บทที่ 809 แบล็กลิสต์เซี่ยเหอ

The king of War

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เซี่ยเหอก็มาถึงกองละคร

“เซี่ยเหอทำไมคุณเพิ่งมาถึงล่ะ? พวกเรารอคุณมาสองชั่วโมงแล้วนะ”

“คุณคิดว่าคุณจะดังแล้ว คุณเลยเล่นตัวเหรอ?”

“คุณรู้ไหมว่าคุณมาสายสองชั่วโมง มันทำให้เกิดผลกระทบกับการถ่ายละครของกองละครมากแค่ไหน?”

“คุณรู้ไหมว่านักแสดงเหล่านั้น เหนื่อยใจที่ต้องรอคุณมากขนาดไหน ?”

……

เซี่ยเหอเพิ่งเดินเข้ากองละครก็ถูกล้อมอยู่ตรงกลางทันใด

อู๋เทียนโย่วฉีกยิ้มมุมปาก ใบหน้าลำพองใจ

นักแสดงนำสองสามคนที่อยู่กับเขาต่างก็มีสีหน้าหยอกเย้า

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสร้างเรื่องทั้งหมดนี้

“ไม่ใช่ค่ะ ฉันมาที่กองตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ฉันเพิ่งไปโรงพยาบาลไปหาอู๋เทียนโย่วกับผู้กำกับหวางมาค่ะ”

เซี่ยเหอรีบอธิบาย

“ เซี่ยเหอคุณอย่าโยนเรื่องที่ตัวเองทำให้พวกเรา?”

อู๋เทียนโย่วเดินเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เห็นๆ กันอยู่ว่าคุณมาสาย ทำให้พวกเราต้องรอนานขนาดนี้ คุณไปหาฉันที่โรงพยาบาลตอนไหนเหรอ?”

“อีกอย่าง ฉันมากองละครตั้งนานแล้ว แต่เป็นเพราะว่าคุณมาสายจึงได้แต่รอคุณอยู่บนรถ”

“คุณไปหาฉันที่โรงพยาบาลทำไมเหรอ?”

อู๋เทียนโย่วและคนอื่นๆต่างก็พากันพูดว่า “ใช่ๆๆ พี่เทียนโย่ว รอคุณอยู่บนรถ คุณไม่มาพี่เทียนโย่วก็ไม่สามารถถ่ายละครได้”

“พวกคุณ พวกคุณพูดโกหกหน้าตาเฉยได้ยังไงกัน?”

เซี่ยเหอกำลังจะร้องไห้เพราะโกรธจัด ชี้ไปที่หน้าของเขาและกลุ่มของเขา แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “เห็นๆ กันอยู่ว่าพวกคุณไม่มากองละคร ฉันกับผู้กำกับหวางถึงได้ไปหาพวกคุณ”

พูดจบ เซี่ยเหอก็มองไปที่ทีมงานเหล่านั้นที่ปิดล้อมเธอแล้วพูดว่า “ถ้าหากว่าพวกคุณไม่เชื่อ พวกคุณก็ไปถามผู้กำกับหวางได้”

ในเวลานี้เอง ผู้กำกับหวางก็เดินเข้ามาพอดี

ดูเหมือนว่าเซี่ยเหอจะคว้าที่พึ่งสุดท้ายไว้ได้ จึงรีบพูดว่า “ผู้กำกับหวาง คุณรีบบอกทุกคนสิว่าฉันมากองละครตั้งแต่เช้าแล้ว เมื่อกี้ไปโรงพยาบาลไปหาอู๋เทียนโย่วและคนอื่นๆ กับคุณมา”

“เป็นเพราะว่ารถนั่งไม่พอ ฉันถึงได้นั่งแท็กซี่กลับมา ถึงได้ช้ากว่าพวกคุณไม่กี่นาที”

ผู้กำกับหวางขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ เซี่ยเหอคุณกำลังพูดอะไร ? มาสายก็คือมาสาย ทำไมคิดที่จะลากผมให้ช่วยคุณพูดโกหก?”

“ถ้าหากคุณจะแสดงละครต่อก็แสดงต่อ ถ้าแสดงไม่ได้แล้วก็ไปให้พ้นหน้าผม! พวกเรากองละครไม่ต้อนรับคนอย่างคุณที่เป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่ยังไม่ทันดังก็เริ่มจะเล่นตัว”

สีหน้าของเซี่ยเหอชะงักงันในทันใดด้วยใบหน้าไม่อยากเชื่อ

ตั้งแต่ที่เธอเข้ากองละคร ผู้กำกับหวางก็ดูแลเธอมาตลอด

แต่ที่ทำให้เธอนึกไม่ถึงก็คือ วันหนึ่งผู้กำกับหวางจะใส่ร้ายเธอ

“ผู้กำกับหวาง คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง?”

ดวงตาคู่นั้นของเซี่ยเหอแดงก่ำ ถามด้วยสีหน้าน้อยใจ

เห็นได้ชัดว่าผู้กำกับหวางก็รู้สึกผิด ไม่กล้ามองหน้าเซี่ยเหอได้แต่โบกมือ “แยกย้ายได้แล้ว รีบถ่ายทำกันได้แล้ว บริษัทต้องการให้เราถ่ายละครเรื่องนี้ให้เสร็จภายในสองเดือน”

อู๋เทียนโย่วและคนอื่นๆ ต่างก็มีสีหน้าหยิ่งผยองได้ใจ

“ผู้กำกับหวาง เป็นเพราะว่า เซี่ยเหอมาสายทำให้การทำงานของกองละครล่าช้า เรื่องนี้คุณคงจะไม่เข้าข้างเธอใช่ไหม?”

อู๋เทียนโย่วถามผู้กำกับหวางด้วยรอยยิ้ม

ผู้กำกับหวางรีบพูดว่า “ผมจะเข้าข้างเธอได้ยังไง? คุณสบายใจได้ เรื่องนี้ผมจะแจ้งให้บริษัททราบ ดูว่าบริษัทจะให้ตัดเงินค่าจ้างของเธอหรือจะให้ทำยังไง แล้วแต่ทางบริษัท”

“เซี่ยเหอตอนนี้ความนิยมของละครเรื่องนี้กำลังพุ่งสูงขึ้น คุณทำให้ล่าช้าไปสองชั่วโมง ทำให้บริษัทเสียหายเป็นอย่างมาก”

อู๋เทียนโย่วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่แน่ว่าบริษัทอาจจะถอดคุณออกจากละครเรื่องนี้เพราะเรื่องนี้”

“ เซี่ยเหอครั้งนี้ คุณเจอปัญหาใหญ่แล้ว”

“ฉันยังได้ยินมาว่า อีกสักพักประธานกรรมการจะมาที่กองละคร เรื่องนี้ต้องไปเข้าหูประธานกรรมการแน่ๆ พอถึงเวลานั้นคุณจะยังอยู่ในกองละครนี้ต่อไปหรือเปล่าก็คงจะพูดยาก”

คนอื่นๆ ต่างก็พูดด้วย คำพูดของพวกเขาเต็มไปด้วยการหยอกเย้า

เซี่ยเหอกัดริมฝีปากแดงระเรื่อแน่น มองไปที่ใบหน้าและปากที่น่ารังเกียจนั้น เธออยากจะไปตบหน้าพวกเขาสักฉาด

เดิมที เธอจะมากองละครเพื่อลาออกกับผู้กำกับหวาง เธออยากจะลาออก

แต่นึกไม่ถึงเลยว่า การใส่ความของผู้กำกับหวางจะทำให้เธอใจสลาย

และการกระทำของอู๋เทียนโย่วและคนอื่นๆ ยิ่งทำให้เธอโกรธเคือง

“พวกคุณกำลังรอดูฉันถูกถอดออกจากกองละครอยู่ใช่ไหม?”

เซี่ยเหอถามขึ้นทันใด

“เซี่ยเหอคุณก็อย่าพูดตรงขนาดนั้นสิ ฉันรู้สึกไม่ดีแล้วเนี่ย”

อู๋เทียนโย่วสีหน้ายิ้มเยาะ ไม่อาจปกปิดเจตนาที่แท้จริงของเขา หรี่ตาพูดว่า “เซี่ยเหอถ้าคุณอยากจะอยู่ที่กองละครต่อ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้”

“เพียงแต่คุณยอมอยู่เป็นเพื่อนผมสักคืน ผมก็ไม่หาเรื่องคุณแล้ว ต่อจากนี้คุณก็ยังเป็นนางเอกรอง ไม่แน่ว่าคุณยังจะดังเพราะละครเรื่องนี้ด้วย”

“ตอนนี้การที่จะอยู่กองละครต่อหรือลาออกก็ขึ้นอยู่กับคุณเลือกแล้ว”

อู๋เทียนโย่วสีหน้ายิ้มเยาะ

“ป้าบ!”

เซี่ยเหอไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะยกมือขึ้นตบลงไปที่หน้าของอู๋เทียนโย่วอย่างแรง

การตบครั้งนี้รุนแรงและดัง ทำให้ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ

แม้แต่อู๋เทียนโย่วเองก็ตกตะลึง เขาไม่เคยนึกเลยว่าเซี่ยเหอจะลงไม้ลงมือ และยิ่งไม่นึกเลยว่า ครั้งแรกที่เขาจะได้เห็นเซี่ยเหอลงไม้ลงมือก็คือการตบเขา

“อู๋เทียนโย่ว ถ้าคุณยังกล้าพูดไร้สาระอีก ฉันรับประกันได้ว่าจะทำให้คุณอยู่กองละครนี้ต่อไปไม่ได้! ”

น้ำเสียงของเซี่ยเหอหนักแน่นมาก และดูเหมือนว่าถ้าเธอต้องการ เธอก็สามารถทำให้อู๋เทียนโย่ว ออกจากกองละครได้ตลอดเวลา

“อีหญิงสารเลวกล้าตบหน้าฉัน?”

ในเวลานี้อู๋เทียนโย่วเพิ่งได้สติ สีหน้าน่ากลัว

“เซี่ยเหอคุณบ้าไปแล้วเหรอ? กล้าตบพี่เทียนโย่ว?”

“คุณคิดว่าตัวเองดังแล้วเหรอ? กล้าตบพี่เทียนโย่ว คุณคิดว่าเส้นสายของคุณใหญ่กว่าพี่เทียนโย่วเหรอ?”

“ฉันจะบอกให้ พี่เทียนโย่วควรจะใช้เส้นสายของตัวเองแบล็กลิสต์เซี่ยเหอให้ดับไปเลย ไม่ให้เธอได้ถ่ายละครอีกต่อไป! ”

“ใช่ แบล็กลิสต์เธอ! ”

ในชั่วขณะ พวกสุนัขรับใช้ของอู๋เทียนโย่วต่างก็ตะโกนให้แบล็กลิสต์เซี่ยเหอ

เซี่ยเหอใจสลาย มองไปรอบๆ พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “พวกคุณอยากจะให้ฉันถูกแบล็กลิสต์ขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“เซี่ยเหอคุณจะมาแอ๊บทำไม? ฉันทนไม่ไหวมาตั้งนานแล้ว”

นักแสดงหญิงคนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ยว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะผู้กำกับหวางรับเธอเข้ามา เธอจะได้เป็นนางเอกรองเหรอ? ”

“ฉันจะบอกเธอให้นะ ถึงเธอจะเป็นนางเอกรอง แต่พวกเราก็เป็นรุ่นพี่เธอ เธอกล้าดียังไง? มาวางอำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้าพวกเรา เธอมีคุณสมบัติพอเหรอ?”

นักแสดงชายอีกคนก็พูดว่า “ใช่ เธอจะวางมาดอวดเบ่งต่อหน้าพวกเราทำไม? พี่เทียนโย่วชอบเธอก็ถือว่าเป็นเกียรติของเธอแล้ว จะมาแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาทำไม?”

“เซี่ยเหอรีบขอโทษพี่เทียนโย่ว ถึงพี่เทียนโย่วจะอภัยให้เธอ แต่พวกเราก็ใช้เส้นสายของเราแบล็กลิสต์เธอ! ”

“ขอโทษ! รีบขอโทษเดี๋ยวนี้! ”

นักแสดงหลายคนข้างๆ อู๋เทียนโย่ว พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง

ในเวลานี้ เซี่ยเหอรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่กลับไม่มีความกลัวบนใบหน้าแม้แต่น้อย

“พวกคุณต้องรับผิดชอบกับคำพูดที่พวกคุณพูดออกมา! ”

เซี่ยเหอดูเปลี่ยนเป็นคนละคน พูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ทางที่ดีขอให้พวกคุณใช้เส้นสายแบล็กลิสต์ฉัน ไม่อย่างนั้นถ้ารอฉันดังขึ้นมา พวกคุณจะต้องเสียใจแน่! ”

มองไปที่ใบหน้าจริงจังของเซี่ยเหอ จู่ๆ ก็ทำให้อู๋เทียนโย่วและคนอื่นๆ รู้สึกไม่สบายใจ

พวกเขาไม่เคยเห็นด้านที่แข็งกร้าวของเซี่ยเหอ การได้เห็นมันในวันนี้กลับทำให้พวกเขารู้สึกขนลุก

“เซี่ยเหอมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอยังจะแสร้งทำอีกเหรอ?”