ตอนที่ 964 อสูรกลืนนภา

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

มหาสมุทรในทางตะวันออกกว้างใหญ่และเงียบสงบอย่างมากซึ่งดูปลอดภัยกว่าบริเวณที่ตั้งของเกาะลึกลับมากนัก

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมุ่งหน้าไปตามทางในขณะที่มารยาและอสูรอื่น ๆ กระจายตัวออกไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจสถานการณ์รอบตัว

ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สัมผัสได้เพียงพิกัดของไข่มุกเลี่ยงวารีอย่างคร่าว ๆ เท่านั้นและไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ชัดเจนได้ เพราะเหตุนั้น พวกนางจึงต้องออกสำรวจไปทั่วบริเวณอย่างละเอียด

“ไข่มุกเลี่ยงวารีเป็นสมบัติฟ้าดินที่ล้ำค่า ผู้ที่ได้ครอบครองมันจะสามารถเดินเหินในน้ำได้โดยที่ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทว่ามันกลับปรากฏตัวอยู่ในมหาสมุทรซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากจริง ๆ”

ข้อมูลเกี่ยวกับไข่มุกเลี่ยงวารีฉายวาบในความคิดของฉินอวี้โม่และเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับนาง

กล่าวกันว่ามันเป็นสิ่งที่สามารถต้านน้ำได้โดยสมบูรณ์​ ทว่ามันกลับปรากฏตัวอยู่ในมหาสมุทร การอยู่ควบคู่ทว่าต่อต้านกันเช่นนี้ถือเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์เช่นกัน

ฝั่งตะวันออกคือจุดที่อันตรายที่สุดของมหาสมุทรทางเหนือซึ่งแม้แต่ชาวพื้นเมืองของชายฝั่งทางเหนือก็ไม่กล้ามุ่งหน้าเข้าไป

และสิ่งสำคัญคือน่านน้ำฝั่งตะวันออกเต็มไปด้วยอสูรมายาที่ทรงพลังอย่างที่สุด

อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือและบรรดาอสูรมายาได้สำรวจในพื้นที่บริเวณนี้ยาวนานกว่าครึ่งวันแล้ว พวกนางไม่เพียงแต่ไม่เผชิญหน้ากับอสูรมายาใด ๆ เท่านั้น ทว่าพวกนางก็ยังไม่เห็นแม้แต่สิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไปในมหาสมุทรด้วยซ้ำซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ยิ่งเป็นเช่นนั้น พวกนางก็ยิ่งระมัดระวังตัวมากขึ้น สำหรับมหาสมุทรในบริเวณนี้ ยิ่งบรรยากาศของมันเงียบสงบมากเพียงใด มันก็ยิ่งให้ความรู้สึกที่อันตรายมากเพียงนั้น คาดการณ์ได้ว่าจะต้องมีอสูรทรงพลังบางตัวที่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลทั้งหมดไม่กล้าแหวกว่ายเข้ามา

“กรรรร !”

ทันใดนั้น เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้นในหูของฉินอวี้โม่เมื่อหานอวี้และอสูรอื่น ๆ ที่กำลังสำรวจอยู่กลางอากาศเผชิญหน้ากับ ‘ปัญหา’ บางอย่าง

“มังกรทองห้าเล็บ เหตุใดเจ้าจึงรุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของข้าผู้นี้ ?!”

น้ำเสียงราบเรียบดังขึ้นพร้อมกับแรงกดดันรุนแรงที่แผ่ออกมาและมันเป็นแรงกดดันที่แกร่งกล้ากว่าสือโหลวก่อนหน้านี้เสียอีก

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเหาะตรงไปยังทิศทางของต้นเสียงทันทีก่อนพบว่าหานอวี้และอสูรอื่น ๆ กำลังประจันหน้ากับบุรุษคนหนึ่ง

บุรุษผู้นั้นสวมอาภรณ์สีน้ำเงินและดูมีอายุในช่วงประมาณสามสิบปี ดวงตาของเขาเป็นสีน้ำเงินเข้มซึ่งดูลึกลับทว่างดงามอย่างประหลาด ร่างกายของเขาก็แผ่แรงกดดันอันแรงกล้าออกมาซึ่งทำให้แม้แต่ฉินอวี้โม่ก็ยังหวั่นใจอยู่ไม่น้อย

“ท่านอสูรกลืนนภา เราเพียงผ่านทางมาเท่านั้นและไม่ได้ตั้งใจรบกวนการพักผ่อนของท่าน”

หานอวี้สัมผัสได้ทันทีว่าร่างที่แท้จริงของบุรุษผู้นี้คือสิ่งมีชีวิตในตำนานซึ่งก็คืออสูรกลืนนภาที่ไม่ได้มีสายเลือดด้อยไปกว่ามังกรทองเก้าเล็บเลย

ปกติแล้วอสูรกลืนนภาจะอาศัยอยู่ในท้องทะเลลึกซึ่งจะไม่บุกรุกอาณาเขตของมนุษย์และพวกมันก็ไม่ถือเป็นอสูรดุร้าย โดยส่วนใหญ่พวกมันจะเก็บตัวบ่มเพาะวิชาในอาณาเขตของตนและแทบไม่ปรากฏตัวออกมา

ตลอดเวลานับพันปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีอสูรกลืนนภาปรากฏให้เห็นในดินแดนแม้แต่ตัวเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีอสูรกลืนนภาที่ทรงพลังอยู่ในมหาสมุทรทางเหนือนี้

“เหอะ ข้าผู้นี้อาศัยอยู่ที่นี่มานานนับพันปีแล้วและไม่เคยมีผู้ใดริอาจย่างกรายเข้ามาในบริเวณนี้มาก่อน หากพวกเจ้ารีบกลับไปซะตั้งแต่ตอนนี้ ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปโดยดี แต่หากไม่เชื่อฟังละก็…อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน !“

อสูรกลืนนภาแค่นเสียงเย็นชาและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เผด็จการอย่างมาก

“ขออภัยด้วย เรามาที่นี่เพื่อตามหาบางอย่าง หากยังไม่พบมัน เกรงว่าเราคงกลับไปไม่ได้ ถ้าท่านอยากจะต่อสู้ก็เชิญได้เลย”

ฉินอวี้โม่ปรากฏตัวตรงหน้าหานอวี้และมองตรงไปที่อสูรกลืนนภาตรงหน้าพลางกล่าวขึ้นเบา ๆ

“พวกเจ้ากำลังตามหาสิ่งใด ?”

สีหน้าของอสูรกลืนนภาเปลี่ยนไปเล็กน้อยและยังไม่รีบร้อนลงมือทำสิ่งใด

“พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อตามหาไข่มุกเลี่ยงวารีเช่นเดียวกับคนพวกนั้นสินะ ?”

จู่ ๆ สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดหวั่นเล็กน้อยและนั่นทำให้ฉินอวี้โม่และเหล่าอสูรสับสนงุนงงไม่ต่างกัน

“คนพวกนั้น ? ท่านหมายถึงจอมยุทธ์ปีศาจจากเกาะโดดเดี่ยวในมหาสมุทรทางเหนืออย่างนั้นหรือ ?”

ฉินอวี้โม่เอ่ยถามลองเชิง เห็นทีพวกนางคงมิใช่คนกลุ่มเดียวที่ทราบว่าไข่มุกเลี่ยงวารีปรากฏขึ้นในบริเวณนี้ ทว่าพวกจอมยุทธ์ปีศาจเองก็ได้ทราบข่าวเช่นกัน

“เหอะ ข้าไม่รู้หรอกว่าคนพวกนั้นเป็นจอมยุทธ์ปีศาจหรือไม่ ทว่าพวกเขามิใช่คนดีแน่ ข้าจะบอกกับพวกเจ้าตามตรง ไข่มุกเลี่ยงวารีเคยปรากฏตัวในบริเวณนี้จริง ทว่ามันหายสาบสูญไปนานนับพันปีแล้วและไม่เคยปรากฏให้เห็นอีกเลย ทีนี้พวกเจ้าก็กลับไปเสียเถอะ !”

อสูรกลืนนภาแค่นเสียงเย็นชา เมื่อเทียบกับกลุ่มคนก่อนหน้านี้ มันรู้สึกประทับใจในกลุ่มของฉินอวี้โม่มากกว่าและไม่ต้องการทำร้ายพวกนาง

ในเมื่อพวกนางมาที่นี่เพื่อตามหาไข่มุกเลี่ยงวารี มันก็เพียงอธิบายว่าไข่มุกเลี่ยงวารีไม่ได้อยู่ที่นี่และขับไล่พวกนางกลับไปแต่โดยดี

“คงจะมิได้หรอก ข้ารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ายังมีกลิ่นอายของไข่มุกเลี่ยงวารีอยู่ในบริเวณนี้และมันมิใช่เรื่องเท็จแน่ ไข่มุกนั่นสำคัญกับข้ามากและไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องตามหามันให้พบ ปล่อยให้พวกเราตามหามันเถอะและเราจะรีบกลับไปแต่โดยดี เราให้สัญญาจะไม่รบกวนการบ่มเพาะของท่าน”

ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะปฏิเสธทันที เมื่อเห็นว่าอสูรกลืนนภาไม่คิดโจมตีพวกตนก่อน น้ำเสียงของนางก็อ่อนลงเล็กน้อย

หากพบไข่มุกเลี่ยงวารีที่ตามหาและได้มันมาครองโดยที่ไม่ต้องต่อสู้กัน มันจะลดปัญหาความวุ่นวายไปได้มาก

“ไม่ได้ ใครกันที่จะรับประกันได้ว่าพวกเจ้าจะไม่ก่อความวุ่นวายใดในที่แห่งนี้ ข้าฝึกวิชาอยู่ที่นี่มานานนับพันปีและไม่ต้องการให้สิ่งใดมารบกวนความสงบสุขของที่นี่ กลับไปเสียเถอะ !”

อสูรกลืนนภาในร่างบุรุษชุดน้ำเงินส่ายศีรษะและปฏิเสธอย่างหนักแน่นพร้อมยืนกรานให้ฉินอวี้โม่และคณะกลับไป

“เอาล่ะ เรากลับกันก่อนเถอะ”

หานโม่ฉือกระซิบเบา ๆ ข้างหูฉินอวี้โม่และนางพยักศีรษะตอบตกลงทันที

อสูรกลืนนภาตรงหน้าเป็นตัวตนที่แกร่งกล้าเกินไป หากต้องเผชิญหน้ากัน พวกนางมีโอกาสชนะเพียงไม่มากเท่านั้น การยินยอมกลับไปก่อนและวางแผนให้รอบคอบเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจอมยุทธ์ปีศาจจะจับตาดูสถานการณ์ของที่นี่อยู่หรือไม่ หากพวกนางต่อสู้กับอสูรกลืนนภา คนเหล่านั้นอาจชุบมือเปิบและเข้ามาครอบครองผลประโยชน์ในฐานะมือที่สามได้

ฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือและบรรดาอสูรไม่รอช้าและหันหลังกลับไปยังทิศทางที่จากมา

เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่และคณะกลับไปแล้ว อสูรกลืนนภาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและดำดิ่งลงใต้ท้องทะเลอีกครั้ง

เมื่อพ้นจากสายตาของอสูรกลืนนภา พวกนางก็กลับเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวทันที

แม้ว่าอสูรกลืนนภาจะเป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างยิ่ง มันก็คงจะไม่สามารถค้นพบคฤหาสน์เฟิงหัวของพวกนางได้ พวกนางจึงสามารถขับเคลื่อนคฤหาสน์ล่องหนสำรวจรอบบริเวณเพื่อตามหาร่องรอยของไข่มุกเลี่ยงวารีและวางแผนกันอย่างเหมาะสม

เมื่อเวลาผ่านไป ท้องฟ้าก็มืดสลัวลงเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่และคณะยังไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ชัดเจนของไข่มุกเลี่ยงวารีได้เลย

ตูมมม !

ทันใดนั้น เสียงปะทะดังสนั่นก็ดึงดูดความสนใจของพวกนางและทิศทางของต้นเสียงคือจุดที่พวกนางพบกับอสูรกลืนนภาก่อนหน้านี้

“พวกเจ้าอีกแล้วรึ !”

น้ำเสียงโมโหดังขึ้นกลางอากาศซึ่งเป็นเสียงที่ฉินอวี้โม่และคณะได้ยินอย่างชัดเจน

“อสูรกลืนนภา ส่งไข่มุกเลี่ยงวารีมาซะดี ๆ แล้วพวกข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ! มิฉะนั้นก็อย่ากล่าวโทษที่พวกข้าจะฆ่าเจ้าและเปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นสมาชิกของกองทัพผีดิบก็แล้วกัน !”

น้ำเสียงที่ฟังดูคุ้นหูดังขึ้น และมันมิใช่เสียงของใครอื่น หากแต่เป็นสือโหลว—หัวหน้ากลุ่มของจอมยุทธ์ปีศาจที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในเกาะลึกลับก่อนหน้านี้นั่นเอง

“ฝันไปเถอะ ! เจ้าพวกคนชั่ว ต่อให้ไข่มุกเลี่ยงวารีอยู่ในอาณาเขตของข้าจริง ข้าก็ไม่มีทางยอมให้พวกเจ้าเอามันไป !”

ทัศนคติที่อสูรกลืนนภามีต่อสือโหลวและพวกเลวร้ายยิ่งกว่าฉินอวี้โม่และคณะมากนัก มันกล่าวอย่างเย็นชาและปล่อยการโจมตีเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามทันที

ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็มองหน้ากันเล็กน้อยขณะนึกถึงสือฉินที่ถูกพวกตนจับขังไว้ก่อนหน้านี้

จากนั้นทั้งสองก็ก้าวเข้าไปในห้องหนึ่งซึ่งมีสือฉินนอนราบอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก

ก่อนหน้านี้เขาพยายามหลบหนีทว่าถูกเหล่าอสูรของฉินอวี้โม่จับตัวกลับมาได้และร่วมมือกันสั่งสอนเขาอย่างป่าเถื่อนจนทำให้เกิดปมขึ้นมาในจิตใจของเขา

ในช่วงเวลานี้ เขาจึงเก็บตัวอยู่ในห้องอย่างเชื่อฟังทั้งวันทั้งคืนและไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรโดยพลการอีก ไม่กล้าแม้แต่จะคิดหนีด้วยซ้ำ

“สือฉิน พวกเจ้าทราบได้อย่างไรว่าไข่มุกเลี่ยงวารีอยู่ในบริเวณนี้ ?”

ฉินอวี้โม่เอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา พวกนางทราบถึงพิกัดคร่าว ๆ ของไข่มุกเลี่ยงวารีผ่านทางการรับรู้ของไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แล้วจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นทราบถึงข่าวนี้ได้อย่างไรกัน ?