บทที่ 927 บทเพลงแห่งแสงศักดิ์สิทธ

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทเพลงแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ คือสุดยอดวิชาของอาณาจักรแสงศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งบทเพลงทั้งหมดมีอยู่ 9 บทด้วยกัน

ฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์ที่บ่มเพาะเต๋าธาตุแสงอยู่นั้นใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากจะได้เรียนรู้มัน แต่น่าเสียดายที่อาณาจักรแสงศักดิ์สิทธิ์บนโลกเบื้องบนไม่เคยถ่ายทอดมันให้กับคนนอกเลย

ตอนนี้ความฝันของนางได้กลายเป็นความจริงแล้ว

“ด้วยวาสนาของเจ้า ข้าถ่ายทอดให้เจ้าได้แค่ 4 บทเพลง ซึ่งก็คือ กล้าหาญ ปกปักษ์ ชำระล้าง และอำนวยพร” หลิงตู้ฉิงพูดกับฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์ “ส่วนการร่ายบทเพลงเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้ระดับการบ่มเพาะที่สูงนัก แค่ขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดก็พอ”

“ข้าเข้าใจแล้วผู้อาวุโส!” ฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์รีบตอบกลับ

โอกาสดีขนาดนี้แน่นอนว่านางต้องรีบรับเอาไว้

นางไม่สงสัยเลยว่าหลิงตู้ฉิงรู้บทเพลงแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไง เพราะในความคิดของนาง นางเข้าใจว่าเขาน่าจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่บนโลก!

หลังจากหลิงตู้ฉิงถ่ายทอดบทเพลงแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ให้กับฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว เขาสั่งกองกำลังที่มารวมตัวกันทั้งหมดให้เดินทัพไปที่แดนกระดูกขาวทันที

แต่แล้วเมื่อกองกำลังทั้งหมดเดินทัพไปถึงเหวมรณะที่แบ่งกั้นระหว่างอาณาเขตฟีนิกซ์และแดนกระดูกขาว สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือเหล่าภูตผีและวิญญาณร้ายจำนวนมหาศาลต่างมายืนรอพวกเขาอย่างมืดฟ้ามัวดิน

โดยเฉพาะบนท้องฟ้าเหนือแดนกระดูกขาว ขณะนี้มีวิญญาณปีศาจร่างยักษ์ตนหนึ่ง ซึ่งมีดวงตากลมโตสองดวงสีแดงใหญ่ที่พอ ๆ กับบ้านทั้งหลังจ้องมองมาที่พวกเขาอย่างชั่วร้าย

การจ้องมองนี้มีผลกับเหล่าทหารอย่างแสนสาหัส มันทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนขวัญกำลังใจแตกกระเจิง ทหารหลายคนยืนสั่นงันงกแทบไม่มีแรงที่จะถืออาวุธด้วยซ้ำ

หลิงตู้ฉิงพ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “วิญญาณร้ายอย่างพวกเจ้ามันก็งั้น ๆ เมื่อตอนที่พวกเจ้ายังมีชีวิตข้าก็เป็นคนฆ่าพวกเจ้า ในเวลาพวกเจ้าเหลือแค่เพียงดวงวิญญาณกับความอาฆาต พวกเจ้าคิดว่าข้าจะฆ่าพวกเจ้าไม่ได้อีกรอบรึไง? ในวันนี้ข้าจะทำลายล้างพวกเจ้าให้หมด!”

น่าเสียดายที่คำพูดของหลิงตู้ฉิงไม่มีผลใด ๆ กับเหล่าภูตผีและวิญญาณร้ายเลย พวกมันยังคงจ้องมองมาที่กองทัพพันธมิตรทั้งหมดด้วยสายตาอาฆาต โดยเฉพาะไอ้เจ้าวิญญาณปีศาจตัวใหญ่ที่สายตาของมันเหมือนจะกลายเป็นอาฆาตมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ซึ่งส่งผลให้ทุกคนยิ่งกลัวมันมากกว่าเดิม

แต่แล้วในระหว่างที่ทุกคนกำลังหวาดกลัว ทันใดนั้นบทเพลง ๆ หนึ่งก็ดังขึ้น

เมื่อเพลงนี้ดังขึ้น ความกล้าหาญที่มีอยู่ในใจของเหล่าทหารก็ถูกทำให้เพิ่มขึ้นนับร้อยเท่าจนทำให้ความกลัวในใจของพวกเขาถูกขจัดออกไป พวกวิญญาณร้ายมีเยอะแล้วยังไงกัน? พวกเขาเองก็มีคนเยอะเหมือนกัน มันไม่ใช่ว่าพวกเขาจะจัดการกับพวกมันไม่ได้สักหน่อย!

นี่คือผลอำนาจของบทเพลงแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ กล้าหาญ!

หลังจากจบบทเพลงแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ กล้าหาญ ฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์ขับร้องบทเพลงต่อไปทันทีซึ่งก็คือ ปกปักษ์!

เมื่อบทเพลงแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ปกปักษ์ดังก้องกังวาล แสงประกายแสงสีขาวทอง จู่ ๆ ก็ปะทุออกจากร่างของฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์ และประกายแสงเหล่านั้นก็เข้าไปปกคลุมเหล่าทหารและผู้เชี่ยวชาญทุกคนเพื่อคุ้มครองพวกเขาจากอำนาจการโจมตีของเหล่าภูตและวิญญาณร้าย

ในเวลานี้ขวัญและกำลังใจของกองทัพพันธมิตรพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว ที่ร่างของพวกเขาทั้งหมดต่างมีประกายแสงสีขาวทองรายล้อมอยู่ทั่วร่างราวกับว่าพวกเขาเป็นกองทัพจากสวรรค์ที่ยาตราลงมาบนพื้นโลก

ในทางกลับกัน แค่ร้องเพียง 2 เพลง ฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์เริ่มไม่สามารถคงรูปลักษณ์มนุษย์เอาไว้ได้อีกแล้ว ตอนนี้ร่างกายของนางกลับกลายเป็นฟีนิกซ์สีขาวร่างยักษ์แทน

จากนั้นนางก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือกองทัพพันธมิตร และเริ่มร้องบทเพลงต่อไปคือ ชำระล้าง

บทเพลงนี้ทำให้ผู้คนในกองทัพพันธมิตรสัมผัสได้ว่าที่ร่างของพวกเขามีอำนาจหนึ่งที่จะคอยช่วยขจัดผลร้ายข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการถูกเหล่าภูตผีและวิญญาณร้ายโจมตี

เมื่อจบบทเพลงชำระล้าง ฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์ขับร้องบทเพลงสุดท้ายที่นางรู้ทันที ซึ่งก็คืออำนวยพร

บทเพลงนี้ทำให้สมาธิของใครหลายคนที่กำลังวอกแวกกับเรื่องต่าง ๆ กลายมาเป็นสงบเยือกเย็นและมีแค่ความคิดเดียวก็คือการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น และที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังมีผลทำให้ศัตรูของพวกเขารู้สึกด้อยกว่าจนไม่มีความมั่นใจหากจะต้องปะทะกับพวกเขา

แน่นอนว่าบทเพลงนี้มีผลกับเหล่าภูตผีและวิญญาณร้ายทันที พวกมันต่างแสดงสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด และมีแม้กระทั่งบางตนที่ถอยหนีไปหลบซ่อนยังสถานที่ต่าง ๆ ในส่วนลึกของแดนกระดูกขาวก็มี

อย่างไรก็ตาม เมื่อจบบทเพลงทั้งสี่ร่างของฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มเลือนหายเพราะนางได้ใช้พลังของนางทั้งหมดไปกับการขับร้อง จนสุดท้ายทั้งหมดที่นางเหลือก็คือเศษเสี้ยวของดวงวิญญาณอันบอบบางที่ค่อย ๆ ร่อนลงมาบนพื้นตรงหน้าหลิงตู้ฉิง

หลิงตู้ฉิงมองไปที่เศษเสี้ยวดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ของร่างแยกฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเขาพยักหน้าและพูดว่า “นับจากนี้เจ้าจงไปอยู่กับไช่หยุน และรอขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนพร้อมกับนาง”

“ขอบคุณผู้อาวุโส!” ฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์รีบตอบกลับ

หลังจากนั้นฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์ลอยไปหาหลิงไช่หยุนทันที และเข้าไปแอบอยู่ในร่างของหลิงไช่หยุนเพื่อรอวันที่นางจะได้ขึ้นสู่โลกเบื้องบน

ในเวลานี้กองทัพพันธมิตรได้เดินทัพเข้าไปสู่เหวมรณะ และหยุดที่ตรงหน้าแดนกระดูกขาว ซึ่งถ้าหากพวกเขาเดินหน้าไปอีกก้าวเมื่อไหร่ มันจะหมายความว่าการรบครั้งนี้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดต่างกำลังรอคำสั่งหลิงตู้ฉิงแค่เพียงผู้เดียว

“เดินหน้า!” หลิงตู้ฉิงตะโกนสั่ง “พวกเจ้าทั้งสองคนจงใช้การรบนี้เป็นการฝึกฝนตัวเอง หากพวกเจ้าพยายามมากพอ หลังจากนี้ความแข็งแกร่งของพวกเจ้าจะเพิ่มพูนขึ้นอีกหลายเท่าตัว”

ประโยคท้ายหลิงตู้ฉิงเอ่ยกับตงฟางจุนและอี้ลั่วเอ๋อ การรบครั้งนี้หลิงตู้ฉิงไม่ได้ให้หมิงยู่ให้มาร่วมด้วย เพราะศัตรูของพวกเขาครั้งนี้เป็นวิญญาณ พวกมันไม่มีเลือดเนื้อ ดังนั้นทักษะของนางจึงไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกมัน

“ไม่ต้องกังวลนายท่าน พวกเราจะทุ่มสุดตัวแน่นอน!” อี้ลั่วเอ๋อและตงฟางจุนต่างตะโกนขึ้นตอบกลับ

จากนั้นหลิงตู้ฉิงหันไปมองเหล่าผู้คนของสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ และหลวงจีน และแม่ชีทั้งหลายที่จิ๋นชานพามา และพูดว่า “เมื่อพวกเจ้าสวดส่งเหล่าภูตผีและวิญญาณร้าย พวกเจ้าอย่าส่งพวกมันไปเกิดใหม่ทั้งหมดโดยเฉพาะพวกวิญญาณร้ายที่เคยเป็นปีศาจและอสูรมาก่อน ในดวงวิญญาณของมันมีพวกมันมีพลังวิญญาณบริสุทธิ์อัดแน่นอยู่เป็นจำนวนมาก จงชำระล้างพวกมันให้เหลือแต่พลังวิญญาณบริสุทธิ์และพวกเจ้าก็เก็บพลังวิญญาณบริสุทธิ์เหล่านั้นเอาไว้ใช้เอง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้คนของสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์รวมไปถึงหลวงจีนและแม่ชีต่างพยักหน้าตกลง เพราะพวกเขารู้ดีว่าพลังวิญญาณบริสุทธิ์นั้นมันจะช่วยพวกเขาได้มาก

หลังจากได้รับคำสั่งของหลิงตู้ฉิง กองทัพพันธมิตรก็เริ่มเดินหน้าเข้าไปยังแดนกระดูกขาวอย่าองอาจ

แต่แล้วเมื่อพวกเขาก้าวเข้าไปด้านใน พลังแห่งความตายที่มีอยู่อย่างหนาแน่นด้านในแดนกระดูกขาวก็เริ่มทำให้พลังแห่งแสงที่รายล้อมปกป้องพวกเขาสั่นไหว

“ทุกกองทัพจงแยกกันออกไปโจมตีคนละทิศทาง และทุกกองทัพจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิคอยดูแลไม่ต่ำกว่า 10 คน ทุกคนห้ามแยกไปโจมตีตามลำพังเด็ดขาด!” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้นกับทุกคน “ซวนหยวน ที่ใดที่พวกเราพาดผ่านเจ้าจงขจัดพลังวิญญาณแห่งความตายที่หนาแน่นจนเห็นได้เป็นหมอกสีดำให้หายไปให้หมด เพื่อที่หลังจากนี้ที่นี่จะได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติอย่างที่เคยเป็น”

“รับทราบ!” ทุกคนต่างตะโกนขานรับ

“เอาล่ะเริ่มลงมือทันทีเมื่อพวกเจ้าพร้อม!” หลิงตู้ฉิงตะโกน

หลิงตู้ฉิงคอยมองอยู่ที่ในกลางกองทัพ คอยรอดูว่าถ้าหากมีใครที่เพลี่ยงพล้ำเขาจะได้รีบเข้าไปช่วยทันที

หวงซีเอ่ยขึ้นทันทีเช่นกัน “งั้นข้าขอเป็นคนเปิดงานก็แล้วกัน!”

ในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของนางได้เพิ่มขึ้นมาถึงขอบเขตจักรพรรดิแล้ว ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งจะนับได้ว่าไม่ได้สูงที่สุดแต่ด้วยสายเลือดฟีนิกซ์เก้ายมโลก พลังเพลิงของนางจึงมีผลต่อเหล่าภูตผีและวิญญาณร้ายเป็นอย่างมาก

คลื่นเพลิงสีเขียวถาโถมกวาดพื้นที่ของแดนกระดูกขาวไปนับพันลี้

ไม่ว่าเพลิงสีเขียวนี้กวาดไปถึงที่ใด เหล่าภูตผีและวิญญาณร้ายต่างหนีกันอย่างอลหม่านเพราะเพลิงนี้นับได้ว่าเป็นของแสลงของพวกมันโดยแท้ แค่เพียงประกายเพลิงเพียงเล็กน้อยหากพวกมันโดนเข้าไปไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างของพวกมัน ร่างพวกมันจะถูกเปลวเพลิงสีขาวลุกลามกลืนกินจนไม่เหลือทันที