สุดท้ายแล้วศาสตร์วรยุทธก็มาบรรจบกันอยู่จุดเดียวคือผู้แข็งแกร่งเป็นผู้ชนะ
จะทักษะยุทธหรือรูปแบบอาคมอะไรก็ช่าง ตราบใดที่พลังแข็งแกร่งมากพอก็เพียงพอแล้ว
ในมุมมองของศาสตร์รูปแบบอาคม ปรมาจารย์รูปแบบอาคมย่อมสามารุแก้รูปแบบอาคมได้ แต่หลิงฮันไม่ใช่ปรมาจารย์รูปแบบอาคม ความเข้าใจของเขามีชีวิตจำกัด
เขาปล่อยหมัดจู่โจมเข้าใส่ดอกบัวสีเขียว
‘ตูม’ ดอกบัวขนาดหลายพันฟุตถูกหมัดกระแทกเข้าใส่จนปรากฏคลื่นสั่นสะเทือนนับไม่ถ้วนไป แต่ดูเหมือนการโจมตีของหลิงฮันจะสร้างความเสียหายไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
เซียนหมิงซินส่ายหัว หากรูปแบบอาคมง่ายๆเช่นนี้ยังไม่สามารถแก้ไขแล้ว เขาสมควรจะนำมาเป็นลูกศิษย์งั้นรึ?
หลิงฮันไม่ท้อถอย เขากระตุ้นใช้งานรูปแบบอาคมทั้งสิบในร่างกายพร้อมกับปลดปล่อบทักษะดาบฟ้าคำรามใส่ดอกบัว
‘ตูม’ การโจมตีนี้ทรงพลังเป็นอย่างมาก ที่บริเวณดอกบัวมีรอยฟันหนาลึกปรากฏทิ้งเอาไว้
แต่ปัญหาก็คือรูปแบบอาคมดอกบัวที่มีขนาดและความสูงพันฟุตนี้มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูตนเอง ร่องรอยที่มีของเหลวสีฟ้าไหลออกมาค่อยแห้งอย่างรวดเร็ว
เซียนหมิงซินที่มองอยู่จิตใจสั่นสะท้าน
เขาตกตะลึงเป็นอย่างมากเพราะว่าต่อให้เป็นตัวเขาที่เป็นเซียนก็ไม่อาจสลักรูปแบบอาคมถึงสิบรูปแบบเอาไว้บนร่างกาย รูปแบบอาคมที่ถูกกระตุ้นใช้งานพร้อมกันถึงสิบรูปแบบนั้นทรงพลังจนเขายังต้องพยักหน้ายอมรับ
หากเขาสามารถสลักรูปแบบอาคมสิบรูปแบบไว้บนร่างตนเองได้บ้าง เขาจะต้องไร้เทียมทานในหมู่เซียนระดับต้นแน่นอน
รุ่นเยาว์ผู้นี้คืออัจฉริยะ!
แต่ว่าเจ้าคิดจะทำลายรูปแบบอาคมดอกบัวบรรพกาลสีครามด้วยวิธีเช่นนั้นงั้นรึ? เจ้าหวังสูงเกินไปแล้ว วิธีเช่นนั้นไม่มีทางทำสำเร็จได้เด็ดขาด!
หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมาและสะบั้นฟาดฟันใส่ดอกบัว
ดาบเล่มนี้คืออาวุธระดับนิรันดร์ แม้พลังของมันจะยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่หากเป็นความสามารถในการทะลวงและบดขยี้ เป้าหมายย่อมมีเพียงชะตากรรมเดียวคือตกตาย
‘ปัง’ ดาบปะทะเข้ากับดอกบัวสีเขียวโดยที่รูปแบบอาคมได้พังทลายในพริบตา ลำต้นของดอกบัวค่อยๆเหี่ยวเฉาด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
พลังทำลายของอุปกรณ์ระดับนิรันดร์น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง แม้ดาบอสูรนิรันดร์จะยังไม่ใช่อุปกรณ์นิรันดร์ที่แท้จริง แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้พลังของมันย่อมสามารถทะลวงได้ทุกสรรพสิ่ง
เพียงไม่กี่ลมหายได้ ดอกบัวก็เหี่ยวเขาทั้งหมดและรูปแบบอาคมก็สลายหายไปอย่างสมบูรณ์
เซียนหมิงซิน “…”
ภายในใจของเซียนหมิงซินเต็มไปด้วยความสงสัยนับหมื่น หลิงฮันใช้หนึ่งในวิธีที่เป็นไปไม่ได้มากที่สุดในการทำลายรูปแบบอาคมนี้ทำลายรูปแบบอาคมได้สำเร็จ เพราะงั้นต่อให้เขาเป็นถึงเซียนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
โชคดีที่ตอนนี้มีใครอื่นอยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นเขาจะรีบไปแลกเปลี่ยนความคิดกับอีกฝ่ายเรื่องที่ว่ารูปแบบอาคมดอกบัวบรรพกาลสีครามนั้นไม่สามารถถูกทำลายด้วยความรุนแรง แต่ตอนนี้ความจริงที่ว่านั้นกลับถุกรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งทำลายทิ้งไปแล้ว
เจ้าหนูนี่… เป็นสัตว์ประหลาดตัวน้อย!
เมื่อเห็นหลิงฮันกำลังจะสะบั้นดาบใส่ดอกบัวดอกที่สอง เซียนหมิงซินก็รับห้ามปรามอย่างรวดเร็ว “หยุด! พอแล้ว! ดอกบวกเหล่านี้ข้าไม่ได้ปลูกพวกมันขึ้นมาง่ายๆ!” เขาปล่อยมือปราณก่อเกิดขนาดใหญ่คว้าไปนำร่างของหลิงฮันมายังดอกบัวที่เขาอยู่
เซียนหมิงซินถอนหายใจ
ดอกบัวนี้นอกจากจะสลักรูปแบบอาคมระดับสิบหกที่ใกล้เคียงกับรูปแบบอาคมเซียนลงไปแล้ว มันยังเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบหกที่เกือบจะกลายเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำแล้วในอีกก้าวเดียวซึ่งไม่รู้ว่าเขาทุ่มเทเลี้ยงดูมันมานานเท่าไหร่
ถูกแล้ว รูปแบบอาคมนี้ไม่เพียงใช้ทดสอบศิษย์ แต่เขายังมีจุดประสงค์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือการนำดอกบัวจำนวนมากผสานรวมเป็นดอกบัวต้นกำเนิดเพื่อให้มันทำลายกำแพงของสมุนไพรระดับสิบหกและกลายเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ
แต่ตอนนี้มันกลับถูกหลิงฮันทำลายไปแล้วส่วนหนึ่ง จะบอกว่าเขาไม่เป็นทุกข์เลยงั้นรึ?
แต่จะร้องทุกข์ก็ไม่ได้เนื่องจากเขาเป็นคนให้หลิงฮันแก้ไขรูปแบบอาคมด้วยตัวเองซึ่งก็ไม่ได้ตั้งกฎว่าห้ามใช้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ช่วย
สามารถทำให้เซียนเป็นทุกข์ได้ด้วยพลังบ่มเพาะระดับดารา เกรงว่าคงมีหลิงฮันเป็นคนแรก
“คารวะเซียน!” หลิงฮันผสานมือ
เซียนหมิงซินสะบัดแขนเสื้อและพยายามระงับความเจ็บปวดเอาไว้ในใจ “เจ้าสลักรูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุเอาไว้บนร่างกาย?”
“ขอรับ” หลิงฮันพยักหน้า เขารู้ว่าไม่อาจปิดบังเรื่องนี้ต้อหน้าเซียนได้ หากไม่ใช่เพราะรู้อยู่เขาอีกฝ่ายคงไม่เรียกเขามาพบ
“กระดูกของเจ้า… ช่างยอดเยี่ยมนัก” เซียนหมิงซินเอ่ยชมจากใจ แต่เขาไม่รู้ว่ายิ่งหลิงฮันแข็งแกร่งขึ้นกระดูกในร่างก็จะทรงพลังขึ้นตามไปด้วย ไม่เช่นนั้นเขาคงจะรู้สึกอิจฉาจนตรอมใจตายเป็นแน่
เขาคิดเพียงว่าหลิงฮันคงจะกินสมบัติบางอย่างเข้าไปทำให้กระดูกมีความทนทานและแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธทั่วไป
แน่นอนว่าหลิงฮันย่อมไม่อธิบายและพยักหน้าตอบรับ
“พรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธของเจ้าน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก แถมกายหยาบก็ยังพิเศษ แม้ศักยะภาพในศาสตร์รูปแบบอาคมจะไม่สูงนักแต่ด้วยกายหยาบของเจ้าทำให้สามารถรีดเค้นประสิทธิภาพของรูปแบบอาคมได้ถึงจุดสูงสุด” เซียนหมิงซินอธิบายด้วยใบหน้าซับซ้อน
“ข้าคาดหวังกับเจ้าเอาไว้มาก” เขากล่าวต่อ “ในหกเดือนต่อมาจะมีการประลองระหว่างศิษย์ใหม่ หากเจ้าคว้าชัยชนะมาได้ เจ้าจะได้รับแก่นก่อเกิดพลังเซียนเป็นรางวัล”
จิตใจของหลิงฮันสั่นสะท้านทันใด แก่นก่อเกิดพลังเซียนเกิดจากการที่ตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งควบแน่นพลังจากสวรรค์และปฐพีมาอัดแน่นเป็นสมบัติ มันสามารถเสริมทั้งรากฐานพลังบ่มเพาะและเสริมความเข้าใจมในศาสตร์วรยุทธให้แก่จอมยุทธ ความล้ำค่าของมันนั้นสูงเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด
ต่อให้เป็นเซียน การจะสร้างแก่นก่อเกิดพลังเซียนขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะใช้เวลาหลายล้านปีบางทีก็อาจจะทำไม่สำเร็จ
จะต้องนำมันมาให้ได้!
“ข้าคิดว่าไม่น่าเป็นเรื่องยาก” หลิงฮันกล่าวอย่างมั่นใจ
เซียนหมิงซินหัวเราะก่อนจะส่ายหัวและกล่าว “เจ้ามั่นใจเกินไปหน่อย คาดว่าเค้าคงยังไม่รู้ว่ากู่ต้าวอี้นั้นทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์เรียบร้อยแล้ว แถมพลังต่อสู้ของเขาก็ยังสามารถทัดเทียมได้แม้กระทั่งจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูง”
รวดเร็วเช่นนั้นเชียว?
หลิงฮันตกตะลึง แต่เมื่อคิดอีกครั้ง กู่ต้าวอี้เคยเป็นถึงตัวตนระดับโลกียนิพพาน อย่างน้อยในระดับพลังที่ต่ำกว่าระดับโลกียนิพพานความรวดเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขาสมควรจะรวดเร็วดุจแสงโดยไม่มีคอขวด
ยิ่งเขามีแก่นกำเนิดนิรันดร์ด้วยแล้ว ตราบใดที่สะสมปราณก่อเกิดได้เพียงพอ การทะลวงผ่านระดับย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็น
แม้หลิงฮันจะสลักรูปแบบอาคมทั้งสิบเอาไว้บนร่างกายทำให้มีพลังต่อสู้เทียบเคียงได้กับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงขั้นต้น แต่เขาก็ไม่สามารถกล่าวอย่างมั่นใจว่าจะเอาชนะกู่ต้าวอี้ได้
ภายในครึ่งปีนี้… เขาจำเป็นต้องทะลวงผ่านระดับวารีนิรันด์