เมื่อเห็นท่าทีหยิ่งผยองของผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ หลิงตู้ฉิงประกาศสงครามทันทีโดยไม่จำเป็นต้องคิดอะไรต่อ

เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ของหลิงตู้ฉิง ผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนไม่รู้สึกประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันเขากลับตอบกลับด้วยสีหน้าขบขันว่า “ในเมื่อผู้อาวุโสประกาศสงครามกับสำนักของข้าเช่นนี้ แล้วงั้นขอให้ข้าเป็นคนแรกที่ได้ทำการรบกับผู้อาวุโสก็แล้วกัน!”

ในระหว่างที่พูด เขาได้ทำการลงมือเรียบร้อยแล้วเพื่อไม่ให้หลิงตู้ฉิงตั้งตัวได้ทัน

กระบี่ยักษ์สีทองจู่ ๆ ก็พุ่งลงมาจากฟากฟ้าและในเวลาเดียวกันยังมีเสาเพลิงที่ปะทุขึ้นจากใต้ดิน แถมยังมีก้อนหินขนาดยักษ์ที่จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นรอบข้างโจมตีขนาบหลิงตู้ฉิงจากทุกทิศทาง

การโจมตีต่าง ๆ นี้บังเกิดขึ้นในเวลาพร้อม ๆ กันจนสามารถมองออกได้ในทันทีว่ามันเป็นการโจมตีที่เตรียมเอาไว้ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว

แต่การโจมตีเหล่านี้จะทันความเร็วของหลิงตู้ฉิงได้ยังไง? เขาใช้พเนจรไร้จำกัดหลบหลีกพวกมันได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเมื่อเขาเห็นว่าทั่วบริเวณสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอักขระมากมายปรากฏขึ้น หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นทันทีว่า “ข้าก็สงสัยอยู่ตั้งนานว่าเป็นใคร ที่แท้เจ้าก็คือไอ้เด็กน้อยที่เขาว่ากันว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะในรอบแสนปี และได้ฉายาจักรพรรดิอักขระนี่เอง!”

จักรพรรดิอักขระหัวเราะ “ข้ารู้สึกเป็นเกียรติจริง ๆ ที่ผู้อาวุโสจำชื่อของข้าได้ด้วย แต่ว่าผู้อาวุโสอาจจะไม่รู้ว่าในตอนนี้พวกข้าได้คิดค้นวิธีการแก้ทักษะเขตแดนประกาศิตกับทัณฑ์ฟ้าดินของท่านได้แล้ว”

“ตัวข้านั้นสามารถใช้อักขระของเต๋าแบบใดก็ได้ ดังนั้นต่อให้ท่านจะโมฆะเต๋าได้แต่ท่านมีอำนาจพอจะโมฆะเต๋าทั้ง 3,000 เต๋าได้พร้อม ๆ กันรึเปล่า? ส่วนทัณฑ์ฟ้าดิน ตอนนี้ร่างกายของข้าได้หลอมรวมจนเป็นหนึ่งเดียวกับพลังแห่งกฎที่อยู่ในบริเวณรอบ ๆ ไปแล้ว ซึ่งข้าคิดว่าในตอนนี้ผู้อาวุโสคงยังจับตัวตนของข้าไม่ได้ใช่ไหมว่าร่างของข้านั้นหลอมรวมเข้ากับกฎอะไร? เมื่อท่านไม่เห็นข้า ท่านจะฆ่าข้าได้ยังไงจริงไหมผู้อาวุโส?”

ในตอนนี้ร่างของจักรพรรดิอักขระได้หลอมรวมเข้ากับพลังแห่งกฎที่อยู่บริเวณรอบ ๆ จนไม่อาจเห็นร่างของเขาได้อีกแล้ว ซึ่งมีแต่เสียงของเขาเท่านั้นที่หลิงตู้ฉิงยังคงได้ยิน

“หลอมรวมเข้ากับพลังแห่งกฎงั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “นี่เจ้าคิดจริง ๆ งั้นเหรอว่าเจ้าจะรอดพ้นเงื้อมมือของข้าได้? เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตั้งแต่แรกเริ่มเจ้าได้เข้ามาอยู่ในอาณาเขตสวรรค์ของข้าเรียบร้อยแล้ว และในตอนนี้หากข้าจะให้เจ้าตายมันก็ง่ายพอ ๆ กับพลิกฝ่ามือ!”

จักรพรรดิอักขระหัวเราะล้อเลียน “ผู้อาวุโส นี่ท่านเกิดใหม่กลายเป็นคนเลอะเลือนงั้นเหรอ? ข้าเนี่ยนะอยู่ในอาณาเขตสวรรค์ของท่าน? ”

จักรพรรดิอักขระไม่เชื่อแน่นอน เพราะเขาไม่เห็นอาณาเขตสวรรค์ของหลิงตู้ฉิงในบริเวณรอบ ๆ เขาแม้แต่น้อย

หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสำหน้าเย็นชา “เจ้าไม่เชื่อข้างั้นเหรอ? ถ้างั้นข้าจะแสดงให้เจ้าดู จงปรากฏกายออกมาให้ข้าเชือดซะ!”

เมื่อพูดจบ ร่างของจักรพรรดิอักขระที่หลอมรอมเข้ากับหนึ่งในกฎของสวรรค์และโลกก็ถูกพลังกฎนั้นขับไล่ออกมาในทันที และยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่สามารถใช้พลังแห่งกฎใด ๆ ได้อีกต่อไปราวกับว่าร่างของเขาถูกตัดขาดจากฎทั้งมวล

หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่จักรพรรดิอักขระด้วยสีหน้าเย็นชาและพูดว่า “ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมคนอื่น ๆ ทุกคนถึงได้มองว่าข้าใช้เป็นแค่ทักษะ เขตแดนประกาศิต และ ทัณฑ์ฟ้าดิน พวกเจ้านึกกันไม่ได้รึไงว่าที่มาเกิดใหม่แถมเปลี่ยนเส้นทางการบ่มเพาะแล้วจะใช้เป็นอยู่แค่ทักษะเดิม ๆ ได้ยังไง? พวกเจ้าคิดว่าข้าจะไม่พัฒนาบ้างเลยงั้นเหรอ?”

“แต่ก็ช่างเถอะ ไม่ว่ายังไงมันก็ถือว่าเจ้าโชคดีจริง ๆ ที่เป็นคนแรกที่ได้ลิ้มรสทักษะใหม่ของข้าในชีวิตนี้นี่คือ จองจำฟ้าดิน! อันที่จริงทักษะนี้มันค่อนข้างไร้ประโยชน์กับผู้อื่น แต่สำหรับพวกเจ้าเหล่าผู้ใช้อักขระที่สามารถยืมพลังแห่งกฎทั้งหลายมาใช้ได้ทักษะนี้ของข้าคือของแสลงต่อพวกเจ้า!”

อาณาเขตสวรรค์ของหลิงตู้ฉิงมีอำนาจบงการพลังแห่งกฎได้ทุกรูปแบบที่มีอยู่ในโลกอยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ยากเลยที่หลิงตู้ฉิงจะรู้ว่าร่างของจักรพรรดิอักขระนั้นหลอมรวมเข้ากับกฎใดอยู่ และสามารถบังคับให้กฎนั้นปฏิเสธจักรพรรดิอักขระได้อย่างง่ายดาย

ส่วนสาเหตุที่จักรพรรดิอักขระไม่สามารถมองเห็นอาณาเขตสวรรค์ของหลิงตู้ฉิงได้นั้นเป็นเพราะ ก่อนหน้านี้หลิงตู้ฉิงได้สำเร็จเต๋าอารมณ์อย่างสมบูรณ์แล้ว แถมเขายังใช้แก่นแท้พลังอัสนีและแก่นแท้พลังอัคคีหลอมรวมเข้าไปในมันจนทำให้มันกลายเป็นหนึ่งเดียวกับโลกมากขึ้น บวกกับอำนาจของมันก็เพิ่มขึ้นอีกหลายสิบเท่าจนแม้แต่ถ้าเป็นร่างหลักของเขามาเองก็ไม่อาจสัมผัสได้ถึงมันด้วยซ้ำ

ในเวลานี้สีหน้าของจักรพรรดิอักขระกลายเป็นตะลึงค้าง เพราะเขาไม่นึกเลยว่าหลิงตู้ฉิงจะมีทักษะที่โกงกว่าเดิมปรากฏขึ้น!

ในตอนนี้เมื่อเขาหมดมุกที่จะใช้กับหลิงตู้ฉิงแล้ว ท่าทีของเขาจึงเปลี่ยนไปไม่ดูหยิ่งผยองเหมือนในตอนแรกอีกแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นเขารู้ตัวดีว่าเมื่อตอนนี้ร่างกายของเขาถูกเปิดเผย มันก็หมายความว่าหลิงตู้ฉิงจะใช้ทัณฑ์ฟ้าดินฆ่าเขาเวลาไหนก็ได้ แถมเขายังอดไม่ได้ที่จะรู้สักอับอายเพราะตั้งแต่แรกเริ่มเขาวางท่าใหญ่โตราวกับว่าเป็นผู้ชนะต่อหน้าฝั่งตรงข้ามทั้ง ๆ ที่จริงแล้วเขาไม่ต่างอะไรกับตัวตลกเลย!

หลิงตู้ฉิงมองไปที่สีหน้าอับอายของจักรพรรดิอักขระด้วยสายตาเย้ยหยัน และพูดว่า “เจ้ากับสำนักของเจ้านั้นกล้าดีมากที่ท้าทายข้าแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ทั้งโลกไม่มีใครเขากล้าทำกัน แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อข้าได้ประกาศสงครามกับเจ้าไปแล้ว เจ้าก็เอาข่าวนี้ไปบอกกับไอ้พวกหัวหงอกที่อยู่บนโลกเบื้องบนด้วยว่าให้พวกมันเตรียมตัวให้ดี ๆ เมื่อไหร่ที่ข้ากลับไปถึงตำหนักไร้หทัย เมื่อนั้นมันจะเป็นเวลาที่ข้าเปิดศึกกับพวกเจ้าอย่างเป็นทางการ ไม่สิ พวกเจ้าวางแผนกันมาขนาดนี้พวกเจ้าคงเตรียมการกันพร้อมแล้วใช่ไหม?”

จักรพรรดิอักขระคุกเข่าลงและรีบพูดขึ้นทันที “ผู้อาวุโส ข้าผิดไปแล้วข้าไม่ควรล่วงเกินท่านเลย ท่านให้โอกาสข้าสักครั้งเถอะ!”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ในเมื่อเจ้าได้เห็นทักษะจองจำฟ้าดินของข้าไปแล้ว เจ้าควรจะรู้ว่าคำพูดของข้านั้นมีค่าแค่ไหน เอาล่ะ อันดับแรกเจ้าจงตายไปก่อน ส่วนเรื่องอื่น ๆ เอาไว้พวกเราค่อยมาสะสางกันในอนาคต”

จักรพรรดิอักขระที่เหลือแต่ระดับการบ่มเพาะคอยเกื้อหนุนถูกเจตจำนงของหลิงตู้ฉิงสังหารทันที