บทที่ 1389 สามพิสุทธิ์ สามรวมเป็นหนึ่ง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

บนท้องฟ้า

มู่เฉินยืนอยู่พร้อมกับแสงวูบไหวในนัยน์ตา มีชั้นของแสงปกคลุมพื้นผิวทั้งหมดของร่างกายเขาไว้

แม้ว่าจะไม่มีความปั่นป่วนในฟ้าดิน แต่ในช่วงเวลาที่มู่เฉินลืมตาขึ้น ทุกคนก็สัมผัสได้ว่าแรงกดดันจากจอมปีศาจโลหิตที่ปกคลุมขอบฟ้าถูกยับยั้งไว้

แม้ว่าความผันผวนนั้นจะไม่รุนแรงเท่ากับจอมปีศาจโลหิต แต่ก็คล้ายกับเสาที่ตั้งอยู่ระหว่างสวรรค์และโลกปล่อยให้พายุทรงพลังพัดมา

มู่เฉินลดศีรษะลงค่อยๆ กำมือ ขณะนี้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงจำนวนมหาศาลที่พลุ่งพล่านภายในร่างกาย ซึ่งทำให้เลือด-กระดูก-เนื้อของเขาแสดงสัญญาณของการตกผลึก นี่เป็นสัญญาณว่าคลื่นพลังงานมีขนาดใหญ่เกินไปจนร่างกายของมู่เฉินไม่สามารถบรรจุไว้ทั้งหมด

“พลังแข็งแกร่งอะไรอย่างนี้…”

มู่เฉินชื่นชมในใจ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าขั้นสอง-สามรวมของวิชาสามพิสุทธิ์จะทรงพลังขนาดนี้ เมื่อรวมร่างรองเข้ากับร่างหลักความแข็งแกร่งของเขาก็พุ่งขึ้นไปสู่อีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว

ถ้าเขาต่อสู้กับผู้บัญชาการใหญ่ปีศาจโลหิตอีกครั้ง เขาคงฆ่าอีกฝ่ายได้ด้วยหมัดเดียว

ขณะที่คลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดออกจากร่างกายราวกับภูเขาไฟ มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นจับจ้องไปที่จอมปีศาจโลหิต ไฟแห่งการต่อสู้พวยพุ่งในนัยน์ตา อึดใจต่อมาเขาก็กระทืบเท้า มิติพังทลายลง ร่างเขาราวกับภูตผีไปปรากฏตัวที่ด้านหลังจอมปีศาจโลหิต

เขากางมือออก จากนั้นก็ตบลง ตอนนี้ฝ่ามือราวกับหยกเปล่งแสงระยิบระยับดูเหมือนจะบรรจุท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

ฉับพลันพื้นที่ในรัศมีหมื่นจั้งก็พังทลายลง ฝ่ามือขนาดใหญ่ประทับลงบนพื้น

พลังที่อยู่เบื้องหลังฝ่ามือน่ากลัวอย่างไม่น่าเชื่อ

ทว่าเมื่อฝ่ามือบีบกดลงมา จอมปีศาจโลหิตก็ยิ้มตอบกลับไปด้วยฝ่ามือ ฝ่ามือของเขาเป็นสีแดงเข้ม ขณะที่ซัดออกไปก็ส่งกลิ่นคาวเลือดบนท้องฟ้า

ปัง!

ฝ่ามือทั้งสองปะทะกันที่เบื้องบน จังหวะที่สัมผัสกันแสงสีแดงเข้มและแสงสีขาวก็ระเบิดออกมาขณะที่ยึดครองท้องฟ้า ทันใดนั้นขอบฟ้าทั้งหมดถูกแยกออกเป็นสองสี…

เมื่อพลังงานมหาศาลสองสายปะทุออกมา มู่เฉินและจอมปีศาจโลหิตก็ร่างสั่นสะท้าน ก่อนที่มู่เฉินจะถลาออกไปใน ขณะที่จอมปีศาจโลหิตตัวสั่นถอยหลังไปสิบกว่าก้าว

จอมปีศาจโลหิตสลายคลื่นกระแทกได้ทันที สายตาจดจ้องไปที่มู่เฉินด้วยรอยยิ้มอำมหิต “ไม่เลวแกไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลย แกมีพลังที่จะเผชิญหน้ากับข้าจริงๆ”

“มีเพียงพลังที่ทรงศักยภาพแบบนี้เท่านั้นจึงจะสามารถปรับแต่งแก่นโลหิตของแกให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น หลังจากที่ข้ากลืนกินมันเข้าไป ข้าก็จะสามารถฟื้นฟูจุดบกพร่องที่เกิดจากการกำเนิดที่เร่งรีบเกินไปได้”

“ฮ่าๆๆๆ!”

เสียงหัวเราะของจอมปีศาจโลหิตดังก้องไปทั่วขอบฟ้า ก่อนที่เขาจะอ้าปาก แม่น้ำสีแดงเข้มพุ่งหวือออกมา แม่น้ำทั้งสายส่งกลิ่นเหม็นเลือดราวกับว่าอะไรก็ตามที่ถูกกวาดเข้าไปจะละลายเป็นน้ำเลือด

“ในเมื่อเหยื่อสมบูรณ์แบบแล้ว ก็ถึงเวลาที่ข้าจะเก็บเกี่ยว!”

“แม่น้ำโลหิตกร่อนวิญญาณ!”

ขณะที่จอมปีศาจโลหิตหัวเราะ แม่น้ำเลือดก็ไหลบ่าไปหามู่เฉิน

เมื่อเห็นแม่น้ำเลือดพุ่งลงมา มู่เฉินก็หดดวงตา เขาสัมผัสได้ถึงพลังกัดกร่อนที่น่าสะพรึงกลัวที่มีอยู่ภายใน ถ้าเขาถูกกวาดเข้าละก็งานนี้บาดเจ็บหนักแน่

ดังนั้นเขาไม่กล้าที่จะประมาท มือสะบัดออก แสงหลิงไร้ขอบเขตควบแน่นอยู่เบื้องหลังก่อเป็นร่างเทพสุริยะนิรันดร์ เปรียบเทียบกับก่อนหน้าร่างเทพสุริยะนิรันดร์แข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เพียงแค่ขยายใหญ่ขึ้นเท่านั้น แต่ความเปล่งปลั่งที่มียังทรงพลังมากขึ้นอีกด้วย คล้ายกับดวงอาทิตย์สีม่วงทองอย่างไรอย่างนั้น

มือของมู่เฉินประสานเข้าด้วยกัน รหัสเทพอมตะสีม่วงทองก็ควบแน่นเร็วจี๋จากร่างเทพสุริยะนิรันดร์ เพียงไม่กี่ลมหายใจก็มีถึงสามร้อยลายอยู่บนท้องฟ้า

การยกระดับเข้าสู่ขั้นสามรวม ทำให้จำนวนรหัสเทพอมตะที่เขาสามารถควบแน่นได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ฮึ่ม ฮึ่ม!

รหัสเทพอมตะสามร้อยลายทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า รวมตัวกันเหนือมู่เฉินกลายเป็นน้ำเต้าสีม่วงทองขนาดเท่าฝ่ามือ

“น้ำเต้าเทพ จองจำ!”

มู่เฉินวาดตราประทับด้วยมือเดียวเปล่งเสียงร้องเย็นชา น้ำเต้าเอียงลงแรงดูดทรงพลังพุ่งออกมา

แม่น้ำเลือดสั่นสะท้านชั่วครู่เมื่อเจอแรงดูดก่อนที่จะถูกดึงเข้าไปในน้ำเต้า

เมื่อจอมปีศาจโลหิตเห็นว่าแม่น้ำเลือดถูกดูดเข้าไปในน้ำเต้า แสงสีแดงเข้มก็วาบในดวงตาขณะที่แค่นเสียงขึ้นจมูก เตรียมเร้าแม่น้ำให้ทำลายล้างเพื่อระเบิดน้ำเต้าจากภายใน

ทว่าขณะที่เขาคิดจะควบคุมแม่น้ำเลือดเพื่อสร้างความหายนะใหม่ มู่เฉินก็สะบัดแขนเสื้อ น้ำเต้าทะลุผ่านมิติ พริบตาก็หายสาบสูญไป

น้ำเต้าหายไปพร้อมกับแม่น้ำเลือด มู่เฉินและจอมปีศาจโลหิตเสียการเชื่อมต่อทั้งคู่…

“ฉลาดนัก”

จอมปีศาจโลหิตหรี่ตาลง แสงสีแดงเข้มกะพริบอยู่ภายใน เขาจ้องมองไปที่มู่เฉินพลางหัวเราะเยาะ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะใช้กระบวนท่านี้เพื่อแก้ไขแม่น้ำเลือดของเขา

“ขอบคุณสำหรับคำชม”

มู่เฉินไม่แสดงสีหน้าใด แม้ว่าเขาจะสามารถแก้ไขการโจมตีของจอมปีศาจโลหิตได้ สายตาเขาก็ยังเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดรุนแรง แม้ว่าเขาจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับจอมปีศาจโลหิตได้ด้วยขั้นสามรวม แต่เขาก็รู้ดีว่านั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะเอาชนะอีกฝ่ายได้

นักรบราชันปีศาจแท้จริงทรงพลังเกินไป

“ขอข้าดูว่าหนูอย่างแกจะดิ้นรนได้อีกสักกี่ครั้ง”

จอมปีศาจโลหิตเผยให้เห็นรอยยิ้มน่าขนพองสยองเกล้า ก่อนที่จะกัดนิ้วโบกไปมาบนท้องฟ้า ไม่กี่ลมหายใจต่อมาอักขระก็วาดขึ้นตรงหน้าเขา

อักขระบิดตัวไปมาอย่างต่อเนื่อง ปล่อยรัศมีลางร้ายออกมา ดูราวกับมีภูตผีปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนพร้อมเสียงกรีดร้องอันแหลมคมดังก้องจากมัน

เมื่อมองไปที่อักขระโลหิตมู่เฉินก็หดดวงตา เขารู้สึกได้ถึงอันตรายร้ายแรง

จอมปีศาจโลหิตแสยะยิ้มไม่แยแส ขณะที่พลิกนิ้วอักขระก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า

ในเวลาเพียงสิบลมหายใจสั้นๆ ทุกคนก็สามารถเห็นท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีมืดมนพร้อมกับเมฆสีแดงเข้มขนาดใหญ่รวมตัวกันข้ามขอบฟ้า ล้อมรอบพื้นที่ในรัศมีล้านลี้เอาไว้

เมฆสีแดงเข้มหนาแน่นสั่นสะเทือนพร้อมกับฟ้าร้องดังก้องไปทั่ว สะท้อนทั่วขอบฟ้า

ทั้งสวรรค์และโลกโยกคลอน

ร่างกายของมู่เฉินเกร็งขึ้น ความหนาวเหน็บห่อหุ้มตัวไว้ ทำให้ใบหน้าเครียดอย่างที่สุด

จอมปีศาจโลหิตปรายตามองไปที่มู่เฉินราวกับว่ากำลังมองมด เขาหายใจเข้าลึกมือค่อยๆ ประสานเข้าด้วยกันพร้อมกับเสียงไม่แยแสดังก้องไปทั่ว

“สายฟ้าโลหิตล้ำลึก!”

ครืน!

ทันใดนั้นสายฟ้าก็ระเบิดออกมาจากภายในก้อนเมฆสีแดงเข้ม อึดใจถัดมาสายฟ้าสีแดงเข้มนับไม่ถ้วนก็ฟาดลงมาจากท้องฟ้าไปหามู่เฉิน

สายฟ้าสีแดงเข้มทุกสายมีพลังทำลายล้าง เมื่อฟาดลงมาพื้นดินก็โยกคลอน

มู่เฉินหดดวงตาไม่กล้าประมาท พร้อมกับเสียงคำรามร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่อยู่ข้างหลังก็ระเบิดรัศมีทรงกลดออกมา กลายเป็นดอกบัวขนาดใหญ่

“ดอกบัวอมตะ!”

เสียงมู่เฉินดังขึ้น ดอกบัวก็ปิดลงและห่อหุ้มร่างเขาไว้

เผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่ากลัวของจอมปีศาจโลหิต มู่เฉินก็นำการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาโดยไม่ลังเลใดๆ

ตู้ม ตู้ม!

สายฟ้าสีแดงเข้มนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาจากท้องฟ้า กระแทกกับดอกบัวสีทองจังใหญ่

เมื่อไป๋ซู่ซู่และชาวโลกเห็นสิ่งนี้ ใบหน้าก็ฉาบด้วยความตกใจหวาดกลัว ขณะมองไปที่สายฟ้าทำลายล้าง สายฟ้าทุกสายที่มีพลังในการทำลายสวรรค์และโลกทะยานเข้าไปหามู่เฉิน ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะสามารถต้านทานการโจมตีนี้ได้หรือไม่…

“ท่านเทพ…”

ไป๋ซู่ซู่กำมือแน่นพลางกัดริมฝีปากขณะมองไปทางมู่เฉิน นางรู้ดีว่าถ้าดอกบัวแตกสลาย แม้แต่มู่เฉินก็จะถูกสายฟ้าทำลาย

ครืนๆๆๆ

สายฟ้าวาวแสงนานเกือบครึ่งก้านธูป ก่อนที่เมฆสีแดงเข้มจะเริ่มสลายไป

สายตาทุกคู่รวมกันอยู่ตรงตำแหน่งที่สายฟ้าหายไป…

เมื่อมันสลายไปก็เห็นดอกบัวปกคลุมไปด้วยรอยดำไหม้ รัศมีทรงกลดจางหายไปแล้วในตอนนี้

แกร็ก

จู่ๆ ก็เกิดรอยแตกปรากฏขึ้นบนดอกบัวก่อนที่จะแตกออก…

จอมปีศาจโลหิตหรี่ตามองไปที่ดอกบัว ก่อนที่ดวงตาจะหดเกร็งเนื่องจากเขาไม่พบร่างเงาของมู่เฉิน

“กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ?”

คิ้วของจอมปีศาจโลหิตเลิกขึ้น

ตู้ม!

แต่ขณะนั้นเองเขาก็จับอะไรบางอย่างในความรู้สึกพลางเงยหน้า เขาเห็นเมฆบนท้องฟ้าถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ขณะที่เจดีย์ผลึกแก้วขนาดใหญ่พุ่งลงมาด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อก่อนที่จะห่อหุ้มเขาไว้…