ตอนที่ 859 กลับบ้าน

หมอดูยอดอัจฉริยะ

“ศิษย์น้องเล็กพูดถูก ฉันผิดเอง”

โก่วซินเจียคิดตาม ตอนนั้นเขาก็ประสบภัยต้องหลบหนีเข้าไปในภูเขาร้าง มีบ้านแต่ก็กลับไปไม่ได้ มีญาติแต่ก็พบปะไม่ได้ ความโดดเดี่ยวแบบนั้น ทำให้เขาเกือบคิดฆ่าตัวตาย จนกระทั่งเริ่มฝีกวิชาเต๋า ความเหงาในใจก็ค่อยๆบรรเทาลง

“เวลาหนึ่งร้อยปีอยู่แค่ปลายนิ้ว การได้อยู่กับครอบครัว ชีวิตนี้ก็ไม่เปล่าประโยชน์แล้ว!”

เยี่ยเทียนหัวเราะฮ่าๆ ถึงแม้อัศนีสวรร์บรรลุจินตันจะถูกควบคุม เมื่อเข้าสู่ระดับจินตัน สำเร็จมหามรรคที่ผู้ฝึกวิชาทุกคนใฝ่ฝันไม่ได้แล้ว แต่เยี่ยเทียนกลับรู้สึกสงบและโล่งใจ ไม่มีความเสียดายเลยแม้แต่น้อย

“หืม? จิตโล่งไปเยอะทีเดียว ผ่านภัยครั้งหน้า คงง่ายขึ้นเยอะ? ”

เยี่ยเทียนสัมผัสจิตใจของตัวเองและมีรอยยิ้มออกมา เต๋าเคยกล่าวไว้ ฝึกปฏิบัติตนนั้นง่าย ฝึกจิตใจนั้นยาก เนื่องจากการฝึกปฏิบัติตนของเยี่ยเทียนพัฒนาเร็วเกินไป จนถึงวันนี้ 20 ปีกว่าเท่านั้น พลังของเยี่ยเทียนยังสูงกว่าผู้อาวุโสอายุร้อยปีพวกนั้นอีก ด้วยเหตุนี้ระดับจิตใจของเยี่ยเทียนจึงตามคนอื่นไม่ทันสักที

แต่เมื่อครู่ พอจิตใจของเยี่ยเทียนทะเลาะกันเองเสร็จ ระดับจิตใจของเยี่ยเทียนก็สูงขึ้นมากทีเดียว เยี่ยเทียนรู้สึกเหมือนหินก้อนใหญ่ถูกยกออกจากอก มันโล่งแปลกๆ  เยี่ยเทียนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับเข้าถึงดินแดนฟ้าสวรรค์เป็นหนึ่งเดียวกับฟ้า สวรรค์และธรณีไปแล้ว

“หืม? ศิษย์น้องเล็กตระหนักรู้แล้วหรอ?”

เมื่อเห็นเยี่ยเทียนหลับตายิ้ม โก่วซินเจียและคนอื่นเริ่มทำตัวไม่ถูก เก็บตัวสามเดือนกว่า ออกมายังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เข้าสภาวะตระหนักรู้อีกแล้ว หรือเยี่ยเทียนเกิดมาเพื่อฝึกปฏิบัตตนจริงๆ?

“วู วู”

ทุกคนเข้าใจว่าห้ามรบกวนเยี่ยเทียน แต่เสี่ยวจินบนบ่าเหลยหู่ไม่สนใจ มันส่งเสียงร้องออกมาและกระโจนใส่เยี่ยเทียนอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าผ่า แต่มันก็ถูกดีดออกมาทันทีที่โดนตัวเยี่ยเทียน

“หืม เจ้าตัวเล็ก แกทำให้ฉันตื่นเหรอ? ”

เยี่ยเทียนลืมตาขึ้น ไม่ได้ถือโทษสิงห์ขนทอง การตระหนักรู้ถึงแม้จะช่วยเพิ่มระดับจิตใจ แต่เยี่ยเทียนกลัวว่าระดับพลังจะเพิ่มขึ้นตาม ถ้าคุมพลังไม่ไหวแล้วอัสนีสวรรค์จินตันเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาคงต้องออกจากโลกแห่งนี้แล้วเป็นแน่

“วูวู! ”

เสี่ยวจินเบิกตากว้างจ้องเยี่ยเทียนแบบไม่มีความกลัวใดๆ มันกระโดดขึ้นไปเกาะอยู่บนบ่า และหมอบลงตรงนั้นอย่างสบาย

“นี่ นี่ไม่ใช่ที่นอนของแกนะ”

เยี่ยเทียนหัวเราะท่าทีของเจ้าตัวเล็ก จากนั้นจับมันลงจากบ่า

“วู วู! ”

สิงห์ขนทองมองเยี่ยเทียนด้วยสายตาไร้เดียงสา สายตาคู่นั้นทำให้เยี่ยเทียนนึกถึงพ่อแม่ของมัน เยี่ยเทียนถอนหายใจ และจับมันมาอยู่ที่เดิม

เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าที่สิงห์ขนทองมาเข้าใกล้ เป็นเพราะเยี่ยเทียนหลอมจินตันของสิงห์ขนทองแล้วส่วนหนึ่ง จึงมีปราณชีวิตของผู้อาวุโสสิงห์ขนทองเคลื่อนไหวอยู่ในร่างกาย ทำให้เจ้าตัวน้อยปฏิบัติกับตนแบบไม่มีการป้องกันใดๆ

“อาจารย์ ให้มันอยู่กับอาจารย์เถอะครับ ผมดูแลมันไม่ไหวหรอก! ”

เมื่อเห็นสิงห์ขนทอง “เสี่ยวจิน” ทำตัวติดเยี่ยเทียน เหลยหู่รู้สึกโล่งใจมาก เพราะกรงเล็บของเจ้าตัวเล็กคมมาก หลายเดือนมานี้ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าไปไม่ต่ำกว่าสิบชุด หัวไหล่ก็ถูกข่วนจนเป็นแผลไปหมด

ถ้าพูดถึงความเร็ว เหลยหู่สู้เสี่ยวจินไม่ได้ ถ้าพูดถึงพลังวิชา เสี่ยวจิน ก็ชนะเขาอย่างเห็นๆ แล้วยังเป็นหนี้บุญุคุณชีวิตของพ่อแม่เจ้าตัวเล็กนี่อีก ตีก็ไม่ได้ ต่อว่าก็ไม่ได้ เหลยหู่แทบจะเป็นบ้า

เมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กนอนหลับสบาย เยี่ยเทียนหันไปพูดกับโก่วซินเจียว่า

“ศิษย์พี่ใหญ่ครับ ธุระเสร็จหมดแล้ว พวกเรากลับกันเถอะครับ”

“อื้ม เฮ่าเทียนบอกพ่อกับแม่ของเธอว่าเธออยู่แอฟริกาตลอด ถ้าเธอกลับไป อย่าเผลอพูดผิดก็แล้วกัน! ”

โก่วซินเจียพยักหน้าและย้ำกับเยี่ยเทียน ถึงแม้เขาจะเข้าลัทธิเต๋ามานาน แต่เขาก็เป็นคนที่เคยมีพ่อแม่และภรรยามาก่อน เขาเข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียญาติ เพราะฉะนั้นเขาจึงให้ความร่วมมือกับซ่งเฮ่าเทียนเป็นอย่างดี

เยี่ยเทียนตอบรับและถามเพิ่มเติมว่า แล้วซ่งเสี่ยวหลงอยู่ที่ไหนตอนนี้? ”

“ซ่งเสี่ยวหลงเหรอ? ไม่รู้สิ เฮ่าเทียนบอกว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้เอง ฉันยังไม่ได้ถามต่อเลย”

เยี่ยเทียนเกือบตายเพราะซ่งเสี่ยวหลงถึงสองครั้ง โก่วซินเจียกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก จึงพูดต่อว่า

“ฉันเคยทำนายกว้าครั้งหนึ่ง เขาน่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งในยุโรป ศิษย์น้องเล็กอย่าไปสนใจเรื่องนี้เลยนะ เดี๋ยวศิษย์พี่จะไปจัดการเอง”

“อาจารย์ลุงครับ ผมไปดีกว่า ไอ้นั่นมันไม่ใช่คนดีอะไร ผมจะฆ่ามัน! ”

เหลยหู่ที่อยู่ข้างๆ แสดงจิตสังหารออกมา ความเกลียดชังที่มีต่อซ่งเสี่ยวหลง ไมได้น้อยไปกว่าเยี่ยเทียนเลย

เรื่องที่เกิดขึ้นในสมาคมหงเหมิน เป็นเพราะซ่งเสี่ยวหลงยุยงอยู่ข้างหลัง หลังจากที่เหลยเจิ้นเทียนพ่ายแพ้ให้กับเยี่ยเทียน ซ่งเสี่ยวหลงก็หนีไปอยู่ที่แอฟริกา ทำให้ตระกูลเหลยผู้มีวาจาหนักดุจก้อนทองเก้าชั้นต้องออกจากสมาคมหงเหมินไป อย่างน่าเศร้า

เรื่องที่เกิดขึ้นในภายหลังยิ่งทำให้เหลยหู่โมโห ซ่งเสี่ยวหลงสั่งให้เหมียวจื่อหลงเป่าหูตน ให้ตนไปจัดการเยี่ยเทียน แต่ตัวเขาเองกลับอยู่ในที่มืด พอเกิดเรื่องขึ้นไม่เพียงแต่หนีไปอย่างลอยนวล แถมยังเหลือทางหนีทีไล่เอาไว้ จนเหลยหู่เองเกือบโดนระเบิดตาย แล้วยังแขนที่ขาดไปอีก ความแค้นนี้เหลยหู่ก็นับว่าเป็นความผิดของซ่งเสี่ยวหลงด้วย

“เอาล่ะ แกตรงไปฮ่องกง อาจมีบางอย่างเกิดขึ้นที่นั่น”

เยี่ยเทียนโบกมือพูดแทรกเหลยหู่ว่า

“สิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง พวกท่านก็กลับฮ่องกงเลยครับ ให้เซี่ยวเทียนกลับจีนกับผมก็พอ”

“ศิษย์น้องเล็ก จะเกิดอะไรขึ้นที่ฮ่องกง? ”

โก่วซินเจียตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

“ช่วงนี้เหล่าถังจะเจอภัย ที่เกิดขึ้นเพราะผม พวกท่านรีบกลับไปดีกว่าครับ! ”

เยี่ยเทียนขมวดคิ้วชัดมากขึ้น เมื่อครู่เขารู้สึกว้าวุ่นใจมาก พอลองทำนายแล้วก็พบว่า เหมือนมีบางอย่างจะเกิดขึ้นกับถังเหวินหย่วน และสาเหตุก็มาจากเขา เยี่ยเทียนจึงบอกให้ศิษย์พี่ทั้งสองรีบกลับไป

โก่วซินเจียใช้นิ้วแตะกันสองสามที สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที พูดว่า

“อืม จริงด้วย เอาล่ะ เดี๋ยวฉันกับศิษย์น้องรองจะไปเดี๋ยวนี้เลย! ”

พอกลับไปถึงห้องโดยสาร โก่วซินเจียก็เรียกกัปตันเรือมาและจัดการทุกอย่างจนเสร็จ ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น เครื่องบินทะเลขนาดกลางสองลำก็ลงจอดในทะเลที่ไม่ไกลจากเรือสำราญมากนัก เยี่ยเทียนกับโจวเซี่ยวเทียนขึ้นลำหนึ่ง ส่วนโก่วซินเจียและคนอื่นขึ้นอีกลำหนึ่งตรงไปยังเกาะฮ่องกง

หลังจากเครื่องบินลงจอดที่มัลดีฟส์ เยี่ยเทียนก็เปลี่ยนไปนั่งเครื่องบินภายในประเทศ ด้วยทุกอย่างที่ถูกจัดไว้ล่วงหน้า เยี่ยเทียนถูกพาเข้าไปยังห้องนักบินซึ่งคนนอกไม่สามารถเข้าไปได้ เขากับสิงห์ขนทองเข้าไปโดยไม่มีคนถามอะไร

……………………-

หลังจากเครื่องบินลำที่เยี่ยเทียนนั่ง ลงจอดที่สนามบินนานาชาติ ประตูห้องโดยสารก็เปิดออก คนวัยกลางคนอายุราวสี่สิบกว่าขึ้นมาบนเครื่อง และพาเยี่ยเทียนเดินลงจากเครื่องบินด้วยทางลัด ด้านล่างของเครื่องบิน มีรถยนต์ติดฟิล์มเอาไว้คันหนึ่งจอดอยู่

“เอ๋? ท่านผู้เฒ่า มารับผมด้วยตนเองแบบนี้ ผมก็เกรงใจแย่เลยสิครับ”

หลังจากขึ้นรถแล้ว เยี่ยเทียนพูดลอยหน้าลอยตาว่า

“ไม่เจอตั้งปีกว่า ท่านผู้เฒ่าดูกระปรี้กระเป่ากว่าเดิมเลยนะ ดูสิ มีผมขึ้นตรงหูด้วย! ”

สิ่งที่เยี่ยเทียนพูดเป็นความจริงทั้งหมด ช่วงที่โก่วซินเจียฝึกพลังอยู่บนทะเล เขาใช้ยาวิเศษที่เยี่ยเทียนเก็บมาจากอาณาเขตแห่งเทพกสิกร เสินหนงเจี้ย ปรุงยาไว้มากมาย เอาไปให้ซ่งเฮ่าเทียนหนึ่งขวด ถึงแม้ไม่สามารถทำให้เขากลายเป็นเด็ก แต่ก็ทำให้เขาดูหนุ่มขึ้นเยอะทีเดียว โรคภัยในร่างกายก็บรรเทาลงเช่นกัน

“แกนี่นะ เห็นฉันแล้วปากยังไวเหมือนเดิม”

เดิมทีซ่งเฮ่าเทียนอยากจะดุเยี่ยเทียนสักหน่อย แต่พอเจอหลานชายแล้วก็พูดไม่ออก ถึงแม้เยี่ยเทียนจะพูดจาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ซ่งเฮ่าเทียนรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กดทับเอาไว้ คำพูดที่เตรียมไว้ก็เหมือนจุกอยู่ในคอพูดไม่ออก

เขาจึงส่งเสียงฮึ่มใส่ หันไปมองสิ่งที่อยู่บนบ่าของเยี่ยเทียนแทน พูดด้วยความโมโหว่า

“ทำไมมีสัตว์เลี้ยงมาด้วย? ฉันว่าแกกลายเป็นพวกลูกคนรวยที่เอาแต่เลี้ยงนกเลี้ยงหมาแล้วนะ! ”

“วูวู”

เสี่ยวจินดูเหมือนจะฟังออกว่าซ่งเฮ่าเทียนพูดถึงอะไร ดวงตาดำกลมโตคู่นั้นเบิกตากว้าง แผ่กรงเล็บออกพร้อมจะข่วน แต่ก็ถูกเยี่ยเทียนห้ามเอาไว้ เยี่ยเทียนหันไปพูดกับซ่งเฮ่าเทียนว่า

“ท่านผู้เฒ่า นี่มันสิงห์ขนทองสัตว์โบราณ ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงเอาไว้เล่นๆนะครับ”

“สิงห์ขนทอง? ที่มีบันทึกในคัมภีร์ ซานไห่จิง—ตำราขุนเขามหาสมุทร หรอกเหรอ? ”

ซ่งเฮ่าเทียนมีพื้นฐานครอบครับที่ร่ำรวย ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาของตะวันออกหรือตะวันตก ล้วนแต่เคยศึกษามาหมดแล้ว เขาจึงรู้จักสิงห์ขนทองอยู่ แต่ก็ตกใจมาก เพราะเขารู้ว่าเยี่ยเทียนไม่เคยพูดโกหก

เยี่ยเทียนหัวเราะฮ่าๆ ตอบว่า

“ผมเคยเจอที่แปลกกว่านี้อีกครับท่านผู้เฒ่า ถ้าอยากฟัง ก็อย่าบ่นผมเยอะนะครับ! ”

“เจ้านี่ ชอบเจอแต่เรื่องแปลกประหลาด กลับไปต้องเล่าให้ฉันฟังด้วยนะ เรากลับบ้านกันก่อนเถอะ! ”

ซ่งเฮ่าเทียนส่ายหัว เขารู้ว่าหลานชายคนนี้ไม่ใช่เด็กหนุ่มที่มีแต่กำลังอีกแล้ว ตอนนี้เขากลายเป็นคนที่มีความลึกลับตลอดเวลา ถึงแม้จะมีสถานะแบบนี้ เขาก็ไม่สามารถบังคับให้เยี่ยเทียนอธิบายในสิ่งที่เยี่ยเทียนกำลังทำให้ตนฟัง และยิ่งไม่กล้าบังคับให้เยี่ยเทียนพูดในสิ่งที่เขาไม่อยากจะพูด

“ครับ กลับบ้าน กลับบ้านกัน!”

เยี่ยเทียนพยักหน้า เขาแตะสิงห์ขนทองไปครั้งหนึ่ง และพูดว่า

“คราวหลังถ้าไม่มีฉันอยู่ ห้ามทำร้ายใครนะ”

พ่อแม่ของเสี่ยวจินเป็น อสูรรุ่นใหญ่ระดับจินตันขั้นปลาย ฉะนั้นเจ้าตัวเล็กจึงมีพลังระดับเซียนเทียนตั้งแต่เกิด ภายในร่างกายของมันมีพลังที่น่ากลัวมาก ถ้ามันจะก่อเรื่อง แม้ว่าจะเรียกกำลังทหารขนาดใหญ่มาจัดการ ก็ไม่สามารถจัดการมันได้ เพราะฉะนั้นเยี่ยเทียนจึงต้องเอามันมาอยู่ใกล้ๆ

พอเห็นเจ้าตัวเล็กใช้สองมือปิดตาสองข้าง เยี่ยเทียนอดขำไม่ได้พูดว่า

“ไม่ต้องมาทำเหมือนโดนแกล้งเลย พอกลับไปถึง เดี๋ยวฉันจะทำของอร่อยให้แกกินนะ! ”

เดิมทีนึกว่าเจ้าสิงห์ขนทองนอกจากกินสมองสิงห์โต เสือและพลอยวิเศษ ไม่กินอาหารชนิดอื่น

แต่คิดไม่ถึงว่ามันไม่มีอาการต่อต้านอาหารสุกชนิดใดเลย แม้แต่อาหารจานด่วนบนเครื่องบิน มันก็กินอย่างเอร็ดอร่อย แน่นอนว่า ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเหตุการณ์แอร์โฮสเตสทุกคนบนเครื่องต้องท้องร้อง เพราะเจ้าตัวเล็กแย่งกินอาหารจนหมด

……………………………