บทที่ 936 เดอะวิวซีเกิดความวุ่นวายโกลาหลขึ้นแล้ว

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 936 เดอะวิวซีเกิดความวุ่นวายโกลาหลขึ้นแล้ว

สุดท้ายแสนรักก็ไม่ได้ตอบคำถามนี้

เขาเป็นใครไม่สำคัญ

ที่สำคัญคือ เขาจะไม่ยอมให้พวกเขามีชีวิตรอดออกมาดูดวงอาทิตย์เหนือศีรษะก็พอแล้ว

แสนรักออกมาจากไวท์ พาเลซ พร้อมด้วยไชยันต์ที่ยังหมดสติไม่ฟื้น ยังมีไชกุที่โดนลากมาเหมือนสุนัขไร้ชีวิตตัวหนึ่ง

“คุณท่าน—-“

“คุณปู่!!”

รองผู้นำเดชากับม็อกโกที่ยังยืนรออยู่ด้านนอกตลอดหลังจากที่เห็นฉากนี้แล้ว ทั้งสองคนก็รีบพุ่งเข้ามาหาโดยทันที

จากนั้น เมื่อทั้งสองคนมาถึงตรงหน้าแล้ว ตอนที่ม็อกโกมองเห็นพ่อของตัวเอง เห็นเขาสภาพเหมือนกับลูกหมาตกน้ำและถูกองครักษ์สองนายของไวท์ พาเลซหิ้วแขนอยู่ แม้แต่จะยืนก็ลุกขึ้นไม่ไหว

เท้าของเขาก็หยุดก้าวลงในทันที ใบหน้านั้นขาวซีดไม่มีแม้แต่สีเลือด

“พาคนไปส่งโรงพยาบาลก่อนเถอะ มีเรื่องอะไรกลับไปแล้วค่อยว่ากันอีกที”

แสนรักมองดูสีหน้าท่าทางของเขาไว้ในสายตา ไม่รีบที่จะพูดถึงเรื่องนี้ และใช้สายตาอย่างเรียบง่ายส่งสัญญาณบอก

ดังนั้น องครักษ์สองนายของไวท์ พาเลซที่หิ้วแขนของไชกุอยู่นั้น ก็รีบนำเขาจับยัดใส่เข้าไปในรถของตระกูลเทวเทพพวกเขาทันที

ม็อกโก : “……”

ก็ยืนมองดูอย่างตะลึงอยู่สักพัก ถึงจะขึ้นรถไปด้วย

จากนั้น ในที่สุดกลุ่มคนเหล่านี้ก็ออกไปจากสถานที่นี้ และมุ่งตรงไปยังทางโรงพยาบาล

——

เดอะวิวซี

เส้นหมี่ในเวลานี้ หลังจากที่ถูกพิมเจ้า พาตัวกลับมาอย่างร้อนรน ก็ถูกอ้อมล้อมไว้ด้วยคนที่ยึดครองสถานที่นั้นทันที

ทำไมถึงบอกว่ายึดครอง?

เพราะว่า หลังจากที่ไชยันต์ไปแล้ว ไม่แต่เฉพาะมินตราเท่านั้นที่บุกเข้ามา เธอยังพาคนของตระกูลโชคศักดามาด้วย รวมทั้งคุณท่านแห่งตระกูลโชคศักดาที่เจอในงานเลี้ยงคืนวันนั้น

ในเวลานี้ ห้องรับแขกขนาดใหญ่ก็เต็มไปด้วยคนกลุ่มนี้!

“ฉันจะบอกแกให้นะ แกเลือกที่จะโทรศัพท์หาตาแก่นั่นตอนนี้แล้วบอกให้เขาพาคนกลับมาให้ฉัน หรือไม่แกก็บอกเขาว่า ตอนนี้ฉันจะหย่ากับลูกชายเขา นับแต่นี้ต่อไปตระกูลโชคศักดากับตระกูลเทวเทพจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก!”

ในห้องรับแขกนี้มินตราเป็นเหมือนกับผู้หญิงไร้เหตุผล เธอพาคนของตระกูลโชคศักดา และตะโกนคำรามใส่กัปตันทีมองครักษ์ของที่นี่ นิ้วมือคือแทบจะชี้เข้าถึงบนใบหน้าของเขาแล้ว

เธอยังกล้าใช้สิ่งนี้มาข่มขู่?

คือเธอเข้าใจว่า ไชยันต์เคารพนับถือต่อคุณท่านคนนี้ของตระกูลโชคศักดา ในความเชิดหน้าชูตาของบรรพบุรุษและวงศ์ตระกูล ยังคงพึ่งพาครอบครัวตระกูลโชคศักดาของพวกเธออยู่ใช่ไหม?

เส้นหมี่ที่มาถึงประตูด้านนอกแล้วได้ยินก็รู้สึกขำขัน

กัปตันทีมองครักษ์ก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ไร้เหตุผลเล็กน้อย แต่เขาเป็นแค่ลูกน้องของที่นี่ ก็ไม่ดีที่จะไปทะเลาะและฉีกหน้ากับลูกสะใภ้ของคุณท่านคนนี้

“คุณนายใหญ่ครับ คุณใจเย็นๆก่อน ผมบอกกับคุณแล้วว่าที่คุณท่านทำแบบนี้ ก็เพื่อช่วยคุณชายเล็ก อีกอย่าง พันโทม็อกกี้ก็ทำผิดจริงๆ เขาต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้”

“เพ้อเจ้อ!”

มินตราก็ด่าฉาดขึ้นมาอีกครั้ง : “ทำผิดอะไร? เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขาลำเอียงรักไอ้ลูกเหลือเดนนั่นมากกว่า!”

“……”

“ฉันพูดผิดงั้นเหรอ? เมื่อไม่นานมานี้ก็แย่งอำนาจดูแลของครอบครัวพวกเรากลับไป แล้วยกมันทั้งหมดให้กับไอ้ลูกเหลือเดนนั่น ตอนนี้มันสติมีปัญหาอาละวาดฆ่าคนตาย แกคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ เขายังหาแพะรับบาปตัวหนึ่งมาเพื่อปกป้องเขา!”

ผู้หญิงคนนี้พูดบิดเบือนความจริงจนถึงขั้นคำพูดเหล่านี้ก็พูดออกมาแล้ว

ใบหน้าของเส้นหมี่เขียวคล้ำลงไป

เธอก้าวเท้าเข้ามา คิดอยากจะสั่งสอนผู้หญิงคนนี้ แต่ในเวลานี้ มีคนใช้คนหนึ่งที่อยู่ในห้องรับแขกทนฟังไม่ไหว และเอ่ยปากพูดขึ้นก่อนแล้ว

“คุณนายใหญ่ คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงกัน? เป็นคนในครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ทุบกระดูกหักแล้ว แต่ยังติดอยู่กับผิวหนังและเส้นเอ็นนะ คุณคิดว่าเขาเป็นคนโหดร้ายขนาดนั้น ต่อไปทุกคนจะใช้ชีวิตร่วมกันยังไง”

คำพูดของคนใช้คนนี้มีเหตุผลและมองโลกในแง่ดีมากๆ

แต่ หลังจากที่มินตราฟังแล้ว ทั้งหน้าทั้งตาหงิกงออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ก้าวเท้าตรงดิ่งไปยังตรงหน้าของคนใช้คนนี้ ง้างมือขึ้นแล้วฟาดลงไป

“เพียะ–”

“น้าแจ๋ว!”

เสียงตบหนึ่งที่ดังชัดแจ๋ว พร้อมกับเสียงอุทานตกใจของผู้คน!

เส้นหมี่ที่เพิ่งจะก้าวเท้าเข้ามา ทันใดนั้นก็เห็นคนใช้คนหนึ่งในท่ามกลางผู้คนกำลังเอามือกุมหน้าตัวเองไว้แล้วเซไปข้างหลังหลายก้าว ถ้าหากไม่ได้คนที่อยู่ด้านข้างเธอประคองเอาไว้อย่างทันเวลา

ก็เกรงว่า เธอจะเซล้มลงไปกับพื้น

นางผู้หญิงบ้าคนนี้!

เส้นหมี่รีบก้าวเท้ายาวๆ เข้ามา เมื่อตอนที่ผู้หญิงคนนี้ยังคงตะโกนด่าอยู่นั้น เธอจึงเอ่ยปากตะคอกขึ้นมา : “คุณมินตรา คุณกำลังทำอะไรอยู่คะ? คุณคิดว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้วใช่ไหม?”

“……”

ตำหนิด้วยน้ำเสียงอันดุดัน ทันใดนั้นทุกคนที่อยู่ในห้องรับแขกแห่งนี้ต่างพากันมองมาที่เธอ

รวมทั้งมินตราที่เพิ่งจะตบคนไปเมื่อสักครู่

เส้นหมี่?

เธอกล้ามาเหรอ? อีกทั้งยังใช้น้ำเสียงอย่างนี้มาสั่งสอนเธอ?

เธอคิดว่าเธอเป็นคุณนายหญิงแห่งตระกูลเทวเทพแล้วจริงๆ งั้นเหรอ

ผู้หญิงคนนี้นึกเรื่องเมื่อสองวันก่อนออก ไฟโมโหในทรวงอกก็ยิ่งแรงขึ้น สีหน้าบนใบหน้าก็ยิ่งดุร้ายน่ากลัวมากขึ้น

“เส้นหมี่ แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? กล้าดียังไงมาสั่งสอนฉัน?”

“เดี๋ยวฉันค่อยคิดให้คุณ!”

เส้นหมี่โยนไม่กี่คำนี้ออกไปให้เธอ ก้าวเท้าเดินไปทางคนใช้ที่โดนตบทางนั้น

“น้าแจ๋ว น้าเป็นอะไรไหมคะ?”

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณผู้หญิง”

น้าแจ๋วที่โดนตบไปหนึ่งที เห็นว่าคุณผู้หญิงคนนี้เข้ามา ถึงแม้ว่าแก้มครึ่งใบหน้าจะรู้สึกร้อนผ่าวอยู่ แต่เธอยังคงส่ายหน้าด้วยน้ำตาคลอเบ้า

เส้นหมี่จึงให้คนใช้คนอื่นส่งเธอลงไป

เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว เธอจึงหันตัวกลับมา สายตาเย็นเฉียบมองไปยังผู้หญิงบ้าที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก