ตอนที่ 1494

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ท่าทีของหลิงฮันยังคงสงบนิ่ง

แม้เวลาการประลองกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วแล้วแต่สีหน้าของเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

จูซิ่วเอ๋อแสยะยิ้ม ไม่ว่าหลิงฮันจะมีท่าทีอย่างไร สุดท้ายผลลัพธ์ก็เหมือนกันอยู่ดี

หากไม่ยอมก้มหัวเป็นคนรับใช้ให้นาง อีกฝ่ายก็จะไม่มีทางได้เข้าประลองรอบสุดท้ายและถูกสาธารณะชนเยาะเย้ย

ณ บริเวณลานประลองผู้คนได้มาถึงอย่างคับคั่ง การประลองรอบสุดท้ายนี้เป็นการตัดสินว่าใครคืออัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่าใครก็อยากเป็นสักขีพยานว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่จะกลายเป็นราชาที่แท้จริง

แต่ทั้งๆที่ถึงเวลาแล้ว หลิงฮันล่ะไปไหน?

กู่ต้าวอี้ยืนอิยู่บนลานประลองด้วยสีหน้ามืดมน ในหุบเขาเฉินเอี๋ยนเขาถูกจักรพรรดินีรั้งเอาไว้ทำให้พลาดที่จะชิงแผ่นหินทองคำ เหตุการณ์ในตอนนั้นกลายเป็นความอัปยศในใจของเขามาโดยตลอด วันนี้เขาตั้งมั่นเป็นอย่างมากว่าจะกำราบหลิงฮันให้ราบคาบเพื่อชื่อเสียงอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งยุคสมัย

แต่ถึงอย่างนั้นหลิงฮันกลับมาสาย!

ฮึ่ม หมอนั่นคงไม่ได้หนีการประลองหรอกนะ?

“รอครึ่งชั่วโมง หากหลิงฮันยังไม่ปรากฏตัวผลแพ้ชนะจะถูกตัดสินโดยปริยาย” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าว

ทุกคนตกตะลึง หลิงฮันคิดจะหลบหนีการประลอง? สำหรับราชานั้นพวกเขายอมที่จะพ่ายแพ้ดีกว่า ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ความอัปยศจะติดตรึงพวกเขาไปตลอดโดยที่ไม่อาจลบล้างได้

“เกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์กันแน่?” จิ่วเยาและติงผิงไม่เชื่อว่าหลิงฮันจะหลบหนีการประลอง

“เหวยเชิน!” จักรพรรดินีกล่าว แววตาของนางส่องประกายเย็นชา

เมื่อคืนนี้มีใครบางคนที่เหวยเชินมาหาหลิงฮัน การที่ตอนนี้หลิงฮันยังไม่ปรากฏตัวจะต้องเกี่ยวข้องกับคนคนนั้นแน่

“ออกตามหากันเถอะ!” จักรพรรดิพิรุณและเซียนหวู่เซียงกล่าว

“ไม่จำเป็น!” จักรพรรดินีส่ายหัว “เชื่อมั่นในตัวเขา!”

หลิงฮันมีหอคอยทมิฬ อย่างน้อยตัวเขาก็ไม่มีทางเป็นอันตราบถึงชีวิต แถมทั้งนางและคนอื่นๆก็ไม่สามารถโค่นล้มเหวยเชินได้ด้วย หากเหวยเชินใช้กำลังกักตัวหลิงฮันอยู่จริงๆต่อให้ออกตามหาไปก็เปล่าประโยชน์แถมจะยิ่งกลายเป็นภาระของหลิงฮันด้วยซ้ำ

จากที่นางรู้จักหลิงฮัน นางเชื่อว่าหลิงฮันจะต้องมีแผนการอะไรบางอย่างอยู่ไม่ผิดแน่

หลงเซียงเยว่ เทียนเซี่ยตี้เอ้อและสุดยอดราชาคนอื่นเองก็ตั้งมั่นรอคอย ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้จักหลิงฮันมากนัก แต่พวกเขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าหลิงฮันจะขี้ขลาดจนหลบหนีการประลอง

……

ในอีกด้านหนึ่ง จู่ๆหลิงฮันก็ลืมตาขึ้น ‘ตูม’ เขาพุ่งทะยานด้วยความเร็วเต็มแรง ย่างก้าวไล่ตามดาราถูกใช้ออกทำให้การเคลื่อนไหวของเขาพริ้นไหวราวกับสายน้ำ

“ฮึ่ม ข้ารออยู่แล้ว!” เหวยเชินเค้นเสียงพร้อมกับจู่โจมด้วยฝ่ามือขนาดใหญ่

เขาไม่ใช่ปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดทั่วไป แค่ชั้นพลังย่อยของเขายังเป็นชั้นสูงสุดอีกด้วย ต่อให้เขาจะไม่ใช้อัจฉริยะขนาดเริ่นเฟยอวิ๋นและศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดคนอื่นๆแต่พลังของเขาก็สมควรสามารถกำราบหลิงฮันให้อย่างราบคาบ

‘ตูม’ คลื่นพลังการฝ่ามือระเบิดออก แต่เนื่องจากอำนาจของฝ่ามือถูกบีบแน่นให้เหลือเพียงรัศมีเล็กๆ จูซิ่วเอ๋อจึงไม่ได้รับลูกหลงไปด้วย

“อะไรกัน!” เหวยเชินตกตะลึงเนื่องจากสัมผัสได้ว่าฝ่ามือของเขานั้นไม่สัมผัสโดนหลิงฮันเลยแม้แต่นิดเดียว

เมื่อสลายฝ่ามือก็พบว่าที่พื้นนั้นเหลืออยู่เพียงความว่างเปล่า

เห็นได้ชัดว่าหลิงฮันไม่ได้ถูกเขาบดขยี้เป็นเศษซากแต่กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“อุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์!” เขาอุทานออกมาพร้อมกันกับจูซิ่วเอ๋อ

“ไม่สิ!” เหวยเชินส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “อุปกรณ์มิติสมควรลงเหลือวัตถุที้จั่บต้องได้หรือร่องรอยอะไรเอาไว้บ้าง” เขาใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบแม้กระทั่งเศษฝุ่นแล้วแต่ก็ไม่เจออะไรเลย

นั่นก็ไม่แปลก หอคอยทมิฬนั้นมีขนาดเล็กกว่าเศษฝุ่นถึงหลายร้อยล้านเท่า อย่างน้อยในระดับพลังของเหวยเชินก็ไม่มีทางพบเจอหอคอยทมิฬ

หลิงฮันหายไปอย่างสมบูรณ์!

แต่หลังจากนั้นเอง จู่หลิงฮันก็ปรากฏตัวและพุ่งทะยานต่ออย่างรวดเร็ว

เหวยเชินรีบตามไปและลงมืออีกครั้ง

‘ตูม’ เมื่อฝ่ามือใกล้จะปะทะเป้าหมายหลิงฮันก็หายไปและกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับเผ่นหนีอย่างรวดเร็วราวกับกระต่าย

“บัดซบ! เป็นไปได้อย่างไรกัน!” เหวยเชินไล่ตามไปด้วยความตกตะลึง

เขาค่อนข้างคิดว่าหลิงฮันน่าจะเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์มากกว่าที่จะใช้ทักษะลับบางอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์แม้จะสามารถบรรจุสิ่งมีชีวิตได้ก็ไม่มีทางที่จะมองไม่เห็น

ตูม! ตูม! ตูม!

เขาปล่อยฝ่ามือเข้าใส่หลิงฮันอีกหลายต่อหลายครั้งแต่หลิงฮันก็ยังใช้วิธีเดิมหลบได้อย่างง่ายดายดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนแผนการ เขาระเบิดพลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วนำหน้าหลิงฮัน เขารู้ว่าหลิงฮันต้องมุ่งหน้าไปยังลานประลองแน่นอน เพราะงั้นแผนการของเขาคือขัดขวางหลิงฮันจากด้านหน้า

เขาพุ่งผ่านหลิงฮันและหันหลัง ‘พรึบ’ จู่ๆด็มีคลื่นแสงดาบพุ่งทะยานเข้าใส่เขา

หลิงฮันนำดาบไม้พุพังออกมาโดยที่บนตัวดาบมีรูปแบบอาคมอสูรส่องประกายอยู่

เหวยเชินตกตะลึงก่อนเป็นอย่างแรกก่อนจะแสยะยิ้ม

ช่างน่าขัน เจ้าเป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น ต่อให้เป็นอัจฉริยะขนาดไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเมินเฉยความแตกต่างของระดับพลังที่ห่างกันถึงสามขั้นย่อย เหวยเชินลงมือปล่อยฝ่ามือตอบโต้อย่างไม่ลังเล

ตูม!

ฝ่ามือของเหวยเชินปรากฏบาดแผล แต่คลื่นกระแทกที่รุนแรงก็ได้ส่งร่างของหลิงฮันลอยกระเด็นออกไป

“อัก!” หลิงฮันกระอักโลหิต ร่างกายของเขาเองก็มีโลหิตไหลซึมออกมา

ในขณะที่รับพลังจากฝ่ามือของเหวยเชิน เขาได้กระตุ้นใช้งานรูปแบบอาคมทั้งสิบเตรียมไว้แล้ว แถมกายหยาบของเขาก็ยังห่างจากแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบห้าเพียงเล็กน้อย แถมยังสามารถสร้างบาดแผลให้กับอีกฝ่ายได้อีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี

“เจ้าเด็กบัดซบ!” เหวยเชินเกรี้ยวกราด เป็นเวลานานมากแค่ไหนแล้วที่เขาได้รับบาดเจ็บ?

เจ้าหนูนี่ไม่เพียงมีพรสวรรค์ที่สูงส่งแต่ยังมีนิสัยที่ห้าวหาญอีกด้วย ไม่ว่าเชื่อว่าจะกล้าปะทะกับเขาตรงๆแบบนี้ เพียงแต่ว่าด้วยพลังบ่มเพาะที่แตกต่างกันเกินไป แม้จะสามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้แต่ก็เป็นตัวหลิงฮันเองที่เป็นฝ่ายบาดเจ็บสาหัสยิ่งกว่า

หืม?

สีหน้าของเหวยเชินเปลี่ยนไป เขาพบว่าที่บาดแผลบนฝื่อนั้นไม่ได้มีแค่โลหิตที่ไหลออกมาแต่ปราณก่อเกิดยังออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แม้กระทั่งแก่นกำเนิดพลังในร่างของเขาก็เริ่มสั่นไหวราวกับใกล้จะรั่วไหลออกมา

เกิดอะไรขึ้น!

เขายกฝ่ามือขึ้นมาดูและพบว่าบาดแผลของเขานั้นมีสีดำสนิทราวกับขุมนรกที่ลึกจนมองไม่เห็นก้น

ท่าไม่ดีแล้ว!

เหวยเชินเลิกคิดถึงเรื่องหลิงฮันและรีบนั่งลงเพื่อยับยั้งบาดแผล ไม่เช่นนั้นหากปล่อยไว้ทั้งโลหิต พลังปราณและพลังชีวิตของเขาคงแห้งเหือดไม่เหลือ

หลิงฮันเก็บดาบไม้ เขาเลือกที่จะไม่ใช้หยดวารีอมตะและรุดหน้าไปยังลานประลอง

ณ เวลานี้ผู้อาวุโสบนลานประลองกำลังจะเอ่ยกล่าว “ในเมื่อหลิงฮันละทิ้งการประลอง ข้าขอประกาศให้ผู้ชนะในการประลองศิษย์ใหม่ในครั้งนี้คือ…”

“ใครบอกว่าข้าละทิ้งการประลอง?” ตุบ ร่างของหลิงฮันพุ่งทะยานขึ้นมาบนลานประลอง จิตวิญญาณสู้รบของเขาลุกโชนราวกับเปลวเพลิง