ตอนที่ 969 จ้าวแห่งมหาสมุทร

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ฉินอวี้โม่มีอารมณ์ที่ดีอย่างมากหลังจากทำพันธสัญญากับไข่มุกเลี่ยงวารีได้สำเร็จ

“ขอบคุณท่านมาก”

นางกล่าวขอบคุณอสูรกลืนนภาอย่างจริงใจ หากมันไม่เสนอพาพวกนางมาที่นี่ การตามหาไข่มุกเลี่ยงวารีก็คงจะเป็นปัญหายุ่งยากไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น หากอสูรกลืนนภาไม่ยินยอม การนำไข่มุกเลี่ยงวารีกลับไปก็คงจะไม่ราบรื่นเช่นนี้

“ด้วยความยินดี ข้าก็ทำเพื่อตัวข้าเองเช่นกัน”

อสูรกลืนนภาส่ายศีรษะเบา ๆ ขณะมองไข่มุกเลี่ยงวารีที่ลอยอยู่บนไหล่ของฉินอวี้โม่ซึ่งกำลังพูดคุยกับไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่มันจะกล่าวขึ้นมา “สาเหตุที่ข้าพัฒนาตนเองได้อย่างรวดเร็วตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็คงจะเป็นเพราะความช่วยเหลือจากเจ้าสินะ”

ไข่มุกเลี่ยงวารีก็กล่าวตอบพร้อมรอยยิ้ม “ลืมมันไปเถอะ ถึงอย่างไรพลังของข้าก็สลายหายไปอย่างต่อเนื่อง การที่เจ้าบ่มเพาะพลังในอาณาเขตนี้ก็ถือว่าเป็นการคุ้มกันให้กับข้าเช่นกัน การแบ่งพลังเหล่านั้นให้กับเจ้าเพื่อช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งก็เป็นเรื่องที่ดีและข้าเองก็จะได้ปลอดภัยมากขึ้น อีกอย่างข้าก็รู้สึกถูกชะตากับเจ้าทีเดียว”

นับตั้งแต่อสูรกลืนนภามาที่นี่เป็นครั้งแรก ไข่มุกเลี่ยงวารีก็รับรู้ได้ทันที

อย่างไรก็ตาม อสูรกลืนนภาเป็นอสูรมายาในตำนานที่มีสายเลือดบริสุทธิ์และมิใช่เป็นอสูรประเภทชั่วร้าย ไข่มุกเลี่ยงวารีจึงยินดีช่วยเหลือมัน

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่ออสูรกลืนนภาพัฒนาตนเองจนแข็งแกร่งมากขึ้น มันก็สามารถกำจัดปัญหาให้กับไข่มุกเลี่ยงวารีไปได้มาก

ตลอดเวลาที่ผ่านมามีผู้คนเดินทางมาที่มหาสมุทรทางเหนือเพื่อตามไข่มุกเลี่ยงวารีเป็นจำนวนมาก หากมิใช่เพราะมีอสูรกลืนนภาเฝ้าอยู่ที่นี่ เกรงว่าสถานการณ์คงจะไม่เงียบสงบมานานเช่นนี้

ในความจริง อสูรกลืนนภาก็ช่วยสะสางปัญหาความวุ่นวายให้กับไข่มุกเลี่ยงวารีได้มากมายและกล่าวได้ว่าทั้งสองฝ่ายมีส่วนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

“เอาล่ะ ในเมื่อตอนนี้เจ้าก็ได้ไข่มุกเลี่ยงวารีไปตามต้องการ มันก็ถึงเวลากลับแล้ว”

อสูรกลืนนภายิ้มและกล่าวขึ้นเพื่อส่งแขก มันไม่มีความคิดที่จะออกไปจากอาณาเขตนี้และยังต้องการฝึกวิชาอยู่ที่นี่ต่อไปโดยที่ไม่ถูกผู้ใดรบกวน

“เข้าใจแล้ว ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ขอตัวกลับก่อน!”

ในเมื่อได้ไข่มุกเลี่ยงวารีที่ตามหาแล้ว ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็ไม่ต้องเกรงกลัวน้ำทะเลลึกอีกต่อไปและอสูรกลืนนภาก็ไม่จำเป็นต้องออกไปส่งพวกนาง

ฉินอวี้โม่ประกบกำปั้นทั้งสองเข้าด้วยกันก่อนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าขึ้นสู่ผืนน้ำด้วยความช่วยเหลือของไข่มุกเลี่ยงวารี

แม้ว่าพวกนางจะไม่ได้รู้สึกว่าตนเองใช้เวลาอยู่ใต้น้ำนานนักและแท้ที่จริงแล้วเวลาก็ผ่านไปถึงหนึ่งวัน ตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้วและท้องฟ้าเบื้องบนมืดสนิท สภาพแวดล้อมรอบตัวก็เรียกได้ว่าคลุมเครือพอสมควร

อสูรกลืนนภาไม่คิดที่จะแหวกว่ายขึ้นไปส่งพวกนางและฉินอวี้โม่ก็ไม่ได้สนใจนัก ทว่าเมื่อนางและคณะปรากฏขึ้นมาเหนือผืนน้ำและกำลังจะเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว จู่ ๆ แรงกดดันทรงพลังก็แผ่เข้ามาปกคลุมและตัดการเชื่อมต่อระหว่างฉินอวี้โม่กับคฤหาสน์เฟิงหัวทันที

“เหอะ ส่งไข่มุกเลี่ยงวารีนั่นมาซะและข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป ไม่เช่นนั้น…พวกเจ้าจะต้องจมอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล !”

เสียงที่ฟังดูคุ้นหูดังขึ้นและมันเป็นเสียงของสือโหลวนั่นเอง

ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้หนีออกไปไกลนักและจับตาดูสถานการณ์บริเวณนี้อย่างไม่วางตา เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของไข่มุกเลี่ยงวารีอย่างชัดเจนและทราบว่ามันตกไปอยู่ในมือของฉินอวี้โม่แล้ว สีหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวเล็กน้อย

จากนั้นเขาก็ไม่รอช้าและรีบมุ่งหน้ากลับมาในทันทีเพื่อพยายามช่วงชิงไข่มุกเลี่ยงวารีไปเป็นของตน

“สือโหลว เจ้าไม่คิดที่จะเปลี่ยนคำพูดบ้างรึ ? มันเหมือนกันแทบทุกครั้งและยังไม่เห็นว่าเจ้าจะทำอะไรพวกข้าได้จริง ๆ เลย”

สีหน้าของฉินอวี้โม่ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ทว่านางก็หันไปสบตาหานโม่ฉือและระวังตัวมากขึ้นทันที

ความสามารถในตัดการเชื่อมต่อระหว่างนางและคฤหาสน์เฟิงหัวมิใช่สิ่งที่สือโหลวจะทำได้อย่างแน่นอน นางสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายทรงพลังที่แข็งแกร่งบางอย่างซ่อนอยู่ในมุมมืดและนั่นคือไพ่ตายสำคัญที่ทำให้สือโหลวกล้าบุกมาในครานี้

“เหอะ อย่ามัวแต่เยาะเย้ยถากถางข้าอยู่เลย รีบตัดสินใจมาเร็วเข้า ข้าไม่อยากเสียเวลาพูดจาไร้สาระกับพวกเจ้า !”

สือโหลวแค่นเสียงอย่างเย็นชา เขาทราบดีว่าการสาดวาจาตอบโต้กันไปมาไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ และไม่ต้องการเสียเวลาพูดพร่ำทำเพลงอีก

“ไพ่ตายที่แท้จริงของเจ้าคือสิ่งใดกันแน่ ? นำมันออกมา”

หานโม่ฉือกล่าวอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้เจ้าของคลื่นพลังที่รุนแรงปรากฏตัวออกมาเสียที

“เหอะ ในเมื่อรนหาที่ตายกันนัก พวกเจ้าก็จะได้สมหวัง !”

สือโหลวแค่นเสียงและจู่ ๆ ก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งในท่าทางของการทำความเคารพ

“ข้าน้อยขอคารวะท่านผู้นำขอรับ !”

น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความเคารพนอบน้อมทว่านั่นทำให้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือประหลาดใจขึ้นมาทันที

ไม่แปลกใจเลยที่พลังนั้นจะแกร่งกล้ายิ่งนัก ที่แท้ก็เป็นพลังจากผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจนี่เอง

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรับรู้ได้ว่าผู้ที่ปรากฏตัวมิใช่ผู้นำจอมยุทธ์ปีศาจตัวจริง หากแต่เป็นเพียงร่างอวตารของเขาเท่านั้น

หากผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจมาที่นี่ด้วยตัวเอง พลังอำนาจของเขาคงจะแกร่งกล้ากว่านี้มาก

“ฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือ พวกเจ้าแน่ใจรึว่าไม่อยากเข้าร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจจริง ๆ ?”

น้ำเสียงแหบพร่าและเฉยเมยดังขึ้นอย่างชัดเจนพร้อมกับร่างหนึ่งที่ก้าวออกมาจากความว่างเปล่า

ร่างนั้นปกคลุมไปด้วยเสื้อคลุมสีดำสนิทและดูเลือนรางไม่ชัดเจนนักซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่ามิใช่ร่างของมนุษย์ที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม พลังอันแกร่งกล้าที่ปกคลุมร่างของเขาก็ทำให้ฉินอวี้โม่รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างมหาศาล

“เจ้าคือผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจงั้นรึ ? ไม่เห็นจะทรงพลังอย่างที่ข้าคิดไว้เลย !”

ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นเบา ๆ และพยายามคิดหาทางออกอย่างรวดเร็ว

แม้เป็นเพียงร่างอวตาร ทว่าผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจผู้นี้ก็แกร่งกล้ามากเกินไป แม้แต่พลังของนางและหานโม่ฉือที่รวมกันก็คงยังไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้

เนื่องจากไม่สามารถเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวได้ในตอนนี้ การหลบหนีจึงมิใช่เรื่องง่ายนัก

“นายหญิง ไม่ต้องกลัวตาเฒ่านั่นหรอก ในมหาสมุทรแห่งนี้ เขาทำอะไรเราไม่ได้แน่”

เสียงของไข่มุกเลี่ยงวารีดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่ มันสัมผัสได้ว่าพลังของฉินอวี้โม่ด้อยกว่าอีกฝ่ายและคาดเดาความคิดของนางได้ทันที

ไข่มุกเลี่ยงวารีถูกกล่าวขานว่าเป็น ‘จ้าวแห่งมหาสมุทร’ ตราบใดที่มันต้องการหลบหนี แม้แต่ผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจก็ขัดขวางไม่ได้อย่างแน่นอน

“ไปกันเถอะ !”

ฉินอวี้โม่จับมือหานโม่ฉือและดำดิ่งลงในน้ำทะเลลึกก่อนหายวับไปตรงหน้าสือโหลวและผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจอย่างรวดเร็ว

“ท่านผู้นำ พวกนางมีไข่มุกเลี่ยงวารีอยู่ การไล่จับพวกนางคงมิใช่เรื่องง่ายเลยขอรับ !”

สีหน้าของสือโหลวเหยเกทันที ในเมื่อฉินอวี้โม่มีไข่มุกเลี่ยงวารีอยู่ในมือ น้ำลึกก็ไม่ต่างจากพื้นดินราบเรียบ ต่อให้ผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจมีความสามารถมากเพียงใดก็อาจจะไม่สามารถจับตัวฉินอวี้โม่ได้สำเร็จ

ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นเพียงร่างอวตารของเขาซึ่งมีพลังเพียงประมาณห้าในสิบส่วนเท่านั้น และสิ่งที่สำคัญก็คือร่างอวตารนี้ดำรงอยู่ได้เพียงประมาณหนึ่งชั่วยาม หากเอาชนะฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไม่ได้ทันเวลา สถานการณ์จะเลวร้ายลงมาก

“ฮ่า ๆ ๆ ปล่อยพวกนางไปก่อนเถอะ”

ผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจก็สงบนิ่งอย่างยิ่งขณะลอยตัวกลางอากาศอย่างไม่รีบร้อน เขาเพียงหัวเราะเบา ๆ ออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจราวกับเตรียมวิธีการรับมือไว้แล้ว

“นายหญิง เราจะไปที่ใดกันต่อรึ ?”

ใต้ท้องทะเลลึก ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก้าวเดินกันอย่างสบาย ๆ และไม่ได้รับผลกระทบใดจากน้ำทะเลรอบตัว ตราบใดที่พวกนางหลบซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำเช่นนี้ สองคนข้างบนก็จะทำอะไรพวกนางไม่ได้

“มุ่งหน้าไปยังทิศทางของชายฝั่งทางเหนือที่เป็นฐานทัพชั่วคราวของเรา พวกเขาไม่กล้าผ่านไปที่นั่นแน่”

ฉินอวี้โม่ไตร่ตรองครู่หนึ่ง ตราบใดที่ไปถึงชายฝั่งทางเหนือ แม้แต่ผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจก็ต้องหวั่นใจเล็กน้อยและไม่กล้าบุกเข้าไปที่นั่น

จากนั้นทั้งสองก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางของชายฝั่งทางเหนือขณะชมทิวทัศน์งดงามของมหาสมุทรรอบตัวอย่างพึงพอใจ

เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ฉินอวี้โม่ก็พบว่าสือโหลวและเงาทะมึนยังคงติดตามมาอย่างใกล้ชิดและสามารถมองเห็นพวกเขาได้อย่างชัดเจน

เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังไม่คิดลงมือทำสิ่งใด ราวกับยินยอมปล่อยให้พวกนางหลบหนีออกไปง่าย ๆ เช่นนี้

อย่างไรก็ตาม ยิ่งอีกฝ่ายมีท่าทีสงบนิ่งเพียงใด ฉินอวี้โม่ก็ยิ่งมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีมากเพียงนั้น จากความเข้าใจของนางที่มีต่อสือโหลว สถานการณ์เช่นนี้ควรที่จะทำให้เขาฉุนเฉียวและอยู่ไม่ติดไปแล้ว ทว่าการวางตัวสงบนิ่งเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกแปลกพิกลมาก

ตลอดเส้นทางหลังจากนั้นก็ยังคงปลอดภัยดีโดยที่สือโหลวและร่างอวตารของผู้นำจอมยุทธ์ปีศาจไม่ลงมือทำสิ่งใดขณะติดตามฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไปอย่างใกล้ชิดเท่านั้น

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็มุ่งหน้าเข้าไปใกล้อาณาเขตของชายฝั่งทางเหนือมากขึ้นเรื่อย ๆ หากการเดินทางยังราบรื่นต่อไปเช่นนี้ คาดการณ์ได้ว่าพวกนางจะไปถึงที่หมายได้ภายในเวลาเพียงสองก้านธูป

ทว่าในตอนนี้เองที่ศัตรูสองคนกลางอากาศเริ่มลงมือในที่สุด !