บทที่ 930 ต่อสู้สุดชีวิต

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 930 ต่อสู้สุดชีวิต!
เส้นหมี่ : “!!!!”

นี่มันวันอะไรกันเนี่ย?

ทำไมเธอถึงได้เจอแต่อะไรที่มันกระตุ้นสูบฉีดขนาดนี้ตั้งแต่เช้ามา?

สุดท้ายเส้นหมี่จำไม่ได้เลยว่าตัวเองออกไปจากในห้องนี้ได้อย่างไร

เธอรู้เพียงว่า เมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งบนเตียงนั้นด้วยอาการเจ็บปวดเมื่อยไปทั้งตัว ท้องฟ้าด้านนอก มองดูก็เห็นเงาที่ทอดยาวไปเรียบร้อยแล้ว

อัปรีย์!

เธอเงยหน้ามองดูบนฝ้าเพดาน ปล่อยให้ตัวเองปรับสภาพอีกครั้งอย่างเงียบๆ

“ก๊อกก๊อกก๊อก-—“

“ใครคะ?”

“หมี่ เธอตื่นหรือยัง? ฉันมารับเธอกลับเดอะวิวซี”

คิดไม่ถึงว่า เสียงเคาะประตูจากด้านนอก คือน้ำเสียงอันแสนอ่อนโยนของผู้หญิง

พิมเจ้า?

เส้นหมี่ประหลาดใจเล็กน้อย ลุกขึ้นมาจากบนเตียง หลังจากที่เธอหาเสื้อผ้าตัวหนึ่งและสวมใส่เรียบร้อยแล้ว ในที่สุด เธอก็เดินออกมาเปิดประตู

“ป้าพิม ป้ามาได้ยังไงคะ?”

“ใช่ รองผู้นำเดชาให้ฉันขึ้นมารับเธอ หมี่ รีบกลับไปเดอะวิวซีเถอะ เกิดเรื่องขึ้นแล้ว เธอต้องรีบกลับไปช่วยจัดการกับภาพรวมสักหน่อย”

พิมเจ้าคนนี้ หลังจากที่เจอเธอแล้ว ท่าทีอันสุขุมนิ่งสงบเหมือนเมื่อก่อนก็ได้เปลี่ยนไป รีบจับมือเธอไว้อย่างร้อนรนใจทันที

เส้นหมี่ก็ตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่งอีกครั้ง

ยังเกิดเรื่องขึ้นอีก?

ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ถึงโทรศัพท์สายนั้นที่แสงดาวโทรมาเมื่อเช้า ชั่วครู่ สีหน้าก็เปลี่ยนไป : “ป้าหมายถึงเกิดเรื่องกับไชกุใช่ไหมคะ?”

พิมเจ้าพยักหน้า : “ใช่ เขาถูกคุณท่านพาตัวไปที่ไวท์ พาเลซแล้ว ยังมีรักก็ตามไปด้วยแล้ว ตอนนี้มินตรายังคงอาละวาดอยู่ที่เดอะวิวซี และคุณท่านของตระกูลโชคศักดาก็มาด้วย วุ่นวายมากเลย”

ใบหน้าของพิมเจ้า เต็มไปด้วยความวิตกกังกลและความเศร้าโศก

สมองของเส้นหมี่ก็โล่งเปล่าไปครู่หนึ่ง

และในเวลานี้เอง ในที่สุดเธอก็ได้สติกลับมา ในห้องนี้ก็เหลือเพียงเธอแค่คนเดียวจริงๆ ด้วย!

ไวท์ พาเลซ?

เขาก็ถูกพาตัวไปเที่ไวท์ พาเลซด้วย?

ทำไมเขาก็ถูกพาตัวไปที่นั่นด้วยล่ะ? เขายังเป็นผู้ป่วยคนหนึ่ง คนป่วยคนหนึ่งที่สติสัมปชัญญะยังไม่กลับคืนสู่สภาพปกติ ตาแก่บ้าไชยันต์คนนั้นทำไมถึงพาเข้าไปสถานที่นั้นได้?

เขาบ้าไปแล้วหรือเปล่า?

ใบหน้าเส้นหมี่ไม่มีแม้แต่สีเลือดฝาด!

เมื่อเธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปจากยอดเขาแห่งนี้พร้อมกับพิมเจ้า เธอมองดูดวงอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ ตอนเช้าหลังจากที่รับสายโทรศัพท์ของแสงดาวแล้ว ทำไมไม่ไปถามกับชายชรานั้นทันที?

ถ้าหากถามแล้ว เธอจะรู้ว่าเขาจะทำแบบนี้ บางที เธออาจจะห้ามไว้ได้

สมควรตายซะจริงๆ!

ในช่วงเวลาสำคัญๆ อย่างนั้น และหลังจากที่เห็นผู้ชายคนนั้นแล้ว ในสมอง…..ของเธอทำไมถึงได้คิดแต่สิ่งเหล่านั้นได้ล่ะ?

เส้นหมี่อดไม่ได้ที่จะตบหน้าตัวเองสักฉาด

แต่ในความเป็นจริง เธอกลับไม่รู้ว่า เริ่มตั้งแต่ตอนที่เธอรับสายโทรศัพท์นั้น เธอก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าจะไม่สามารถลงจากเขาได้ในเวลานั้น เพราะว่าไม่มีคนที่จะตกลงให้เธอไป

——

ณ ไวท์ พาเลซ

คดีที่ผู้บัญชาการทหารระดับสูงถูกลอบสังหาร ในตอนท้ายที่สุด ภายใต้การรวมตัวกันของผู้มีอำนาจของทุกหน่วยงานรัฐบาล ผู้ประสบเหตุ รวมทั้งผู้ที่ถูกเรียกว่าฆาตกรในตอนนี้ ก็ถูกพาตัวมารวมกันไว้ในไวท์ พาเลซแห่งนี้

ท่านรองรัฐมนตรีถึงขั้นขาอ่อนแรงเลยทีเดียว

เพราะว่า เขาเห็นว่าท่านไชยันต์ให้คนมัดตัวไชกุเข้ามา

“เขาบ้าไปแล้วจริงๆ เพื่อหลานชายที่สติสัมปชัญญะมีปัญหา กลับยอมสละลูกชายเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้”

เขาเป็นเหมือนงูพิษตัวหนึ่งที่ยังคงดิ้นทุรนต่อความตาย สายตาจ้องมองดูยังไชกุสองคนพ่อลูกที่ถูกพาตัวเข้ามา ในดวงตาปรากฏให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมและเคืองแค้น

รัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ต่างกันเลย

รวมทั้งหัวหน้ารัฐมนตรี

ใช่สิ นี่คือสิ่งที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน

พวกเขาเข้าใจว่า หลังจากที่เมื่อคืนพวกเขาส่งวิดีโอนิรนามที่เป็นความเกี่ยวข้องกับไชกุในตอนนั้นไปให้ชายชราคนนี้แล้ว เขาก็จะถูกจับจุดอ่อนได้ และยอมถอยออกไปเอง

แต่ใครจะคาดคิดว่า เขาค้างคืนอยู่ในกรมทหารหนึ่งคืนเต็มๆ วันนี้ตอนเช้า เขาตรงดิ่งไปยังบ้านของไชกุและจับกุมตัวมา จากนั้นก็ส่งเข้ามาในนี้

“ท่านหัวหน้ารัฐมนตรี เมื่อสักครู่อีกฝ่ายแจ้งมาว่า หากเรื่องนี้ไม่สามารถเก็บไว้ได้ ท่านสามารถโยนเรื่องนี้ให้เป็นความผิดบนตัวของไชกุทั้งหมด สามารถพูดได้ว่าเขาเป็นฝ่ายเข้ามาหาพวกเรา”

“คุณว่าอะไรนะ?”

หัวหน้ารัฐมนตรีรีบหัวหน้าไปมองคนที่มาส่งข่าวในทันที

“แบบนี้ได้เหรอ? ไชกุเขาคงจะไม่ยอมรับเป็นแน่”

“เรื่องนี้ ไม่จำเป็นให้เขายอมรับเลยแม้แต่น้อย” เมื่อคนคนนี้พูดจบ ก็นำจดหมายหนึ่งฉบับวางลงในมือของเขา ระหว่างดวงตาและคิ้ว ก็มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ยากจะหยั่งรู้

ท่านหัวหน้ารัฐมนตรีถึงกับอึ้ง

สักครู่ เมื่อเขาเปิดจดหมายออก และมองเห็นตัวอักษรด้านในอย่างชัดเจน ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างโพรงถึงขีดสุด!

“ขุนนาย?!! เขาถึงขั้น……….กับน้องชายเขา”

“จุ๊……..”

คนคนนี้ยกนิ้วกลางขึ้น และชี้ตรงระหว่างจมูก เพื่อแสดงให้เข้าเบาเสียงลงหน่อย

“นี่คือไพ่ใบสำคัญในมือของพวกเรา ท่านวางใจได้ เพียงแค่ปล่อยมันออกมา ไชกุก็จะกลายเป็นผู้วางแผนหลักของเรื่องทั้งหมดนี้ และแบบนี้ ไชยันต์เองก็จะไม่สงสัยเลยเด็ดขาด ถึงตอนนั้น พวกเราก็ค่อยละทิ้งรองรัฐมนตรีที่ไม่ได้เรื่องเหล่านั้น ไวท์ พาเลซก็จะปลอดภัยอย่างแน่นอน”

“จริงเหรอ?”

หัวหน้ารัฐมนตรีก็ห้ามไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจ

ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง นั่นจะดีมากๆเลย

เพราะว่า ถ้าเป็นแบบนี้ ไชยันต์ถูกโจมตีหนักขึ้น ถึงตอนนั้นเขาก็จะต้องล้มลงไป ไชกุเองก็ไม่อยู่แล้ว เพียงแค่ ม็อกโกคนเดียว จะสู้ได้นานเพียงใด? นั่นก็คือล้วนเป็นสิ่งของมีค่าในกระเป๋าของพวกเขาแล้ว

ท่านหัวหน้ารัฐมนตรีคนนี้ก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยขึ้นมา

สายตาก็จับจ้องมองไปยังคนสามรุ่นของตระกูลเทวเทพที่นั่งอยู่บนเวทีและถูกสาดส่องด้วยไฟสปอตไลต์ทั้งหมดที่มี

ทั้งคนแก่ ทั้งคนโง่เขลา และคนบ้า……..

มานั่งอยู่พร้อมหน้ากันอย่างนี้ หว่านแหทีเดียวก็จับได้หมดเกลี้ยง!