ด้วยความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของกู่ต้าวอี้ เขาจึงไม่ต้องการใช้อุปกรณ์เซียนในการเอาชนะใครอื่น
ตัวเขาที่เคยเป็นถึงปรมาจารย์ของดินแดนแห่งเซียน ใช้ชีวิตทั้งเก้าชาติภพสร้างแก่นกำเนิดนิรันดร์ขึ้นในชีวิตที่สิบ ไม่ใช่ว่าในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้เขาสมควรบดขยี้ทุกคนได้อย่างง่ายดายหรอกรึ?
แต่ในกรณีของตอนนี้เขาคิดว่ามันแตกต่างออกไป
หลิงฮันจะต้องเป็นทายาทของตระกูลระดับสูงในดินแดนแห่งเซียนเป็นแน่ เบื้องหลังของอีกฝ่ายทรงพลังกว่าเขาหลายเท่า ดังนั้นหากเขาใช้อุปกรณ์เซียนก็ไม่ถือว่าผิดไม่ใช่รึไง?
เขาสะบั้นดาบเข้าใส่หลิงฮัน อำนาจของอุปกรณ์เซียนถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ร่างของหลิงฮันส่องแสงสว่างเจิดจรัสสีทอง แต่ดาบไม่พุพังในมือกลับตรงกันข้ามพลังงานชั่วร้ายได้เปลี่ยนท้องฟ้าให้กลายเป็นสีโลหิต รูปแบบอาคมอสูรส่องประกายพร้อมจิตสังหารอันน่าสะพรึง
ปัง!
ดาบของทั้งสองเข้าปะทะกัน ผู้คนรอบข้างรู้สึกได้ว่าภายในห้วงจิตวิญญาณของตนเองเกิดเสียงสั่นสะท้านราวกับแผ่นดินไหวจนจิตวิญญารแทบจะแหลกออกเป็นเศษซาก รูทวารทั้งเจ็ดบนร่างกายมีโลหิตหลั่งไหลออกมา
มีเพียงจักรพรรดินีคนเดียวที่ยังคงยืนแน่นิ่งไม่หวั่นไหว นางถือหินต้นกำเนิดสวรรค์เอาไว้ในมือซึ่งช่วยดูดรับคลื่นปะทะทั้งหมดที่พุ่งเข้ามา
“ฮึ่ม!” กู่ต้าวอี้กำดาบไว้มือขวาฝในขณะที่มือซ้ายกางออกเป็นกรงเล็บฟันเข้าใส่หลิงฮัน ร่างแยกทั้งเก้าเองก็ลงมือจู่โจมหลิงฮันพร้อมกัน
หลิงฮันไม่หวั่นเกรง กายหยาบทองคำปลดปล่อยออร่าศักดิ์สิทธิ์อันไร้ก้นบึ้งออกมา
กายหยาบทองคำของหลิงฮันคือกายหยาบทองคำที่สมบูรณ์ที่สุดแตกต่างจากคนอื่น ต่อให้มันจะเทียบกับแก่นกำเนิดนิรันดร์ไม่ได้แต่ไม่ใช่กับร่างแยกทั้งเก้า เพราะอย่างไรร่างแยกทั้งเก้าก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจริงๆแต่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากทักษะยุทธ
‘ครืนนน’ แก่นกำเนิดนิรันดร์ส่องแสงสว่างเจิดจ้าราวกับดวงตะวัน ร่างแยกทั้งเก้าของกู่ต้าวอี้หยุดชะงักทันทีพร้อมกับดวงตากำลังถูกเผาไหม้
กู่ต้าวอี้เค้นเสียงด้วยความโกรธ ร่างแยกทั้งเก้าไม่ใช้สิ่งมีชีวิตดังนั้นพวกมันจึงรู้สึกเจ็บปวด แต่การที่ดวงตาของพวกมันถูกแผดเผาเช่นนี้ย่อมทำให้พลังต่อสู้ลดลงและเป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นฟูกลับมาในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
บัดซบ กายหยาบนั้นเป็นวาสนาที่ได้รับจากแผ่นหินทองคำ หากเขาได้มันมาล่ะก็แก่นกำเนิดนิรันดร์ที่ผสานรวมกายหยาบทองคำจะแข็งแกร่งขนาดไหน!
กู่ต้าวอี้กำหมัดซ้ายชกออกไปด้วยความอิจฉา
หลิงฮันไม่น้อยหน้า เขากำหมัดซ้ายและตอบโต้หมัดของอีกฝ่าย
ปัง! ปัง! ปัง!
ทั้งดาบทั้งหมัดของทั้งสองคนปะทะกันอย่างดุเดือด คลื่นแสงจากรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์และรูปแบบอาคมอสูรส่องประกายอย่างต่อเนื่อง
แก่นกำเนิดนิรันดร์นั้นน่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง หากเป็นคนอื่นที่แลกหมัดกับหลิงฮันล่ะก็ เพียงไม่กี่ลมหายใจร่างของคนคนนั้นก็คงแหลกเป็นเศษเนื้อไปแล้ว แต่กู่ต้าวอี้กลับสามารถต้านทานเอาไว้ได้
ไม่ใช่ว่าเขามีกายหยาบที่ไร้เทียมทานแต่เป็นแก่นกำเนิดนิรันดร์ที่น่าอัศจรรย์ มันสามารถดูดซับพลังทำลายที่สัมผัสโดนได้
“ฮ่าๆๆ หลิงฮัน กายหยาบของเจ้าน่าทึ่งก็จริง แต่แก่นกำเนิดนิรันดร์ของข้าไม่มีทางพ่ายแพ้เจ้า!” กู่ต้าวอี้แสยะยิ้ม
“งั้นรึ?” หลิงฮันกระตุ้นเพลิงเก้าสวรรค์
ในเมื่อรูปแบบอาคมทั้งสิบทำได้เพียงแค่เสมอกับกู่ต้าวอี้ เขาก็จำเป็นต้องใช้ไพ่ลับที่ทรงพลังที่สุด
เพลิงเก้าสวรรค์ หนึ่งในเพลิงบรรพบุรุษของดินแดนแห่งเซียน มาดูว่าแก่นกำเนิดนิรันดร์ของเจ้าจะถูกแผดเผารึไม่!
‘ครืน’ ชั้นเปลวเพลิงที่เบาบางและไร้สีใดๆปรากฏขึ้นบนหมัดของหลิงฮัน
ขนทั่วร่างของกู่ต้าวอี้ลุกชูทันใด หัวใจของเขาบีบรัดและรีบชักดาบกลับพร้อมกับล่าถอยอย่างรวดเร็ว ตอนนี้แม้แต่ปล่อยหมัดใส่หลิงฮันเขาก็ไม่กล้าอีกต่อไป
“อะ อะไรกัน…” เขาจ้องมองไปยังเพลิงบนหมดของหลิงฮัน แม้เขาจะเคยมีชีวิตเป็นถึงปรมาจารย์ระดับโลกียนิพพาน แต่เขาก็ไม่เคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของเพลเพลิงบรรพบุรุษ เขาเพียงแค่รู้สึกได้ว่าเปลวเพลิงตรงหน้านี้ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามสัมผัสมันเด็ดขาด
เขาอาจจะเคยได้ยินเพลิงบรรพบุรุษมาบ้าง แต่เรื่องที่ว่าเคยเห็นของจริงหรือเคยสัมผัสหรือไม่นั้นแน่นอนว่าตัวเขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เจ้าจะอายอะไรหนักนา มาสิ ลองมาลิ้มรสกับเพลิงนี้ดูเสียหน่อย”
ลองน้องสาวเจ้าน่ะสิ!
กู่ต้าวอี้สบถด่าในใจ สัญชาตญาณของเขาไม่เคยผิดพลาด เปลวเพลิงบนหมัดหลิงฮันนั้นสามารถเผาผลาญได้ทุกอย่างแม้จะเป็นแก่นกำเนิดนิรันดร์ของเขาก็ตาม
เขาเค้นเสียงและสะบั้นดาบโจมตี เขาไม่กล้าใช้ร่างกายสัมผัสกับเปลวเพลิงนั่นก็จริง แต่เจ้าล่ะกล้าใช้ร่างกายสัมผัสกับอุปกรณ์เซียนของข้ารึเปล่า?
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบไม่พุพังตอบโต้ กู่ต้าวอี้ในตอนนี้ใช้เพียงหมัดเข้าปะทะกับเขาโดยที่ไม่กล้ายื่นหมัดออกมาแม้แต่นิดเดียว
เขาจ้องมองหาโอกาส เพราะอย่างไรหากพวกเขายังคงปะทะการโจมตีกันก็ต้องเกิดช่องว่างเล็กน้อยให้เขาปล่อยหมัดจู่โจม
ร่างแยกทั้งเก้ายังคงปลดปล่อยทักษะออกมา แต่ดวงตาทั้งสองข้างของพวกมันใช้งานไม่ได้ชั่วคราว ทั้งการเล็งเป้าหมายและลงมือจึงได้เชื่องช้าเป็นอย่างมาก
หลิงฮันเมินเฉยร่างแรกทั้งเก้า เขาใช้ดาบไม้พุพังรับการโจมตีจากอุปกรเซียนและปล่อยหมัดที่ผสานเพลิงเก้าสวรรค์ออกไป แม้กู่ต้าวอี้จะหลบพ้น แต่คลื่นความร้อนก็ส่งผลกระทบจนทำให้คิ้วทั้งสองข้างและเส้นผมของเขาถูกแผดเผาไม่เหลือ
กู่ต้าวอี้ที่เคยเป็นบุรุษหล่อเหลา ตอนนี้ได้กลายเป็นบุรุษหัวล้านที่ไร้คิ้วไปแล้ว ภาพลักษณ์ของเขาในตอนนี้แปลกประหลาดเกินจะพรรณนา
“บัดซบ! บัดซบ!” กู่ต้าวอี้คำรามอย่างเคียดแค้น ถึงแม้เขาจะไม่สนใจภาพลักษณ์ภายนอกเท่าใด แต่ใครบ้างจะอยากเผยสภาพอันดูไม่ได้ให้กับคนอื่นเห็น?
และสิ่งที่เขาหวาดกลัวที่สุดก็คือพลังของแก่นกำเนิดนิรันดร์ใกล้จะแห้งเหือดแล้ว
ต้องรีบจบการประลองให้เร็วที่สุด
แต่เมื่อลองคิดดูแล้ว ปัญหาคือไม่ว่าจะเป็นไพ่ลับอันไหนก็ไม่ได้ผลทั้งนั้น
ทั้งร่างแยกเก้าร่าง อุปกรณ์เซียนหรือพลังของแก่นกำเนิดนิรันดร์ที่เป็นไพ่ลับที่แข็งแกร่งที่สุดล้วนแต่ถูกใช้ออกไปหมดแล้วก็ยังไม่สามารถเอาชนะหลิงฮันได้
“ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อีกรึ?” หลิงฮันหัวเราะ เขาอยากจะกำราบกู่ต้าวอี้ให้ราบคาบ แต่ว่าตัวเขานั้นเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับจึงไม่มีเวลาสลักรูปแบบอาคมระดับสิบห้า ไม่เช่นนั้นการประลองในวันนี้เขาคงคว้าชัยชนะได้อย่างง่ายดาย
แต่ไม่ว่าอย่างไรในการประลองนี้ก็มีกฎห้ามสังหารกันอยู่แล้ว เมื่อเขาสลักรูปแบบอาคมระดับสิบห้าทั้งสิบสำเร็จเมื่อไหร่เขาค่อยหาโอกาสสังหารกู่ต้าวอี้และนำแก่นกำเนิดนิรันดร์ไปให้ภรรยาสุดที่รักของเขาดูดซับ
กู่ต้าวอี้ไม่กล่าวตอบโต้ สถานการณ์ในตอนนี้เขาเป็นฝ่ายด้อยกว่าอย่างแท้จริง แต่ตราบใดที่ผลแพ้ชนะยังไม่ถูกตัดสิน ราชาเช่นพวกเขาก็จะไม่มีวันยอมแพ้และยืนหยัดจนถึงวินาทีสุดท้าย
“ข้าไม่คาดคิดเลยว่ากู่ต้าวอี้จะแพ้!”
“เขาเป็นถึงอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดของทุกยุคสมัย เขาควรจะไร้เทียมทานที่สุดในระดับพลังเดียวกันแท้ๆ!”
“นั่นหมายความว่าพรสวรรค์ไม่ใช่ทุกอย่าง”
“พะ… พวกเราเองก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุด!”
การโต้กลับมาเป็นฝ่ายเหนือกว่าอย่างองอาจของหลิงฮันทำให้จิตวิญญาณของทุกคนลุกโชน