข้างในฐานะบุรุษรับใช้เอ็นยูน

ชายหนุ่มใช้พลังสลับตำแหน่งร่างต้นกับหุ่นเชิดอย่างแนบเนียน แถมรูปลักษณ์ก็ยังเปลี่ยนไปในพริบตา

“อาจเป็นไปได้ว่า คุณเพิ่งทราบข้อมูลนี้จากแพทริคเบรน จึงยังไม่ทันได้แจ้งข่าวให้ซาราธ” ไคลน์ตอบโต้ผ่านหุ่นเชิด

พร้อมกันนั้น จากคำพูดของวิญญาณมารเทวทูตสีชาด ชายหนุ่มสามารถยืนยันได้ว่า ซาราธมาถึงเบ็คลันด์แล้วจริงๆ!

อีกฝ่ายเป็นถึงเทวทูตลำดับหนึ่งตัวจริง ไม่มีข้อจำกัดหรือพันธนาการ เป็นตัวตนที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัว สามารถเรียกว่าตัวตนลึกลับได้อย่างเต็มปาก!

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดมองสลับไปมาระหว่างเจ้านายและคนรับใช้ ตามด้วยยิ้มและกล่าว

“แพทริคเบรนเป็นแค่ไอ้งั่ง ข้าสามารถเค้นข้อมูลทั้งหมดที่อยากทราบได้ภายในสิบห้านาที นับประสาอะไรกับช่วงเวลาที่ยาวนานตั้งแต่เสร็จพิธีกรรมจนถึงเช้า”

…เขาตั้งฉายาให้แพทริคเหมือนกับมิสผู้ส่งสาร… ไคลน์บังคับให้หุ่นเชิดเลิกคิ้วพร้อมกับถาม

“แล้วยังไงต่อ?”

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดโยกเก้าอี้เอนหลังแผ่วเบา

“ข้าไม่ทราบว่าเจ้าเคยได้ยินประโยคนี้หรือไม่… หลังจากเลือกเส้นทางผู้วิเศษ มิตรและศัตรูจะถูกกำหนดขึ้นทันที… ข้ากับเจ้าไม่ใช่มิตร แต่ก็ไม่ใช่ศัตรูเช่นกัน… จริงอยู่ที่เจ้ากับข้าอาจเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาบ้าง แต่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่เจ็บตัวมากนัก เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว… สำหรับข้า พัฒนาการของเจ้าทำให้บางคนที่ข้าเกลียดขี้หน้าต้องเดือดร้อน ข้าจึงยังไม่อยากฆ่าเจ้าทิ้งในตอนนี้ ยังอยากเห็นเจ้าเลื่อนลำดับต่อไปเรื่อยๆ”

จักรพรรดิเคยพูดบางสิ่งที่คล้ายคลึงกันไว้… บางคนที่เขาเกลียดขี้หน้า… ไคลน์ตัดสินใจถาม

“ผู้เย้ยเทพอามุนด์?”

“ข้อมูลแน่น… แถมไม่โง่…” วิญญาณมารเทวทูตสีชาดหัวเราะ ตามด้วยยกมือลูบคาง

ไม่ว่าจะเป็นวาจาหรือพฤติกรรม ทุกองค์ประกอบล้วนส่งเสริมให้คู่สนทนาอยากซัดปากสักหมัด

หลังจากไตร่ตรองสักพัก ไคลน์เริ่มเข้าใจปัญหา

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เลือกซาราธได้เลย… หากท่านผู้นั้นเลื่อนลำดับ อามุนด์ก็จะเดือดร้อนไม่ต่างกัน เทียบกับซาราธ ผมยังอ่อนแอเกินไปและต้องการเวลาอีกมาก สามารถเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้มากมาย”

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดพยักหน้าขรึม

“อันที่จริงข้าก็เคยคิดแบบนั้น เมื่อเทียบกับลำดับ 1 อย่างซาราธ เจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับสุนัขข้างถนน… เจ้ามีสิ่งใดเหนือกว่าหมอนั่นบ้าง? แข่งกันว่าใครตายเร็วกว่า?”

กล่าวถึงตรงนี้ วิญญาณมารเทวทูตสีชาดถอนหายใจยาว

“แต่ว่า… ถ้าทุกปัญหาในโลกมีทางออกง่ายดายเช่นนั้นเสมอ นั่นคงวิเศษไปเลย…”

ยังไม่ทันจบประโยค ปากเปื้อนเลือดได้ปริแตกบนแก้มข้างซ้ายของมัน

ช่องว่างขยายกว้างขึ้นพร้อมกับเผยให้เห็นฟันซี่ขาวสองแถว

“ข้าตรวจสอบมาแล้ว ตระกูลเซารอนล่มสลายเพราะซาราธและโรซายล์!”

นี่คือวิญญาณของบรรพชนตระกูลเซารอน? อาการหลายบุคลิกของเทวทูตสีชาดร้ายแรงกว่าที่เราคิด… ไม่สิ นี่ไม่ใช่อาการหลายบุคลิกแล้ว แต่เป็นการยัดวิญญาณของคนสามคนไว้ในร่างเดียว จะทำสิ่งใดก็ต้องผ่านการเห็นชอบ ไม่อย่างนั้นจะเกิดความขัดแย้งภายใน… ไคลน์เริ่มเชื่อว่าวิญญาณมารเทวทูตสีชาดมิได้วางกับดัก อีกฝ่ายยังไม่ได้แจ้งข่าวกับซาราธจริงๆ

นี่คือจุดอ่อนที่เราสามารถนำมาใช้ได้ในอนาคต… หลังจากพึมพำกับตัวเอง ไคลน์ซักถาม

“แล้วมีธุระอะไรกับผม?”

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดยกมือลูบแก้มซ้ายจนปากเลือนหายไป จากนั้นก็ยิ้มและกล่าว

“ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังตามสืบราชวงศ์โลเอ็นอยู่หรือ? เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับแม่มดระดับสูงนามว่าคาร์เทอริน่า หาเจ้าพบเบาะแสของหล่อน ช่วยแจ้งข่าวกับข้าก่อนจะลงมือกระทำสิ่งใด”

‘นักบุญสีขาว’ คาร์เทอริน่า… วิญญาณมารเทวทูตสีชาดต้องการสิ่งใดจากเธอ? ลำดับ 4 ของเส้นทางนักล่าสามารถเปลี่ยนให้สตรีกลายเป็นบุรุษ ส่วนลำดับเจ้ดของเส้นทางแม่มดจะเปลี่ยนให้บุรุษกลายเป็นสตรี หมายความว่าทั้งสองเส้นทางอาจสับเปลี่ยนกันได้ในลำดับสูง… หรือว่าเทวทูตสีชาดกำลังมองหาทางเลือก หากหาตะกอนพลังลำดับสี่ของเส้นทางนักล่าไม่ได้ ก็จะย้ายไปยังเส้นทางแม่มดแทน? สำหรับวิญญาณมาร ตราบใดที่มันมีวิธียืดอายุขัยออกไปได้เรื่อยๆ การดื่มโอสถและตะกอนพลังก็ยังช่วยให้เลื่อนลำดับได้… ไคลน์ผงะในตอนต้น ก่อนจะนำข้อมูลมาประกอบกันและเริ่มคาดเดาบางสิ่ง

นั่นมาพร้อมกับคำถามสุดประหลาด

ถ้าในร่างกายมีตะกอนพลังลำดับสูงของเส้นทางนักล่าและแม่มดอยู่ด้วยกัน วิญญาณมารเทวทูตสีชาดจะมีเพศเป็นชายหรือหญิง? ฝั่งไหนมีศักดิ์สูงกว่าและเป็นตัวกำหนดเพศ?

ทันใดนั้น วิญญาณมารเทวทูตสีชาดมองสลับระหว่างดอน·ดันเตสและบุรุษรับใช้ ก่อนจะ ‘หึ’ ในลำคอและพูด

“เจ้าเองก็มีพรสวรรค์ด้านยั่วยุ”

เรายังไม่ทันได้ตอบอะไรเลย… ไคลน์รำพันด้วยความฉงน

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดขดริมฝีปาก

“ข้าพอจะเดาได้ว่าเจ้ากำลังคิดสิ่งใด เว้นเสียแต่เจ้าจะยอมรับว่าตัวเองโง่… นั่นสินะ เรื่องนี้อาจจะส่งผลดีกับ ‘พวกเขา’ ก็ได้”

“หุบปาก!” ปากเปื้อนเลือดโผล่ขึ้นบนแก้มทั้งสองข้างของวิญญาณมาร

ไคลน์มองหน้าชายผู้เป็นเจ้าของอาการหลายบุคลิกฝั่งตรงข้าม ตัดสินใจล้มเลิกความคิดที่จะถามไถ่ในเชิงลึก เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน

“ทางนี้ก็ไม่ได้ติดขัดอะไรหากต้องแจ้งข่าว… แต่คำถามก็คือ ผมจะแจ้งข่าวด้วยวิธีใด”

ตามความเห็นของชายหนุ่ม ‘แม่มดยุพนิรันดร์’ คาร์เทอริน่าไม่ใช่คนดี เฉกเช่นวิญญาณมารเทวทูตสีชาด เป็นเรื่องดีแล้วที่พวกมันทะเลาะกัน

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดหัวเราะ

“แน่นอนอยู่แล้ว เจ้าต้องเอ่ยพระนามเต็มอันสูงส่งของข้า”

“มหาเทพแห่งสงคราม สัญลักษณ์แห่งเหล็กและเลือด เจ้าแห่งความวุ่นวายและขัดแย้ง”

“เฮ่อะ!” ปากบนแก้มทั้งสองข้างของวิญญาณมารเทวทูตสีชาดพ่นลมหายใจเย้ยหยันโดยพร้อมเพรียง ราวกับไม่เห็นด้วยแม้แต่น้อย

ฟังดูเหมือนชื่อทั่วไปของเทพ… หรือว่าหลังจากปรองดองกับ เอกลักษณ์สำเร็จ เมดีซีก็เข้าใกล้ความเป็นเทพเข้าไปทุกที? ตราบใดที่ยังไม่มีคนใหม่มาปรองดองกับ ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางนักบวชสีชาด ระดับของวิญญาณตนนี้ก็จะไม่ลดลง? พระนามเต็มอันสูงส่งนี้จะชี้ไปหาเขาเสมอ? ไคลน์พยักหน้าครุ่นคิดพลางไต่ถามด้วยความไม่มั่นใจ

“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับโบราณสถานลับของจักรวรรดิโลหิต อลิสต้าทูดอร์บ้าง?”

เมื่อได้ยินเชื่อดังกล่าว กล้ามเนื้อบนใบหน้าวิญญาณมารเทวทูตสีชาดพลันบิดเบี้ยวเล็กๆ ก่อนจะหัวเราะเยาะ

“เจ้าอยากถามว่าราชวงศ์โลเอ็นซ่อนความลับใดไว้?”

“คุณอาจไม่ทราบ แต่คุณน่าจะคุ้นเคยกับโบราณสถานลับของจักรพรรดิโลหิตเป็นอย่างดี” ไคลน์จงใจยั่วยุอีกฝ่าย

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดหัวเราะพลางตบที่พักแขนของเก้าอี้เอนหลัง

“ลูกไม้ของเจ้าช่างไร้เดียงสาเหมือนกับเด็กสามขวบ! หึหึ… ความลับของราชวงศ์โลเอ็นนั้นไม่ซับซ้อน ข้าสามารถเดาได้จากการอ่านหนังสือพิมพ์ประจำวัน… เจ้าฉลาดแค่หน้าตาสินะ แต่สมองคงเต็มไปด้วยหนอนแมลงยุบพอง”

“เดาได้จากการอ่านหนังสือพิมพ์?” ไคลน์ขมวดคิ้วพลางย้อนคำถาม

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดหัวเราะในลำคอ

“ใช่แล้ว แต่ก็ต้องมีความรู้ทั่วไปอยู่บ้าง ข้าคิดว่าเจ้าควรมีมันนะ… เอาแบบนี้เป็นไง ข้าจะตั้งคำถามสักสองสามข้อ แล้วเจ้าจะเข้าใจทันทีว่าเรื่องราวนั้นง่ายดายเพียงใด… ข้อแรก เจ้าคิดว่าบรรดาโบสถ์หลักรู้เรื่องโบราณสถานจักรพรรดิโลหิตมาก่อนหรือไม่?”

“ไม่” ไคลน์ส่ายหน้าหนักแน่น

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดยิ้มและถามต่อ

“เจ้ารู้ไหมว่า ‘จักรพรรดิโลหิต’ อลิสต้า·ทูดอร์อยู่ในลำดับและเส้นทางใดก่อนจะกลายเป็นลำดับ 0?”

“เส้นทางจักรพรรดิมืด… ลำดับหนึ่ง… องค์ชายวิปลาส” ไคลน์ตอบสุขุม

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดพยักหน้าแผ่วเบา

“เจ้ารู้ไหมว่า ก่อนที่อลิสต้าทูดอร์จะกลายเป็นจักรพรรดิโลหิต ชายคนนั้นคือหนึ่งในกงสุลแฝดของจักรวรรดิร่วมทูดอร์·ทรันซอสต์ และผู้สนับสนุนหลักคือหกจากเจ็ดเทพจารีต โดยสองจากหกคือรัตติกาลและวายุสลาตัน?”

ไคลน์พยักหน้าเป็นนัยว่าทราบ

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดในท่าเอนหลังครึ่งหนึ่งทำการไขว่ห้าง

“แล้วเจ้ารู้ไหมว่า หลังจากกลายเป็นจักรพรรดิโลหิต อลิสต้าทูดอร์เสียสติโดยสมบูรณ์ และร่วงหล่นท่ามกลางสงครามทวยเทพ?”

“ก็พอจะ” ไคลน์ไม่กล้าแสดงความมั่นใจเกินเหตุ เพราะความรู้นี้นำมาจากจักรพรรดิโรซายล์ และอีกฝ่ายก็นำมาจากมิสเตอร์ประตู

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดหัวเราะและกล่าวต่อ

“ถ้าเช่นนั้น เจ้าคิดว่าอลิสต้าทูดอร์มีเหตุผลหรือมีโอกาสที่จะสร้างโบราณสถานลับหลังจากกลายเป็นจักรพรรดิโลหิตหรือไม่?”

“ไม่…” ไคลน์ส่ายหน้าเชื่องช้า

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดผายมือออก

“ในเมื่อเป็นโบราณสถานที่อลิสต้าทูดอร์สร้างไว้ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นจักรพรรดิโลหิต และแม้แต่หกเทพจารีตที่คอยสนับสนุนก็ไม่ทราบเรื่องนี้ เช่นนั้นแล้ว โบราณสถานดังกล่าวจะยังเป็นอะไรได้อีก? หากเลือกได้ เจ้าจะเลือกเดินบนเส้นทางที่ตัวเองต้องเสียสติหรือไม่?”

นี่มัน… ไคลน์หวนนึกถึงสุสานทั้งเก้าแห่งที่เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมเลื่อนเป็นเทพของเส้นทางจักรพรรดิมืด

สำหรับองค์ชายวิปลาส ก่อนที่จักรพรรดิมืดคนเดิมจะหวนกลับมา มันย่อมต้องหาทางเลื่อนตำแหน่งเป็นจักรพรรดิมืดอยู่แล้ว!

“โบราณสถานดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิมืด?” ไคลน์ถามเสียงทุ้ม

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดลูบคางและกล่าวพลางยิ้ม

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้จักพิธีกรรมของจักรพรรดิมืดสินะ… ก็ง่ายๆ แบบนั้นแหละ… กษัตริย์ทำสิ่งใดบ้างในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา? ยกเลิกพระราชบัญญัติเมล็ดพันธุ์ มีการเปิดสอบข้าราชการหลายรอบ ความสัมพันธ์ทางการทหารถูกจัดระเบียบใหม่ สภาขุนนางและเหล่าขุนนางถูกลิดรอนอำนาจ สภาสามัญเข้มแข็งขึ้น… สิ่งเหล่านี้มีเขียนไว้ในหนังสือพิมพ์ประจำวันไม่ใช่หรือ? นอกจากนั้น เรื่องที่เส้นทางผู้พิพากษาสามารถสลับไปเป็นเส้นทางจักรพรรดิมืดได้ นี่ก็เป็นความรู้ทั่วไป”

เนื่องจากหลายๆ สิ่งที่กล่าวมาเป็น ‘กระแสแห่งยุคสมัย’ สำหรับไคลน์ และหนึ่งในนั้นเกิดจากการผลักดันด้วยตัวไคลน์เอง มันจึงไม่เคยตรวจสอบในมุมมองของศาสตร์เร้นลับมาก่อน

ในไม่ช้า ชายหนุ่มฉุกคิดได้อีกหนึ่งสิ่ง

คนสุดท้ายที่ปรารถนาจะเป็นจักรพรรดิมืดคือโรซายล์ และชายคนนั้นบังเอิญเกี่ยวข้องกับพี่ชายของอามุนด์!

………………………………….