ตอนที่ 876 ถ้ำซือคง

หมอดูยอดอัจฉริยะ

“มีอะไรอีก?”

วานรขาวเหลือกตามองบนอย่างเบื่อหน่าย

“พวกแกเด็ดยาสมุนไพรที่ปลูกมาห้าสิบกว่าปีไปเกือบหมด ยังมีเรื่องอะไรจะขอร้องฉันอีก?”

คำพูดของวานรขาวทำให้โก่วซินเจียหน้าแดง ในโลกมนุษย์ อย่าว่าแต่สมุนไพรห้าสิบปีเลย แค่เป็นสมุนไพรป่าที่มีอายุถึงสิบปียังหาแทบไม่ได้ ดังนั้นโก่วซินเจียใช้โอกาสนี้เก็บยาหายากกลับไปมากมาย

“อะแฮ่ม พี่วานรขาว พี่ก็ปรุงยาไม่เป็น มีไว้ก็ทำประโยชน์อะไรไม่ได้”

เยี่ยเทียนกระแอมแก้เก้อ แล้วพูดต่อว่า

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน รอให้ศิษย์พี่ใหญ่ปรุงยาออกมาสำเร็จ จะแบ่งให้พี่ส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ผมจะให้พลอยวิเศษธาตุไฟแก่พี่อีกสองก้อนเป็นไง?”

“อ้อ? แก….แกยังมีพลอยวิเศษธาตุไฟอยู่อีก?”

ตอนที่วานรขาวเกิดมา พลังธรรมชาติบนโลกไม่ได้สมบูรณ์เหมือนสมัยโบราณ แต่มันเคยได้เห็นพลอยวิเศษ พลอยเหล่านี้มีประโยชน์มากต่อผู้ฝึกวิชา โดยเฉพะผู้ที่อยู่ในโลกมนุษย์ ใครก็ตามที่มีไว้ครอบครองไม่คอยยอมนำมันออกมาให้ใครเห็น

ตอนแรกที่เห็นเยี่ยเทียนนำพลอยวิเศษธาตุน้ำออกมา วานรขาวประหลาดใจมาก แต่มันคิดไม่ถึงว่าเยี่ยเทียนยังมีพลอยวิเศษธาตุไฟอยู่ในมืออีก? ถ้าเป็นจริงแล้วละก็ มันจะได้ก้าวหน้าจากด่านยากที่ติดขัดมาหลายปีแล้ว

“แน่นอนสิ พี่ลองดูว่าสิ่งนี้ใช่ไหม?”

เยี่ยเทียนแบมือออก ในกลางฝ่ามือมีพลอยขนาดเท่าหัวนิ้วก้อยสองก้อน สีแดงเรื่อทั้งอัน ภายในมีแสงสีทองล่องลอยอยู่ในเนื้อพลอยราวกับเปลวไฟที่หลอมอยู่ภายใน ต้องเป็นพลอยธาตุไฟไม่มีผิด

“ให้ฉันดูหน่อย!”

วานรขาวสีหน้าเปลี่ยนไป มันยื่นมือที่มีแต่ขนสีขาวออกมา คว้าลงไปที่กลางฝ่ามือของเยี่ยเทียน

“เดี๋ยว!”

เยี่ยเทียนเห็นทันว่าวานรขาวกำลังเอื้อมมือมาจะคว้าพลอยไป เขารีบกำมือเก็บขึ้นทันที พูดเตือนว่า

“พี่วานรขาว ผมยังมีเรื่องจะขอร้องพี่อีกนะ!”

พลอยวิเศษสำคัญมากสำหรับเยี่ยเทียน เขายอมนำมันออกมาเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับวานรขาว แล้วจะยอมมอบให้มันง่ายๆได้อย่างไร? ในใจของเยี่ยเทียนยังเคืองเจ้าวานรขาวอยู่

“เรื่องอะไร?”

วานรขาวนิสัยขี้ระแวง ได้ฟังเยี่ยเทียนเอ่ยเช่นนั้น ก็ชักอุ้งมือขนปุยกลับไป มองเยี่ยเทียนด้วยสายตากังขา

 “สมุนไพรในสวนก็ให้แกไปหมดแล้ว ความสามารถของแกก็เหนือกว่าฉัน แกยังมีเรื่องอะไรมาขอร้องฉันอีก?”

“พี่วานรขาว ฉันอยากเข้าไปในถ้ำของซือคง!”

เยี่ยเทียนไม่สาธยายให้มากความ เขาเอ่ยออกมาตรงๆ ครั้งนี้แม้ไม่มีเหอปู้อวี่ แต่เยี่ยเทียนก็รู้ว่าตัวเองยังสู้นักพรตที่อยู่ในดินแดนเห่งทวยเทพไม่ได้ ถึงเขาจะมีตบะแกร่งกล้า แต่ยังขาดวิชาการโจมตีและอาวุธวิเศษคู่กาย

วิชาการฉีกห้วงเวลาของเหอปู้อวี่นั้นเยี่ยเทียนเห็นแล้วอิจฉามาก น่าเสียดายที่สิงห์ขนทองไม่อาจนำความสามารถนี้ออกมาได้ เยี่ยเทียจึงต้องหาทางเข้าไปในถ้ำซือคง ตามความทรงจำของเหอปู้อวี่ ที่นั่นน่าจะมีอาวุธวิชาดีๆอยู่หลายชิ้น

“ไม่ได้ ไม่มีทาง!”

วานรขาวชักสีหน้าทันที แล้วตะโกนว่า

“ถ้ำของเจ้านายอยู่ใต้ดิน ฉันไม่มีวิธีเปิดมันออก แกเลิกคิดจะเข้าไปข้างในนั้นได้เลย!”

ตั้งแต่บรรพบุรุษรุ่นแรกของตระกูลซือคง ก็เริ่มเลี้ยงเจ้าวานรขาวตัวนี้ ดังนั้นมันจึงมีหน้าที่อารักขาตระกูลไปด้วยในตัว ถึงมันจะยอมรับว่าเจ้านายคนล่าสุดของมันเสียชีวิตไปแล้ว แต่มันจะไม่ยอมให้เยี่ยเทียนเปิดเข้าไปถึงใจกลางถ้ำซือคงได้แน่นอน

“พี่วานรขาว เจ้านายของพี่ก็ตายไปแล้ว ถ้ำนั่นก็ไม่มีเจ้าของแล้ว ทั้งยังอยู่ใต้ดินลึก ไม่สู้ทำให้ถ้ำนี้ได้ประสบแก่สายตาชาวโลกอีกครั้ง”

เยี่ยเทียนขมวดคิ้วพูด ดวงจิตส่วนหนึ่งของเขาออกไปจากที่นี่ มุดลงลึกสู่ใต้ดินสามกิโลเมตร ไปพบกับสถานที่ที่ถูกปิดกั้นเอาไว้

สถานที่ที่ถูกปิดกั้นไว้มีอาณาเขตกว้างขวาง ทั้งยังกีดกันไม่ให้ดวงจิตของเยี่ยเทียนเล็ดรอดเข้าไปได้ ถึงจะปิดตายไว้ แต่ถ้าเยี่ยเทียนลองเสียเวลาสักเล็กน้อยน่าจะเปิดออกได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือน เยี่ยเทียนไม่ควรมาเสียเวลาอยู่ที่นี่

“ฉันไม่มีวิธีอื่นจริงๆ เยี่ยเทียน แกอย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย!”

วานรขาวส่ายหัว ไม่ยอมรับปาก

เห็นท่าว่าวานรขาวไม่ยินยอม เยี่ยเทียนทำหน้าตายแล้วเอ่ยเรียบๆว่า

“ในเมื่อพี่จนปัญญาก็ช่างเถอะ ฉันจะหาวิธีเปิดถ้ำออกมาให้ได้”

ถ้าในถ้ำมีแต่ของวิเศษทั่วไปไม่เป็นไร แต่เยี่ยเทียนเห็นจากความทรงจำของเหอปู้อวี่ว่าในถ้ำนั้นซ่อนชิ้นส่วนของตำราภาพดันหลัง ทุยเป้ยถูไว้อยู่

ว่ากันตามจริงระดับขั้นวิชาของเยี่ยเทียนในตอนนี้ไม่ต้องสนใจตำราภาพดันหลังทุยเป้ยถูแล้วก็ได้ แต่ตำราทั้งเล่มนั้นเป็นความปรารถนาสุดท้ายของอาจารย์หลี่ซั่นหยวน เยี่ยเทียนถึงตัดสินใจเอ่ยปากขอร้องวานรขาว

“ด้านซ้ายห่างไปสามกิโลเมตร ใต้ดินสี่สิบเมตร เป็นที่ตั้งของถ้ำ ฉันไม่ได้พูดผิดใช่ไหม?”

เยี่ยเทียนมองวานรขาว แล้วกล่าวต่อ

“ศิษย์พี่ใหญ่ ไปเถอะ การจะเปิดถ้ำได้ผมต้องใช้เวลา พวกพี่ช่วยตั้งค่ายกลคุ้มครองให้ผมหน่อย!”

“แกกล้าเหรอ!?”

วานรขาวโกรธจัด มันยกกระบองเหล็กขึ้น

“นั่นเป็นถ้ำที่เจ้านายเหลือทิ้งไว้ ถ้าแกแตะต้องมันละก็ ฉัน….ฉันจะสู้ตายกับแก!”

พูดจบวานรขาวก็ยิ่งใจฝ่อ เพราะมันรู้ว่ามันไม่มีทางสู้เยี่ยเทียนได้ ต่อให้เยี่ยเทียนไม่ลงมือ แค่เจ้าสิงห์ขนทองก็จัดการมันได้อยู่หมัดแล้ว ยังมีโก่วซินเจียที่ฝึกได้ขั้นต้นของระดับเซียนเทียนอีก

“เยี่ยเทียน ถือว่าฉันขอล่ะ อย่าทำลายจวนถ้ำของเจ้านายเลย ได้ไหม?”

วานรขาวได้แต่ยอมก้มหัวขอร้อง วานรขาวที่อาศัยอยู่ในป่าตัวเดียวมานาน ยิ่งเข้าใจเหตุผลแบบนี้ดี

“พี่วานรขาว ถ้าฉันลงมือ จะต้องทำลายถ้ำให้เสียหาย”

เยี่ยเทียนสั่นหัว

“ฉันรู้ว่าพี่สามารถเปิดถ้ำได้ เพียงแค่พี่เปิดมันออก ฉันแค่อยากได้ของข้างในนั้นชิ้นเดียวเท่านั้น ฉันจะไม่ผิดคำพูด!”

“ของแค่สิ่งเดียว?”

วานรขาวลังเลครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ตอบตกลง

“ได้ แกต้องรับปากฉัน แต่ฉันก็มีเรื่องจะขอแกเหมือนกัน!”

“พี่จะขออะไร?”

เยี่ยเทียนยิ้ม

“บอกมาเถอะ เคยได้ยินว่าพวกลิงกังน่ะคุยยาก วันนี้ได้เจอกับตัวแล้ว”

สำหรับคนทั่วไปคำว่าลิงกังเป็นคำด่าคนอื่น แต่วานรขาวก็เป็นลิงกังมาก่อน มันจึงไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร จึงเอ่ยเงื่อนไขของตนออกมา

“หากมีวันหนึ่งแกเข้าถึงดินแดนแห่งทวยเทพได้ ฉันหวังว่าฉันจะได้เข้าไปด้วยกันกับแก ถ้าแกรับปากข้อนี้ ตอนที่แกจะจากไป แกจะหยิบสิ่งของอะไรในถ้ำไปก็ได้!”

วานรขาวแม้จะฝึกเต๋ามานาน แต่ได้รับพลังธรรมชาติอย่างจำกัด ตอนแรกคิดว่าตัวมันเองไม่มีทางเข้าถึงระดับเซียนเทียนได้อีกแล้ว และไม่มีทางได้กลายเป็นปีศาจวานรใหญ่ แต่เมื่อเห็นพลอยธาตุไฟของเยี่ยเทียนเมื่อครู่ มันรู้ได้ทันทีว่าห่างจากระดับเซียนเทียนอีกไม่ไกลแล้ว

แต่เมื่อคิดว่าจะได้ไปถึงระดับเซียนเทียนขั้นสูง ถ้าอาศัยเพียงพลังธรรมชาติที่มีอยู่ วานรขาวไม่มีทางได้เลื่อนขั้นเป็นปีศาจวานรใหญ่แน่นอน คนกับสัตว์ที่มีญาณวิเศษไม่ต่างกันนัก เมื่อเห็นความหวังวางอยู่ตรงหน้า วานรขาวก็อยากจะเป็นผู้มีชีวิตอมตะ

“ได้สิ ถ้าหากว่าฉันจะเดินทางไปดินแดงแห่งทวยเทพ จะต้องพาพี่ไปด้วยแน่นอน!”

เยี่ยเทียนพยักหน้า เขารู้ว่าพอเข้าถึงระดับเซียนเทียนทุกขั้น ต่างจะได้เพิ่มอายุขัยอีกหลายสิบปี วานรขาวฝึกได้ถึงขั้นสูงของระดับเซียนเทียน ไม่แน่ว่ามันอาจบรรลุธรรมขั้นสูงกับเขาได้เหมือนกัน

“ได้ พวกแกตามฉันมา!”

เยี่ยเทียนตอบรับคำขอแล้ว วานรขาวเดินนำพวกเขาออกมาจากสวนสมุนไพรด้วยท่าทางดีใจ เหาะนำทางไปยังตีนเขาทางซ้าย

ประมาณสามกิโลเมตรห่างจากจุดเดิม ใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วพริบตา เมื่อมาถึงที่หมายแล้วเยี่ยเทียนพบว่าใต้แผ่นเท้าที่เขายืนอยู่ไม่ใช่ยอดเขาสูง รอบๆยอดเขาทั้งสี่ทิศเป็นแนวปราการค่ายกลที่พรางตาอยู่อย่างที่เยี่ยเทียนมองไม่ออก

ทุกคนยืนอยู่บนยอดเขา วานรขาวหันมาคำรามใส่

“พวกแกถอยไปหน่อย!”

“ให้ตายเถอะ เล่นหนังไซอิ๋วกันหรือย่างไร?”

เยี่ยเทียนบ่นกระปอดกระแปด แต่ดึงตัวโก่วซินเจียให้ถอยหลังมาหลายร้อยเมตร มองดูเจ้าวานรโบกกระบองเหล็กไปมา พร้อมกับพึมพำคาถาที่ฟังไม่เข้าใจออกมา

“เปิด!”

เสียงเฉียบขาดของวานรขาวดังขึ้น กระบองเหล็กของมันเสียบเข้าไปในรูหินอย่างหนักหน่วง ตอนนั้นเอง ภูเขาทั้งลูกสั่นไหว หินภูเขากลิ้งร่วงลงมา ต้นไม้ใหญ่หักโค่น ภาพตรงหน้าดูราวกับตอนที่ซุนหงอคงถูกปลดปล่อยออกจากภูเขาห้านิ้วก็ไม่ปาน

“ออกมาแล้ว ถ้ำออกมาแล้ว!”

หลังคากระเบื้องสีแดงค่อยๆปรากฏขึ้นบริเวณยอดเขา ชั่วครู่ต่อมา สิ่งก่อสร้างอลังการขนาดมหึมาก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าเยี่ยเทียน ประตูบานยักษ์เริ่มตั้งแต่บริเวณตีนเขา ความสูงบดบังยอดเขาทั้งหมดเอาไว้

หลังจากสิ่งก่อสร้างปรากฏกายขึ้นแล้ว พลังธรรมชาติโดยรอบทั้งสี่ทิศพัดม้วนตัวเข้ามาโอบล้อมสิ่งก่อสร้างนั้นไว้ เห็นเป็นเมฆขาวและหมอกควัน ยิ่งทำให้สถานที่แห่งนี้ดูราวกับถ้ำที่อยู่ของเหล่าเซียน

“โอ้โห ทำได้ยังไงกัน? เมื่อก่อนประเมินตระกูลซือคงต่ำไปจริงๆ!”

ภาพตรงหน้าทำให้เยี่ยเทียนอ้าปากค้าง สถาปัตยกรรมใหญ่โตขนาดนี้ถูกซ่อนไว้ในภูเขา นอกจากอาศัยค่ายกลที่ซับซ้อนสูงส่งแล้ว ยังต้องพึ่งพลังจินตันของผู้สร้างอีกไม่น้อย ไม่เช่นนั้นไม่มีทางทำได้ขนาดนี้

วานรขาวเรียกเยี่ยเทียนเข้าไปใกล้ตีนเขา แล้วทำหน้าสงบนิ่ง

“เยี่ยเทียน ทุกๆสถานที่ในที่นี้แกเข้าไปได้ แต่ว่าเจดีย์หลังสุดท้ายเป็นที่พักของเจ้านายก่อนที่จะเสียชีวิต ที่นั่นแกห้ามเข้าไปเป็นอันขาด”

เส้นทางการฝึกบรรลุเซียนเน้นย้ำเรื่องคุณธรรมฟ้า ผู้ฝึกที่ขั้นยิ่งสูง ยิ่งมีโอกาสกระทำสิ่งฝ่าฝืนคุณธรรมมากขึ้น เยี่ยเทียนบอกว่าต้องการของเพียงชิ้นเดียว วานรขาวเชื่อว่าเขาจะไม่กลับคำ เพราะมันจะไม่เป็นการดีต่อตัวเยี่ยเทียนในอนาคต

“ได้ พี่วานรขาววางใจเถอะ ฉันจะไม่เข้าไปรบกวนความสงบของท่านผู้อาวุโส!”

เยี่ยเทียนพยักหน้า เขาปล่อยดวงจิตออกไป ยังอดกัดลิ้นตัวเองไม่ได้

เพราะเยี่ยเทียนรู้ว่า ในเจดีย์ที่วานรขาวพูดถึง ต้องมีร่างไร้วิญญาณที่ไม่เน่าเปื่อยนั่งอยู่ในนั้นอย่างน้อยห้าร่าง เหมือนกับคราวของจางซันเฟิงตอนที่บรรลุเซียน เห็นได้ชัดว่าต่างเป็นผู้ฝึกถึงขั้นจินตันแปรเปลี่ยนเป็นเซียน ความถ่อมตัวของตระกูลซือคงทำให้ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเรื่องการฝึกวิชามาแต่ไหนแต่ไร

……………………………….