บทที่ 936 ปัญหาในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
เมื่อหลิงตู้ฉิงผ่านประตูเคลื่อนย้ายไปปรากฏที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน เขาก็ได้พบว่าบรรยากาศของที่นี่กำลังอยู่ในความตึงเครียด ซึ่งมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามมู่เฉียนหลิงทันทีเมื่อพบหน้า “พวกเจ้ากำลังมีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
“ผู้เยาว์ขอคารวะบรรพบุรุษเฒ่า ดีจริง ๆ ที่ท่านมาในตอนนี้!” มู่เฉียนหลิงรีบคุกเข่าคารวะ
หลิงตู้ฉิงส่งสัญญาณให้นางลุกขึ้นยืนและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าเป็นเพราะอาจารย์ของเจ้าขึ้นไปบนโลกเบื้องบนแล้วมันจึงมีคนใช้โอกาสนี้มารังแกใช่ไหม? ไหนลองบอกข้ามา ข้าจะได้ช่วยเจ้าสะสางปัญหาให้”
มู่เฉียนหลิงยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “มันเป็นแบบนั้นจริงบรรพบุรุษเฒ่า แต่ยังโชคดีหน่อยที่ท่านอาจารย์ทิ้งอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ให้กับพวกเราหลายชิ้นเพื่อเอาไว้ใช้ปกป้องตัวเองแถมยังมีมหาค่ายกลใหม่ที่ท่านอาจารย์ตระเตรียมเอาไว้ให้ ไม่เช่นนั้นป่านนี้พวกเราคงแย่กันไปแล้ว”
“ฝั่งตรงข้ามเป็นใครกัน?” หลิงตู้ฉิงถามกลับ
มู่เฉียนหลิงถอนหายใจและพูดว่า “คนส่วนหนึ่งเป็นผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมาอ้างว่าท่านอาจารย์ของข้าเคยเป็นคนของพวกเขา ดังนั้นทรัพย์สมบัติที่ท่านอาจารย์มีก็ต้องเป็นของพวกเขาเช่นกัน และมันยังมีผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนของสำนักอื่นที่มาข่มขู่ให้พวกเรามอบตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนให้กับเขาอีกต่างหาก”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและถามอีกรอบ “เจ้าพอจะรู้ไหมว่าคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่มาเป็นใคร และคนของสำนักอื่น ๆ ที่มาร่วมด้วยพวกมันมาจากสำนักไหน?”
“ข้าไม่แน่ใจว่าคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นเป็นใคร แต่ผู้ส่งสาสน์ที่มาจากโลกเบื้องบนผู้นั้นเป็นคนของสำนักกระบี่สวรรค์ ซึ่งท่าทีที่เขาแสดงออกนั้นหยิ่งผยองเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังโชคดีที่ท่านอาจารย์ได้ทิ้งสมบัติเอาไว้มากมาย ซึ่งมันทำให้พวกเราพอที่จะต้านทานพวกเขาได้ อันที่จริงในตอนแรกข้าเองก็คิดว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากสำนักกระบี่เอกภพอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อเห็นว่าพวกที่มานั้นมีผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนมาด้วยข้าจึงเลือกที่จะไม่ลากท่านปู่ให้มาร่วมเดือดร้อนด้วย” มู่เฉียนหลิงตอบกลับด้วยสีหน้าภาคภูมิใจเล็กน้อย
ในตอนนี้มู่เฉียนหลิงไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมที่ไร้เดียงสาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้นางมีความสามารถมากพอที่จะดูแลคนทั้งตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะผลงานที่นางสามารถทำให้ผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนของสำนักกระบี่สวรรค์ล่าถอยไปได้ มันก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่านางมีคุณสมบัติดีพอกับตำแหน่งเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เดี๋ยวข้าจะจัดการกับผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนของสำนักกระบี่สวรรค์ให้เอง ข้ารับประกันว่าคนของสำนักกระบี่สวรรค์จะไม่มีวันกล้าโผล่หน้ามาหาเจ้าอีกแน่นอน!”
การฆ่าผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนของสำนักกระบี่สวรรค์นั้นแน่นอนว่าหลิงตู้ฉิงจะได้เต๋ากระบี่มาแน่นอน ซึ่งเขาสามารถนำมันไปให้กับจ้าวเหมิงลู่ได้ แต่มันก็ยังมีสิ่งที่เขากังวลอยู่ก็คือ ดูเหมือนว่าผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนของสำนักกระบี่สวรรค์ผู้นี้น่าจะไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไหร่นัก เพราะมู่เฉียนหลิงสามารถทำให้เขาล่าถอยไปได้อย่างไม่ยากเย็นจากคำบอกเล่าที่เขาฟังมา
ถ้าหากผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนของสำนักกระบี่สวรรค์ผู้นี้ไม่แข็งแกร่ง มันก็แปลว่าเต๋าของเขาก็ไม่แข็งแกร่งเช่นกัน ซึ่งมันจะกลายเป็นผลเสียต่อจ้าวเหมิงลู่ในอนาคต
แต่แล้วในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันยังไม่จบ คนกลุ่มหนึ่งก็มาตะโกนโหวกเหวกอยู่ที่ด้านนอกตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน “นังหนู รอบที่แล้วข้าเตรียมตัวมาไม่ดีสักเท่าไหร่ข้าเลยทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้ แต่รอบนี้มันไม่เหมือนกับรอบที่แล้วแน่นอน ข้าแนะนำให้เจ้ารีบถอนม่านพลังนี้ให้ข้าซะดี ๆ ไม่อย่างนั้นอย่าได้โทษข้าที่ต้องโหดร้ายกับพวกเจ้า!”
มู่เฉียงหลิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังออกมา
นางเพิ่งจะเล่าเรื่องคนกลุ่มนี้ให้กับบรรพบุรุษผู้ไร้เทียมทานของนางฟังไปหมาด ๆ นางไม่นึกเลยว่าพวกโง่เหล่านี้จะมารนหาที่ตายถึงที่โดยที่บรรพบุรุษของนางไม่จำเป็นต้องเสียแรงไปตามหาเลย
มู่เฉียนหลิงและหลิงตู้ฉิงเดินออกจากตำหนักออกไปดูผู้มาเยือนทันที
“บรรพบุรุษเฒ่า เป็นพวกมันนี่แหละ!” มู่เฉียนหลิงเอ่ยขึ้นพลางชี้ไปที่ชายวัยกลางคนที่ลอยอยู่บนฟ้า “ไอ้คนชุดสีเงินออกขาวคนนั้นนั่นแหละที่เป็นผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนของสำนักกระบี่สวรรค์ ส่วนคนอื่น ๆ ที่มารอบนี้พวกมันทั้งหมดเป็นคนของสำนักกระบี่สวรรค์ทั้งหมด”
หลิงตู้ฉิงมองไปยังกลุ่มคนที่ลอยอยู่บนฟ้า จากนั้นเขาบ่นขึ้นด้วยสีหน้าหดหู่ “แย่จริง ๆ เป็นแค่ร่างแยกของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นเองแถมน่าจะเป็นพวกยากจนอีกต่างหาก ไม่งั้นมันคงไม่อยากได้ตำหนักศักดิ์สิทธิ์เล็ก ๆ แบบนี้ถึงขนาดนี้”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ใช้พเนจรไร้จำกัดพุ่งไปปรากฏกายที่ตรงหน้าผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนของสำนักกระบี่สวรรค์ จากนั้นเขาพูดกับคนของสำนักกระบี่สวรรค์คนอื่น ๆ ว่า “ไอ้พวกยาจกจงรีบไสหัวกลับไปให้หมด ข้าให้เวลาพวกเจ้า 3 อึดใจเพื่อไปให้พ้นหน้าข้า ไม่งั้นข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด!”
ในเวลาเดียวกับที่เขาพูดขึ้น หลิงตู้ฉิงใช้เจตจำนงของเขาที่มีอำนาจมหาศาลเหนือกว่าระดับการบ่มเพาะของเขาเองตรึงร่างของผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนของสำนักกระบี่สวรรค์เอาไว้ และไม่นานต่อมาเขาก็สกัดกลั่นร่างของผู้ส่งสาสน์จนเหลือแต่พลังวิญญาณบริสุทธิ์และพลังเต๋าที่สถิตอยู่ในร่างแยก
หลิงตู้ฉิงไม่อยากเสียเวลาให้มากมายนักกับผู้เชี่ยวชาญระดับต่ำ ๆ ที่ไร้ค่าแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงลงมือสังหารทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ทางด้านของผู้คนสำนักกระบี่สวรรค์ในตอนแรกพวกเขากำลังจะตอบโต้กับคำพูดของหลิงตู้ฉิงที่ไล่ให้พวกเขาไสหัวกลับไป แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าผู้ส่งสาสน์ของพวกเขาเองถูกฆ่าอย่างง่ายดายราวกับไก่ตัวหนึ่ง พวกเขาจึงรีบแยกย้ายกันหนีหายไปคนละทิศคนละทางด้วยความเร็วทั้งหมดเท่าที่พวกเขาพอจะทำได้
หลิงตู้ฉิงเก็บพลังวิญญาณบริสุทธิ์และเต๋าของผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนของสำนักกระบี่สวรรค์เอาไว้ จากนั้นเขาบินกลับมาหามู่เฉียนหลิง และพูดว่า “นังหนู หากเจ้าโดนพวกผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนไม่ว่าจะมาจากสำนักไหนรังแกอีก เจ้าจงส่งข่าวให้ข้ารู้ในทันที ในเวลานี้ข้ากำลังมีภารกิจไล่ฆ่าไอ้พวกนี้อยู่ แต่ถ้าเจ้าติดต่อข้าไม่ได้ เจ้าก็จงส่งข่าวไปที่อาณาจักรจันทราแล้วเดี๋ยวจะมีคนมาช่วยเจ้าเอง”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงหยิบแผ่นหยกหลายแผ่นขึ้นมา จากนั้นเขาวาดอักขระลงไปบนมันและยื่นให้กับมู่เฉียนหลิง “จงหักพวกมันเมื่อเจ้าเจอกับพวกผู้ส่งสาสน์ที่มาจากโลกเบื้องบน แต่ถ้าหากผ่านไปนานเกินกว่า 1 ปีแล้วข้ายังไม่มา เจ้าก็จงส่งข่าวไปที่อาณาจักรจันทราแทน”
“ขอบคุณบรรพบุรุษ!” มู่เฉียนหลิงรีบรับแผ่นหยกทั้งปึกมาจากหลิงตู้ฉิงทันที
ถึงแม้ว่าในเวลานี้พวกสำนักกระบี่สวรรค์จะโดนขับไล่ออกไปหมดแล้ว ซึ่งมันทำให้นางดีใจ แต่นางเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้กลัวหลิงตู้ฉิงอยู่ลึก ๆ เพราะความแข็งแกร่งของเขามันเกินอธิบายได้มากเกินไป
หลิงตู้ฉิงสัมผัสได้ถึงความกลัวของนางเหมือนกัน ซึ่งมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวด้วยความจนใจและพูดว่า “เจ้าไม่ต้องกลัวข้าหรอก เฮ้อ ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเจ้าก็จัดการธุระของเจ้าต่อไปก็แล้วกัน ข้าไปที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก่อนล่ะ”
เมื่อคิดดูแล้วว่าต่อให้ปลอบไปยังไงมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงเลือกที่จะจากไปทันที และมุ่งหน้าไปที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์โดยตรง
แต่แล้วเมื่อเขาไปถึงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ได้เห็นว่าบรรยากาศที่เคยดูมีชีวิตชีวาก่อนหน้านี้ของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์นั้นหายไปจนหมด แถมทุกอย่างยังดูเงียบสงัดเหมือนกับว่าพวกเขาได้ยกเลิกแผนการยึดอาณาเขตรอบ ๆ ไปจนหมดแล้ว
เห็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ทันที
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงมาหา มู่หลงหยานรีบพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนกทันที “เจ้ามาที่นี่ทำไมกัน? ตอนนี้สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์กำลังไม่ปลอดภัย เจ้าควรรีบออกไปเดี๋ยวนี้!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เป็นเพราะผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนของพวกเจ้าใช่ไหม?”
มู่หลงหยานยิ้มอย่างขมขื่นและตอบกลับว่า “ผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนที่ลงมาเป็นคนของตระกูลหานและเมื่อได้รับการหนุนหลังจากผู้ส่งสาสน์ ตระกูลหานก็กลายเป็นผู้ที่กุมอำนาจสำนักในเวลานี้ ซึ่งสามีของข้าในเวลานี้จึงกลายเป็นแค่เจ้าสำนักแค่ในนามไม่มีอำนาจอะไรเลย แล้วเจ้าที่เคยมีปัญหากับพวกเขากลับมาในเวลานี้ข้าเกรงว่าพวกเขาน่าจะเอาเรื่องกับเจ้าแน่นอนหากพวกเขารู้ว่าเจ้ามา!”