บทที่ 816 มาสาย

The king of War

เย่ชังพูดต่ออีกว่า “เมื่อได้พึ่งเรือใหญ่อย่างตระกูลเฉา มูลค่าการตลาดของแมมบ้าแดงน่าจะพุ่งสูงขึ้นเกือบแสนล้านเลยมั่ง?”

“นั่นก็คือ เมื่อหุ้นของแมมบ้าแดงถูกแบ่งสรรปันส่วนใหม่ หุ้นที่อยู่ในมือของทุกคนจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากหลายล้านไปจนถึงหลายสิบล้าน”

เย่ชังเก่งในการใช้ประโยชน์จากจิตใจคน เดิมทีคนเหล่านี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแมมบ้าแดงเลย

แต่หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเขา คนในที่ประชุมต่างก็พาตัวเองเข้าสู่สถานะผู้ถือหุ้นของแมมบ้าแดงแล้ว

“ใช่ การได้เซ็นสัญญาความร่วมมือกับเฉาซื่อกรุ๊ปถือได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ของแมมบ้าแดง การประชุมที่สำคัญขนาดนี้ยังมาสายไปครึ่งชั่วโมง แบบนี้ต้องไล่ออกตามกฎบริษัท”

“ใช่แล้ว มาสายไปครึ่งชั่วโมง ต้องไล่ออก! ”

“ผมขอเสนอให้เย่ชังดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของแมมบ้าแดง รับผิดชอบดูแลเรื่องของบริษัททั้งหมด! ”

ทันใดนั้น ทุกคนในห้องประชุมต่างก็กระตือรือร้นขึ้นมาอยากจะโยนฉินซีออกไปจากหน้าต่างห้องประชุมตอนนี้

เย่หัวรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเมื่อเห็นฉากนี้

เขารู้ดีว่าตอนนี้ผู้บริหารระดับสูงกว่าครึ่งของแมมบ้าแดงกรุ๊ปอยู่ข้างเย่ชังแล้ว

เกรงว่า ถึงแม้เย่ม่านจะปรากฎตัวก็ยากที่จะควบคุมสถานการณ์ได้

ส่วนฉินซี เธอไม่ใช่คนในตระกูลเย่ ยิ่งเป็นไม่ได้เลยที่จะพลิกสถานการณ์ได้

“คุณฉิน คุณไม่คิดจะออกไปเองเหรอ? หรือว่าคุณกำลังรอให้รปภ.โยนออกไป?”

เย่ชังเอนตัวบนเก้าอี้อย่างสบายใจ หัวเราะเหอะๆมองไปที่ฉินซีแล้วถามขึ้น

“ไสหัวออกไป! ”

“แมมบ้าแดงกรุ๊ปไม่ต้องการผู้หญิงนอกตระกูล”

“ฉินซี รีบไสหัวออกไปจากแมมบ้าแดงกรุ๊ป! ไม่อย่างนั้นพวกเราจะไม่เกรงใจแล้วนะ! ”

ฉินซีถูกกลุ่มคนโจมตีทันใด

แม้แต่เย่หัวก็ยอมแพ้และปล่อยให้ทุกคนเอะอะโวยวาย

แต่สีหน้าของฉินซีกลับสงบนิ่งมาก มองตรงไปที่เย่ชัง “ฉันอยากถามอะไรคุณหน่อย ถ้าจะบอกว่าเป็นเพราะพวกคุณแจ้งเวลาให้ฉันทราบผิด แล้วทำให้ฉันมาสายล่ะ?”

เย่ชังพูดโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยว่า “ถ้าหากเป็นเพราะพวกเราจริงๆ ก็ไม่ถือว่าคุณมาสาย พวกเรายินดีต้อนรับรักษาการแทนผู้จัดการใหญ่”

“ดี ในเมื่อคุณพูดแบบนี้แล้ว งั้นฉันก็สบายใจ”

ฉินซีพูดด้วยรอยยิ้ม จู่ๆ ก็ฉีกยิ้มมุมปาก

ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ๆ เย่ชังก็มีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี

เลขานุการที่แจ้งการประชุม 10 โมงกับฉินซีก็คือคนของเขา เขาเข้าใจว่าเรื่องนี้จัดการไว้โดยไม่มีช่องโหว่ นึกไม่ถึงว่ามีตรงไหนผิดพลาดไป

จู่ๆ เย่หัวดูเหมือนจะมองเห็นความหวัง ตั้งหน้าตั้งตารอ

คนอื่นๆ ก็พากันมองไปที่ฉินซี อยากจะเห็นว่าผู้หญิงคนนี้จะพิสูจน์ว่าเธอมาสายครึ่งชั่วโมงโดยไม่ใช่ความผิดของเธออย่างไร

“สวัสดีค่ะ นี่ใช่ฉินซี ประธานฉินหรือเปล่าคะ?”

“สวัสดีค่ะ ฉันเองค่ะ! ”

“คืออย่างนี้ค่ะ พรุ่งนี้เช้า 10 โมง ในห้องประชุมที่ชั้นบนสุดของแมมบ้าแดงกรุ๊ปจะมีการประชุมสามัญและขอเชิญประธานฉินเข้าร่วมการประชุมให้ตรงเวลาในวันพรุ่งนี้ด้วยค่ะ”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ!”

ในขณะที่ทุกคนต่างก็กำลังเดาว่าฉินซีจะพิสูจน์ตัวเองอย่างไร เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดคลิปเสียงโทรศัพท์ให้ฟัง

ทันใดนั้นในห้องประชุมขนาดใหญ่ก็เงียบกริบ

เย่ชังก็งงไปหมด ทำไมเขาถึงนึกไม่ถึงว่าฉินซีมีคลิปเสียงการสนทนา

ฉินซีพูดว่า “ฉันมีความเคยชินอยู่อย่างหนึ่ง ทุกครั้งที่คุยโทรศัพท์จะต้องอัดเสียงการสนทนา พอดีเลยที่ฉันก็อัดเสียงการสนทนาเรื่องการประชุมของเมื่อวานตอนเย็นไว้”

“ตอนนี้พวกคุณก็เชื่อได้แล้วสินะ ว่าฉันมาสายครึ่งชั่วโมงไม่ใช่เพราะฉัน?”

เย่หัวรีบพูดขึ้นว่า “นี่ไม่ใช่เพราะประธานฉิน ดังนั้น ตามกฎของบริษัทแล้ว ถ้าผู้ที่รับผิดชอบแจ้งข่าวประชุมสำคัญผิดพลาดในเรื่องของเวลาและสถานที่ จะต้องไล่ออกตามกฎของบริษัท”

“เย่ชัง คุณรับผิดชอบดูแลแผนกธุรการ งั้นเรื่องนี้คุณก็เป็นผู้รับผิดชอบใช่ไหม?”

“ในเมื่อคุณเอาแต่พูดว่าให้พวกเราทำตามกฎข้อบังคับของบริษัท ในตอนนี้ คุณก็ควรจะทำตามกฎไม่ใช่เหรอ? ”

เย่ชังงงไปหมด แผนการที่วางไว้ทั้งหมดกลับทำให้ตัวเองติดกับเสียเอง

ตอนนี้ เขาเหมือนกับคนยกหินทับเท้าตัวเอง

“เย่ชัง คุณไม่คิดจะออกไปเองเหรอ? หรือจะรอให้ฉันเรียกคนมาโยนคุณออกไป?”

ฉินซีพูดด้วยรอยยิ้ม ใช้คำพูดที่เย่ชังเพิ่งจะพูดกับเธอเมื่อกี้พูดกับเขาโดยไม่ตกหล่นสักคำ

เย่ชังโกรธและขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดว่า “เธอเป็นใคร ? ถึงกล้ามาไล่ฉันออกไปจากถิ่นฉัน ?”

เมื่อพูดจบ เย่ชังก็ตะโกนเสียงดัง “ใครก็ได้เข้ามาหน่อยสิ พาคนนอกที่มารบกวนการเข้าประชุมออกไปจากแมมบ้าแดง”

ทันทีที่เขาพูดจบ รปภ.สองคนในเครื่องแบบก็รีบวิ่งเข้ามาและเดินตรงไปที่ฉินซี

“เย่ชัง คุณจะทำอะไรน่ะ?”

เย่หัวโกรธขึ้นทันใด จากนั้นก็หันไปมองที่รปภ.และดุ “ออกไปจากที่นี่ซะ! ”

รปภ.ทั้งสองไม่โต้ตอบใดๆ ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ยินที่เย่หัวพูด พวกเขายังคงเดินไปที่ฉินซี

เย่ชังสีหน้าหยิ่งผยองและหัวเราะเยาะเย้ย “ เย่หัว คุณคิดว่าครั้งนี้ที่เย่ม่านถูกลอบสังหารและได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ยังจะกลับมาควบคุมตระกูลเย่ได้อีกเหรอ?”

“ฉันจะบอกคุณให้ว่า อย่าพูดถึงตระกูลเย่เลย แค่แมมบ้าแดงกรุ๊ปต่อจากนี้ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอแล้ว”

“ฉันคุยกับเฉาซื่อกรุ๊ปแล้ว ขอแค่เพียงฉันเป็นผู้นำตระกูลเย่ เป็นประธานกรรมการแมมบ้าแดงกรุ๊ป เฉาซื่อกรุ๊ปถึงจะยอมให้ความร่วมมือกับพวกเรา ”

“พูดให้ถูกก็คือ เพียงฉันได้เป็นผู้นำตระกูลเย่ ถึงจะทำให้ตระกูลเย่ได้ผลประโยชน์ถึงแสนล้านหยวน ฉันได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลเย่ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวังเช่นกัน ”

เดิมที เย่ชังไม่คิดที่จะเปิดเผยความทะเยอทะยานของเขาเร็วขนาดนี้ แต่ตอนนี้เขาต้องทำ

แมมบ้าแดงเป็นบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในตระกูลเย่ พูดได้ว่าใครก็ตามที่ควบคุมแมมบ้าแดงกรุ๊ปก็สามารถควบคุมทั้งตระกูลเย่ได้

ดังนั้น เขาไม่เพียงแต่ต้องการตำแหน่งผู้จัดการใหญ่แมมบ้าแดง แต่ต้องการตำแหน่งประธานกรรมการ

คนในที่ประชุมต่างก็เป็นคนในตระกูลเย่ หลังจากได้ยินคำพูดของเย่ชังต่างก็ตกใจมาก

เย่ชังพูดต่อว่า “เพียงแค่ฉันเป็นผู้นำตระกูลเย่ พวกเราก็สามารถเป็นพาร์ทเนอร์กับเฉาซื่อกรุ๊ปแล้ว ต่อจากนี้ตระกูลเย่ สถานะในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูก็จะสูงขึ้นด้วย”

“แน่นอนว่าสถานะของตระกูลเย่ที่สูงขึ้น จะทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี่จะได้รับผลประโยชน์มหาศาล ฉันคิดว่า ทุกคนคงไม่คัดค้านที่จะให้ฉันเป็นผู้นำตระกูลเย่ใช่ไหม?”

“ในเมื่อฉันเป็นผู้นำตระกูลเย่ ถ้าอย่างนั้นฉันก็มีคุณสมบัติที่สุดที่จะเป็นประธานกรรมการของแมมบ้าแดงกรุ๊ป ?”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ความโกลาหลที่เกิดขึ้นในห้องประชุมก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครกล้ายืนขึ้นและสนับสนุน เย่ชัง

เมื่อกี้ที่กล้าสนับสนุนเย่ชัง เพราะว่าเขาไม่ได้แสดงออกมาว่าเขาอยากจะเป็นผู้นำตระกูล

ตามกฎของตระกูล ตำแหน่งผู้นำตระกูลต้องได้รับการแต่งตั้งจากผู้นำตระกูลเท่านั้น หากกล้ารวมกลุ่มกันในตระกูลและแย่งชิงอำนาจจะมีโทษประหารชีวิต

ในตอนแรกที่เย่ม่านได้เป็นผู้นำตระกูล เพราะว่าเธอประสบความสำเร็จ ถ้าหากล้มเหลว เธอก็ตายสถานเดียว

เป็นเพราะว่าพวกเขารู้ดีว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงขนาดไหน ดังนั้น จึงไม่มีใครกล้าแสดงจุดยืนเป็นคนแรก

เย่หัวพูดด้วยความโกรธว่า “เย่ชัง คุณกำลังพยายามจะทำลายตระกูลเย่เหรอ? ผู้นำยังอยู่ที่โรงพยาบาล แต่คุณอยากเป็นผู้นำตระกูล คุณยังเคารพกฎเกณฑ์ของตระกูลบ้างไหม? คุณยังเห็นผู้นำอยู่ในสายตาไหม?”

“เย่หัว อย่าพูดให้ดูสูงส่งขนาดนั้นเลย ใครๆก็รู้ว่าเย่ม่านได้เป็นผู้นำตระกูล ก็เพราะถูกบีบบังคับ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ตำแหน่งผู้นำตระกูลเย่ก็ควรจะเป็นของฉัน! ”