บทที่ 938 ซื่อบื้อขนาดนี้แล้ว

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 938 ซื่อบื้อขนาดนี้แล้ว…..

เส้นหมี่รออยู่อย่างใจจดใจจ่อ

โชคดีก็คือ เมื่อตะวันตกดินไปแล้ว ในที่สุดก็มีคนกลับมาแล้ว

“พี่….ที่รัก คุณกลับมาแล้วเหรอ”

เธอมองดูผู้ชายที่ลงมาจากในรถคนนี้ด้วยความตื่นเต้นดีใจ ตื่นเต้นมากจนดวงตารูปเมล็ดอัลมอนด์คู่นั้นเกิดชั้นหมอกขึ้นมา

อันที่จริงวันนี้สิ่งที่เธอเป็นห่วงที่สุดก็คือเขา

เพราะว่าเขายังป่วยอยู่ จู่ ๆ ถูกพาตัวไปสถานที่อย่างนั้น ก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาต้องพบเจอกับอะไรบ้าง เธอกลัวมากๆ ว่าเขาจะเกิดเรื่อง เมื่อเทียบกับเรื่องนี้……

จริงๆแล้ว สามารถจับตัวคนร้ายที่ทำร้ายเขาได้หรือไม่ มันไม่ได้สำคัญขนาดนั้น

แต่กลับเห็นว่า หลังจากที่ชายคนนี้ลงมาจากรถแล้ว ในแสงพระอาทิตย์ตกดินยามพลบค่ำ เขายังคงสวมเสื้อแขนยาวถักคอกลมสีเทาชุดนั้นที่เธอหาให้เขาใส่เมื่อเช้า ผมสั้น ใบหน้าหล่อคม หลังจากที่ปิดประตูรถแล้ว เขาก็หันหลังเดินมาทางเธอ แสงพระอาทิตย์อัสดงนั้นที่สาดส่องลงบนตัวเขา ช่างเหมือนกับว่ามีออร่าสีทองเปล่งประกายให้กับเขา

เธอมองดูแล้วถึงกับใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

เหมือนว่า……เธอไม่ได้เห็นบุคลิกท่าทางแบบของเขามานานแสนนาน

เขาในรูปแบบนี้ช่างเหมือนกับเมื่อก่อนตอนที่อยู่เมือง A

“มีอะไร?”

ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงตรงหน้าเธอแล้ว

มองเห็นยัยคนโง่คนนี้ยังคงยืนจ้องมองเขาอยู่อย่างเหม่อลอย เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับต่อแรงกระตุ้นที่อยากจะจับหัวเล็กๆ ขอเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน

และก็ถามขึ้นมาก่อนหนึ่งประโยคอย่างเรียบเฉย

เส้นหมี่ถึงจะได้สติกลับคืนมา

“เปล่า…เปล่าค่ะ ก็แค่ลองถามดู คุณหิวหรือยัง? ฉันทำของอร่อยไว้ให้คุณเยอะแยะ คุณอยากกินไหม?”

เธอยังเกลี้ยกล่อมเขาเหมือนเด็ก

ชายคนนี้จ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง สักครู่เขาก็พยักหน้า : “อืม….”

“ได้ งั้นฉันไปเตรียมให้คุณตอนนี้เลย!”

คำเบาๆแค่คำหนึ่ง ราวกับว่าประทานของขวัญมากมายให้กับเธอ เห็นกับตาว่ามีประกายที่ส่องสว่างอยู่ในดวงตาฉ่ำวาวคู่นั้นของเธอ ทันใดนั้น เธอก็รีบวิ่งเข้าไปอย่างมีความสุข

ชายคนนี้ถึงกับเลียฟันกรามหลังของเขา

“รัก เธอกลับมาแล้วเหรอ? งั้น….คุณท่านเขา ยังมีพี่ใหญ่ พวกเขาเป็นยังไงบ้าง? กลับมาพร้อมกันกับเธอไหม?”

พิมเจ้าได้ยินถึงความเคลื่อนไหวก็ออกมาดู

หลังจากที่เธอเห็นชายคนนี้แล้ว ทันทีที่เอ่ยปากก็ถามครบจบในรวดเดียว ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ตัวเองอยากถาม

แสนรักจึงกลับสู่สีหน้าเย็นชาอีกครั้ง : “ตาแก่เข้าโรงพยาบาลแล้ว คุณจัดคนสักสองคนไปดูแลเขาหน่อย”

“หา?”

สีหน้าของ พิมเจ้า ก็เปลี่ยนไปทันที

คุณท่านเข้าโรงพยาบาลแล้ว?

พระเจ้า!

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? คนปกติดีๆ ทั้งคน ทำไมถึงร้ายแรงจนจถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลล่ะ?

พิมเจ้าทั้งตกใจทั้งเจ็บปวดมาก คิดอยากจะถามมากว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยปากถาม ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ก็ก้าวเท้าเข้าไปแล้ว

และเดินผ่านเธอไป

แต่ก็ไม่ได้เหลียวมองดูเธออีกเลย

พิมเจ้า : “……”

ช่างเถอะ รีบจัดการเรื่องของคุณท่านทางนั้นสำคัญกว่าเยอะ

เธอรีบเข้าไปอย่างเร่งรีบ

จากนั้นสิบกว่านาทีต่อมา ในห้องอาหาร เส้นหมี่อุ่นและยกอาหารเหล่านั้นที่เธอจัดเตรียมไว้แล้วขึ้นมาวาง แสนรักเองก็นั่งลงไปเรียบร้อยแล้ว

“ที่รัก?”

เชื่อฟังขนาดนี้ เส้นหมี่ยังคงไม่คุ้นชินเล็กน้อย

แสนรักเงยหน้าขึ้นดู เขาที่เพิ่งล้างหน้าเสร็จ ยังมีหยดน้ำอยู่บนคิ้ว ทำให้ทั้งตัวของเขาดูเหมือนมีกลิ่นอายความเย็นชาที่ยิ่งห่างไกลออกไป

ทันใดนั้นเส้นหมี่จึงไม่กล้าจ้องตากับเขาอีก

เธอหรี่ดวงตาลง และนำชามเส้นหมี่ถ้วยหนึ่งที่ถืออยู่เส้นหมี่ยกขึ้นมาเสิร์ฟ : “คุณดูสิ นี่คือเส้นหมี่ ฉันตั้งใจเอามาจากในโรงอาหารทางนั้น คุณยังจำได้ไหม?”

เธอยังเข้าใจว่าเขายังมีอาการป่วยอยู่ จึงสอบถามประโยคหนึ่งอย่างระมัดระวัง

แสนรักขมวดคิ้ว

ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอมักจะปฏิบัติต่อเขาด้วยท่าทางแบบนี้ ระมัดระวัง และแฝงด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนกับความคาดหวัง

แต่เมื่อก่อน หากเขาจำไม่ผิด เธอไม่ใช่เป็นแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอคือใจกว้าง อยากจะให้เขาทำยังไงก็ทำอย่างนั้น บางครั้งจนถึงขั้นเอาแต่ใจไร้เหตุผลเสียด้วยซ้ำ

งั้นเพราะอะไรทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้?

นิ้วมือของผู้ชายค่อยๆ งอเข้ามา……

“ที่รัก คุณ….ไม่ชอบกินอันนี้เหรอ? ถ้าไม่ชอบ งั้นเดี๋ยวฉันไปทำอย่างอื่นให้คุณนะ”

พอเส้นหมี่เห็นเขาไม่พูดอะไร ก็เกิดความรู้สึกประหม่าขึ้นทันที เธอยื่นมือออกมา เตรียมที่จะนำชามเส้นหมี่ชามนี้ไปเปลี่ยนเพื่อทำเป็นอย่างอื่นแทน

แต่ มือเธอเพิ่งจะยื่นออกไป จู่ ๆ ชายคนนี้ก็หยิบตะเกียบข้างๆ ขึ้นมา

“เปล่า คุณกินแล้วยัง?”

“หา?”

เส้นหมี่ตกใจมาก

เขากำลังถามว่า…..เธอกินแล้วหรือยัง?!!

เธอปิดปากของตัวเองไว้ หลังจากที่เลือดทั้งหมดสูบฉีดพุ่งไปยังศีรษะ แทบว่าภายในไม่กี่วินาที เธอตื่นเต้นจนสั่นระรัวเล็กน้อยไปทั่วทั้งร่างกาย

เป็นเวลานานมากแล้วที่เธอไม่ได้ยินเขาเป็นฝ่ายริเริ่มห่วงใยตัวเธอ

เส้นหมี่แทบจะน้ำตาร่วงไหลออกมา

“ฉัน….ฉันยัง….” เธอตอบกลับอย่างกล้าๆกลัวๆ

ผลคือเกือบทำเธอเป็นลมล้มพับก็คือ ชายหนุ่มคนนี้ที่ถือตะเกียบและนั่งอยู่ตรงนั้นพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉยหนึ่งประโยค : “ดึกขนาดนั้นแล้วทำไมยังไม่กิน? ไปเอาข้าวมาอีกถ้วยหนึ่ง มากินด้วยกัน”

ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาดูแล้วมีความไม่พอใจเล็กน้อย

ในน้ำเสียงก็ยิ่งแฝงด้วยการตำหนิอย่างเห็นได้ชัด

ในที่สุดเส้นหมี่เหมือนกับโดนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงกลางศีรษะ!

คำพูดอย่างนี้ อันที่จริงเธอแอบคิดฝันอยู่ในความฝันมาแล้วหลายครั้ง ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ เธอก็จินตนาการคิดอยู่ตลอดเวลา ขอให้มีสักวันที่เธอยังสามารถได้ยินเขาพูดอย่างนี้กับเธอ

แต่เมื่อคิดอยู่ คาดหวังอยู่

เมื่อมันปรากฎขึ้นตรงหน้าของเธอจริงๆ เธอกลับไม่อยากที่จะเชื่อ

“ไม่กิน?”

“….เปล่า กินค่ะ กิน ฉันไปเอาเดี๋ยวนี้ค่ะ!”

ในที่สุดผู้หญิงซื่อบื้อคนนี้ก็ได้สติกลับมา

มือเท้าของเธอพัลวันเพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองอยากจะกิน จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปหยิบถ้วยในครัวอย่างรวดเร็ว

ซื่อบื้อขนาดนี้แล้วจะทำยังไงเนี่ย?