ตอนที่ 753 สามีภรรยาช่วยกันทำมาหากินย่อมไม่เหน็ดเหนื่อย

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

จุดนี้ ออกจะเป็นเหตุเป็นผลที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย 

 

 

ว่าแล้ว หลีฉิงก็มองไปที่ซือเป่ยที่ยังมิได้ตายสนิทดี 

 

 

สองแขนและหัวใจของซือเป่ยถูกกลืนกินไปหมดแล้ว ศีรษะก็ยังถูกกรงเล็บทะลวงจนทะลุ ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ยามนี้สองตาที่ปูดโปนไปด้วยเส้นเลือดใกล้จะร่วงออกมาจากเบ้าอยู่แล้ว 

 

 

ดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองหลีฉิงอย่างถมึงทึง 

 

 

ทุกสิ่งไม่สมควรกลายเป็นเช่นนี้! 

 

 

“ข้าต้องขอขอบใจเจ้า อุตส่าห์ทุ่มเทความคิดและเรี่ยวแรงถึงเพียงนี้ สุดท้ายกับกลายเป็นว่าตัดชุดแต่งงานให้กับเรา” หลีฉิงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา พอกรงเล็บขยับก็แทงลงไปในกระโหลกของซือเป่ยในทันที 

 

 

ครั้งนี้มิได้กลืนกินอย่างเชื่องช้า แต่ว่าบีบแตกและกลืนลงไปในคำเดียว 

 

 

ยามนี้ นัยตาของเขาค่อยปรากฏวี่แววแห่งความอิ่มเอมในรสชาติอาหารออกมา 

 

 

ร่างท่อนล่างของซือเป่ยถูกเขาตบลงไปจนกลายเป็นผุยผง เป่าทิ้งไปในสลายลม 

 

 

จิตเทพของเขาถูกหลีฉิงกลืนกินลงไปจนหมดสิ้น นับว่าสาบสูญไปจากโลกนี้แล้วอย่างแท้จริง 

 

 

ใครจะไปนึกว่า เทพสงครามที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรแห่งแดนสวรรค์สุดท้ายแล้วก็จะต้องมามีจุดจบเช่นนี้? 

 

 

ซือเป่ยแสวงหาพละกำลังและอำนาจมาชั่วชีวิต สุดท้ายแล้วทุกสิ่งที่เขาได้กระทำลงไปกลับนำพาเข้าไปสู่ความตาย 

 

 

เขา….ตายตาไม่หลับ 

 

 

แต่นั่นแล้วจะอย่างไร? จากนี้เป็นต้นไป ในหกภพภูมิจะไม่มีซือเป่ยอีก ไม่มีเทพสงครามแห่งแดนสวรรค์อีกแล้ว 

 

 

เพียงไม่นานนามของเขาก็จะถูกชาวโลกลืมเลือนไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

บนเวที ตู๋กูจุนมองดูน้องชายฝาแฝดของตนเองจบชีวิตไปกับตา นอกเสียจากความรู้สึกเจ็บปวดทางร่างกายที่สัมผัสได้เหมือนกัน ในใจของเขาก็มิได้มีระรอกคลื่นแม้แต่น้อย 

 

 

บางทีอาจเป็นเพราะตั้งแต่ตอนที่ละทิ้งแดนสวรรค์ไปนั้น เขาได้ตัดความสัมพันธ์กับทั้งตระกูลซือและซือเป่ยไปจนหมดสิ้นแล้ว 

 

 

สายสัมพันธ์ในแดนสวรรค์เดิมทีก็เบาบางดุจแผ่นกระดาษอยู่แล้ว พอฉีกขาด ก็ไม่เหลืออะไรอีก 

 

 

ซือเป่ยต้องกลายมาเป็นเช่นนี้ ก็ต้องเป็นเพราะตัวเขาเอง ไม่อาจกล่าวโทษผู้อื่น 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองดูซือเป่ยตกตายอย่างอนาถผ่านบานกระจก ก็คิดไปถึงตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้นในหุบเขาปีศาจอย่างเกริกไกร ต้องอดทอดถอนใจไม่ได้ 

 

 

เรื่องราวในใต้หล้าเปลี่ยนแปลงจนยากจะคาดเดาได้ 

 

 

……………. 

 

 

 

 

 

ยามที่หลีฉิงมองดูจีเฉวียน รอยยิ้มบนสีหน้ายิ่งทีก็ยิ่งร้ายกาจ 

 

 

“ซีเหอ เจ้ากลับมาแล้ว เราเองก็กลับมาแล้ว ระหว่างพวกเราไม่มีผู้ใดสามารถทำลายอีกฝ่ายได้” 

 

 

ว่าแล้ว เขาก็ขยับกรงเล็บ เรียกเอาใบดาบสีดำอมทองที่ถูกเขาหักทิ้งไปให้ลอยขึ้นมาจากบนพื้น 

 

 

พอกำเอาไว้ในมือ ก็ใช้ไอมารที่แข็งแกร่งเผาผลาญกลายเป็นขี้เถ้าจนหมดสิ้น 

 

 

ขี้เถ้าร่วงลงไปบนกรงเล็บ กลายเป็นฝุ่นทรายสีดำ 

 

 

ดวงตาที่ล้ำลึกคู่นั้นจดจ้องไปที่จีเฉวียน โดยไม่หลบหลีกแม้แต่น้อย ราวกับว่าต้องการจะมองคนตรงหน้าให้ทะลุปรุโปร่ง 

 

 

ผ่านไปอีกพักใหญ่ รอยยิ้มของเขาก็ยิ่งล้ำลึกกว่าเดิม “ที่แท้เราก็เข้าใจผิดไป….เจ้ายังไม่ได้กลับคืนมาอย่างสมบูรณ์…..” 

 

 

ว่าแล้ว เขาก็ปล่อยให้ฝุ่นทรายเหล่านั้นตกลงไป นัยตาที่ลึกล้ำนั้นทอประกายอันตรายขึ้นมาอีกครั้ง “เรากลับคืนมาก่อนเจ้าก้าวหนึ่ง นี่ก็เท่ากับว่าเราชนะแล้ว” 

 

 

ว่าแล้ว เขาก็ระเบิดไอมารออกมา แผ่กระจายออกไปจนกลายเป็นคลื่นความมืดมน และกลายเป็นกรงเล็บแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วย กรงเล็บทั้งหมดโจมต้เข้าหาจีเฉวียนพร้อมกันในพริบตา 

 

 

แรงดึงดูดอันทรงพลังลากดึงจีเฉวียนเข้าหาเขา 

 

 

“เศษขยะอย่างซือเป่ยนั่นย่อมไม่อาจทำให้เราพึงพอใจได้ เราต้องการเจ้ามากกว่า…..” ท่ามกลางไอมาร หลีฉิงหัวเราะออกมาอย่างฮึกเหิม ไอมารที่เป็นกรงเล็บจำนวนนับไม่ถ้วนเล่านั้นรายล้อมจีเฉวียนเอาไว้อย่างแน่นหนา 

 

 

“มาเถอะ รวมเป็นหนึ่งเดียวกับเรา นับจากวันนี้เป็นต้นไปพวกเราจะกลายเป็นผู้ปกครองที่สูงส่งที่สุดในหกภพภูมิ มิว่าเจ้าต้องการอะไรล้วนได้ตามนั้น อยากจะให้หกภพภูมิเป็นเช่นไร ก็ล้วนเป็นไปเช่นนั้น….” 

 

 

หากเปรียบเทียบกันแล้วเขาในยามก่อนยังนับว่าสงบนิ่งกว่านี้ หลีฉิงในตอนนี้ดูไปเหมือนกำลังตกอยู่ในความคลุ้มคลั่ง 

 

 

ลองคิดดูสิ ซีเหอที่มีพลังแข็งแกร่งขนาดนั้น ยังจะมีผู้ใดในใต้หล้าไม่ปรารถนากันเล่า? 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ซีเหอยังมิได้ตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ สำหรับเขาแล้วนี้เป็นโอกาสอันดีเยี่ยมที่ฟ้าดินประทานให้ มิใช่ได้มาโดยง่าย 

 

 

ขอเพียงเขาสามารถกลืนกินซีเหอลงไปให้หมดสิ้น จากนี้ไปก็จะไม่มีศัตรูคู่มืออีกแล้ว เขาสามารถทำทุกสิ่งได้ตามปรารถนา 

 

 

แม้ว่าจีเฉวียนจะถูกฝ่ามือที่เปี่ยมไปด้วยไอมารกรุ้มรุม แต่ว่าเขาก็ยังยืนหยัดอยู่ในที่เดิม ใบหน้าที่สงบนิ่งราวภูเขาน้ำแข็งมิได้เปลี่ยนแปลงไไป 

 

 

ในมือของเขายังคงกุมดาบสีดำอมทองที่หักสะบั้นไปแล้ว ดวงตาหงส์แฝงเอาไว้ด้วยความเยือกเย็นและเหน็บหนาวปานขุมนรก 

 

 

“เจ้าไม่คู่ควร” น้ำเสียงที่เย็นชาเอ่ยออกไปเพียงสามคำ 

 

 

ทันทีที่สิ้นเสียงก็เห็นร่างของเขาถูกไอมารกลืนเข้าไปจนหมด 

 

 

มองดูจากภายนอกจึงไม่ต่างอะไรกับการถูกหลีฉิงกลืนลงไป 

 

 

ท่ามกลางไอมารที่หนาแน่น มีแต่เสียงหัวเราะน่าสยดสยองของหลีฉิงลอยออกมา เสียงนั้นยังน่าขนลุกยิ่งกว่าเสียงโหยหวนของภูติผีนับพันนับหมื่นเสียงอีก 

 

 

เหล่ามารที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ต่างก็โขกศีรษะคำนับกันเป็นทิวแถว ในปากก็กู่ร้องเพียงดังกังวานว่า “น้อมรับเสด็จจอมมารหวนคืน น้อมรับเสด็จจอมมารหวนคืน!” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันที่มองดูสถานการณ์จากในบานกระจกถึงกับนั่งไม่ติดอีกต่อไป 

 

 

นางรู้ว่าจีเฉวียนนั้นแข็งแกร่ง แต่ว่าอีกฝ่าย….ก็มิใช่ผู้อ่อนแอ 

 

 

หากให้นั่งมองดูสามีของตนเองถูกกลืนลงไปเฉยๆ โดยที่นางไม่ทำอะไรทั้งสิ้นเช่นนั้นก็ต้องนับว่าประหลาดแล้ว 

 

 

พอนางก้าวเท้าลงไปจากรถม้า ก็ต้องถูกมังกรยักษ์หน่วนหลงรั้งไว้ในทันที 

 

 

“ฝ่าบาท หมิงอ๋องทรงมีรับสั่งให้พระองค์ประทับอยู่แต่ในรถม้า ห้ามเสด็จไปไหนทั้งนั้น” 

 

 

เก้าม้ามังกรที่ลากรถม้ามา ที่แท้ก็คือเหล่ามังกรยักษ์ทั้งเก้านั่นเอง 

 

 

พวกมันต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของตู๋กูซิงหลัน ไม่อาจปล่อยให้นางเกิดเรื่องแม้แต่น้อย 

 

 

“ข้าจะรีบกลับมา พวกเจ้าจงรอคอยอยู่ที่นี่” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันไม่สนใจฟัง นางรักจีเฉวียน รักลึกล้ำถึงแก่นกกระดูก จึงเกลียดชังที่เขามักจะชอบเสียสละตนเอง ออกไปเสี่ยงทุกอย่างเพียงลำพัง 

 

 

พวกนางเป็นสามีภรรยากัน สมควรมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน ไม่ต้องให้ใครเป็นภาระของใครทั้งนั้น 

 

 

หากว่ายามนี้นางตกอยู่ในอันตราย จีเฉวียนก็คงทุ่มเททุกอย่างโดยไม่สนใจตนเองเพื่อช่วยเหลือนางเช่นกันมิใช่หรือ? 

 

 

เก้ามังกรยักษ์ไหนเลยจะฉุดรั้งนางเอาไว้ได้ คิดๆไปฝ่าบาทองพวกมันก็เป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเช่นกัน …..คำโบราณว่าเอาไว้สามีภรรยาช่วยกันทำมาหากินไม่ถือว่าเหน็ดเหนื่อย พวกมันไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องไปยับยั้งความร่วมมือร่วมใจของสามีภรรยามิใช่หรือ? 

 

 

ดังนั้นพวกมันจึงหยุดรออย่างเชื่อฟัง รออย่างสงบนิ่งให้พวกเขากลับมา 

 

 

………….. 

 

 

พระจันทร์สีดำเหนือศีรษะเต็มดวงแล้ว ลามหนาวพัดโหม ทั้งๆที่ในยามนี้บนดินแดนโบราณเป็นฤดูร้อน แต่ว่าสายลมในตอนนี้กลับพัดแรงจนแทบจะบาดคนได้ 

 

 

หมอกหนาที่ถูกพัดพาจนสลายไปแล้วไม่รู้ทำไมถึงได้เกิดกลับมารวมตัวกันอีก แต่ว่าคราวนี้กลับไม่เหมือนครั้งก่อนที่เป็นหมอกสีแดงอมเลือด ครั้งนี้กลับเป็นหมอกดำ ดำทะมึนไปหมด 

 

 

สีของมันเพียงอ่อนจางกว่าไอมารเล็กน้อยเท่านั้น 

 

 

ท่ามกลางหมอกสีดำทะมึนเสียงหัวเราะที่น่าสยดสยองของหลีฉิงยังคงดังออกมาอยู่ตลอดเวลา ตู๋กูซิงหลันติดตามเสียงหัวเราะนั้นเข้าไป 

 

 

ทันทีที่ถึงเบื้องหน้าหลีฉิง นางก็ไม่พูดไม่จา เปิดฉากโจมตีด้วยยันต์โลหิตสีแดงสามใบในทันที 

 

 

ยันต์โลหิตพุ่งออกไป กลายเป็นฝ่ามือโลหิตนับร้อยนับพัน โจมตีใส่ไอมารสีดำทะมึน ทุบทำลายจนแหลกเละ 

 

 

สายลมพัดจนชุดสีแดงของนางโบกสะบัด เส้นผมยาวสลวยสีหมึกอมเงินเริงระบำอยู่ในสายลม เผยให้เห็นรูปโฉมที่งดงามไร้ที่เปรียบ 

 

 

หลังแต่งงาน บนร่างของสาวน้อยยิ่งเพิ่มพูนเสน่ห์ที่อธิบายไม่ถูกอีกหนึ่งส่วน กลายเป็นความกลมกลืนและสมดุลในความมีชีวิตชีวา 

 

 

แม้จะมีไอมารขวางกั้น หลีฉิงก็ยังสามารถมองเห็นนางได้ 

 

 

ในชั่วพริบตาที่มองเห็นนั้น หัวใจของเขาถึงกับกระตุกวาบ 

 

 

………..