อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1146 ย่อยยับ
ด้วยเกียรติศักดิ์ของเขา แม้แต่ราชินียังหวั่นเกรงสามส่วน ไม่เห็นเวินฉู่อยู่ในสายตาได้เลยด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้…
เขาเชื่อฟังคำสั่งของเวินฉู่
แถม…
ไม่เพียงแต่เขา ตระกูลเวินทั้งหมดก็คล้ายมีใจสวามิภักดิ์เวินฉู่ด้วยความยินดีเหมือนกัน
เวินฉู่ผู้นี้ร้ายกาจจริงๆ
ไม่เพียงแต่อายุน้อยๆ ความสามารถถึงระดับหกขั้นสูง ทั้งยังสามารถทำให้ตระกูลเวินทั้งหมดจงรักภักดี ปฏิบัติตามคำสั่งได้อีก
เมื่อก่อนอยู่ในแคว้นน้ำแข็ง ซ่างกวนหมิงหลางคือตัวตนประหนึ่งเทพ
บัดนี้หากเทียบกับเวินฉู่และผู้หญิงอัปลักษณ์ตรงหน้าคนนี้แล้ว กลับเหมือนหิ่งห้อยกับจันทร์กระจ่าง ต่างกันราวฟ้ากับดิน
“พูดอย่างนี้ ตระกูลเวินต้องการเป็นศัตรูกับใต้หล้าหรือ”
“ตระกูลเวินจะไม่เป็นศัตรูกับใต้หล้า แต่ข้าต้องเอาตัวสองคนนี้ไป”
“นี่เจ้ายังมิใช่เป็นศัตรูกับใต้หล้าหรือ”
หากมิใช่หวั่นฝีมือระดับหกขั้นสูงของเวินเส้าหยี ทุกคนก็จะเอาตระกูลเวินรวมเป็นพวกเดียวกับตัวอัปมงคลไปแล้ว
ดวงตาแหลมคมของเวินเส้าหยีจับจดอยู่กับกู้ชูหน่วน
หัวเราะเย็นอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “เพราะ…ถึงพวกมันจะตาย ก็ต้องตายด้วยเงื้อมมือของข้า”
“…”
ทุกคนตะลึงงัน
นี่เขาจะช่วยพวกเขา
หรือว่าจะฆ่าพวกเขากันแน่
ทำไมพวกเขารู้สึกถึงจิตสังหารในตัวเวินเส้าหยีล่ะ
แต่เมื่อครู่เขามิได้บอกว่าสองคนนี้คือสหายเก่าของเขาหรือ
ครั้นสัมผัสกับนัยน์ตาเย็นเฉียบของเวินเส้าหยี กู้ชูหน่วนก็รู้สึกครั่นคร้ามอย่างไม่มีสาเหตุ มักรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้อันตรายมาก
หากตกอยู่ในมือของสำนักใหญ่ต่างๆ บางทีนางอีกมีโอกาสหนีรอด
แต่ถ้าตกอยู่ในมือเขา เกรงว่าแม้แต่ตายยังเป็นการขอที่มากเกินไป
ผู้เฒ่าหนิงเอ่ย “เจ้าบ้านเวิน นี่คือคิดจะฆ่าพวกเขาเองหรือ”
“แน่นอน”
“ฆ่าตอนนี้ยังไม่เหมือนกันหรือ”
“เอาไว้ข้าอยากฆ่าแล้วค่อยฆ่า”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนต้องมองหน้ากันอีกครั้ง
ผู้เฒ่าหนิงเอ่ยเสียงหนัก “เจ้าบ้านเวิน อย่าบอกนะเจ้าไม่อยากฆ่าตัวอัปมงคลนั่น ก็เลยหาข้ออ้างกระมัง”
เวินเส้าหยีถอนสายตากลับ จิตสังหารในตัวไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไร อ่อนโยนดุจเซียนเหมือนเดิม
“ข้าจำเป็นต้องหาข้ออ้างหรือ”
คำพูดนี้จะระห่ำเกินไปแล้ว
แต่ทุกคนในที่นั้นไม่มีใครกล้าว่าเขา
เพราะพวกเขามีความสามารถที่จะทำอย่างนั้น
ระดับหกขั้นสูงนั่นคือตัวตนที่เหมือนดั่งเทพ พวกเขาไม่กล้าอาจเอื้อม
ไป๋หลี่หยุนเยว่แค้นกู้ชูหน่วนที่ทำลายดวงตาของเขา เขาอยากแต่จะแก้แค้น
ด้วยเหตุนี้จึงอ้างว่าเป็นคนที่ใต้หล้าร่วมกันโจมตี กำจัดสองคนนั้นก่อน
ไป๋หลี่หยุนเยว่เอ่ย “เจ้าบ้านเวิน สองคนนี้ คนหนึ่งฆ่าผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลไป๋หลี่ คนหนึ่งคือตัวอัปมงคล ต่อให้เจ้าอยากปกป้องพวกเขา ข้าก็ขอสาบานว่าจะกำจัดภัยร้ายสองคนนี้เพื่อคนใต้หล้าให้ได้”
เขาพูดพลางไม่ไว้หน้าเวินเส้าหยี ใช้กระบวนท่าเลือดย้อมหมื่นลี้ฆ่าไปทางกู้ชูหน่วน
นี่คือกระบวนกร้าวแกร่งที่สุดท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวของเขา
และเป็นกระบวนร้ายที่ต้องตกตายตามกัน
แม้ตอนนี้กู้ชูหน่วนอาจไม่แน่ว่าจะมีฝีมือด้อยไปกว่าเขา
แต่เขามาด้วยความคิดที่จะต้องให้นางตกตายตาม ดังนั้นกู้ชูหน่วนจึงฝ่าไปยาก
“โครม…”
ไม่เห็นว่าเวินเส้าหยีเคลื่อนไหวอย่างไร ร่างไป๋หลี่หยุนเยว่ลอยละลิ่วไปแล้ว และไม่รู้ว่าลอยไปไกลเพียงใดจึงได้ยินเสียงตุบหนักๆ
เจ้าบ้านไป๋หลี่โมโหพลุ่งพล่าน
เขาคือเจ้าบ้านของตระกูล เคยถูกหยามอย่างนี้ ทั้งยังต่อหน้าธารกำนัลอย่างนี้ที่ไหน
ถ้าเขายอมให้ตระกูลเวิน ต่อไปตระกูลไป๋หลี่จะมองหน้าใครได้
เมื่อคิดอย่างนี้ เขาจึงเปล่งเสียง “เจ้าบ้านเวินฝีมือดี ข้าขอคำชี้แนะวิทยายุทธ์ของเจ้าหน่อยเถอะ”
กล่าวจบ เจ้าบ้านไป๋หลี่ก็กระโดดขึ้น รุ้งยาวทะลุตะวันพุ่งมาทางเวินเส้าหยี
“ซี๊ด…”
พวกคนที่มีวิทยายุทธ์อ่อนด้อยถูกลมกร้าวพัดปลิวไปโดยตรง
หยางม่านและคนอื่นๆ เดินพลังฝืนทำให้ตัวเองมั่นคง
หนิงเทียนโย่วเร่งมาแบบช้าไปก้าวหนึ่ง พอมาถึงก็เห็นเจ้าบ้านไป๋หลี่ฆ่าไปทางเจ้าบ้านเวิน
เขาพยายามทำให้ตัวเองยืนมั่นคง พร้อมกับบังลมทราย ถามผู้เฒ่าหนิง
“ท่านปู่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือ เจ้าบ้านไป๋หลี่เป็นอะไรไปอีก”
“ยังจะเป็นอะไรได้อีก อยากโจมตีสยบเจ้าบ้านเวินให้ได้นะสิ”
ผู้เฒ่าหนิงกุมมือของหนิงเทียนโย่ว เมื่อนั้นหนิงเทียนโย่วจึงไม่ถึงกับจะถูกลมพายุหอบไป
“เขากินยาผิดหรือ ถึงกับโจมตีเจ้าบ้านเวินอย่างโจ่งแจ้งอย่างนี้ ทำไมผู้อาวุโสตระกูลเวินพวกนั้นไม่มาช่วยล่ะ”
หนิงเทียนโย่วไม่รู้ว่า ฝีมือเวินเส้าหยีถึงระดับหกขั้นสูงแล้ว
เขาแค่เห็นว่ากระบวนของเจ้าบ้านไป๋หลี่มีอานุภาพร้ายกาจเท่านั้น คนที่อยู่ต่ำกว่าระดับสามล้วนถูกลมพัดไปหมด
ส่วนคนที่เหลือก็ยืนไม่ติด
เห็นได้ชัดว่าไป๋หลี่ป้าไม่คิดจะเผื่อเลยสักนิด ครั้นลงมือก็ใช้กำลังทั้งหมด
และเขายังเห็นผู้อาวุโสทั้งหมดของตระกูลเวินไม่ขยับ มองดูอยู่เฉยๆ
และไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นห่วงเวินเส้าหยีหรือไม่
หรือคิดว่าเวินเส้าหยีต้องชนะแน่
ขนาดท่านปู่ยังไม่แน่ว่าจะเอาชนะเจ้าบ้านไป๋หลี่ได้เลย
แล้วเจ้าบ้านเวินจะเอาชนะได้อย่างไร
กู้ชูหน่วนกอดจอมมารแน่น จึงไม่ทำให้จอมมารถึงกับถูกลมพัดไป
ลมทรายโหมจนจอมมารลืมตาไม่ขึ้น
กู้ชูหน่วนและเจ้าบ้านไป๋หลี่จะฆ่ามาถึงตัวเวินเส้าหยีแล้ว เวินเส้าหยีย่อมไม่ยอมให้พวกเขาโจมตี
เมื่อนั้นก็มีพลังแกร่งกล้าสองขุมปะทะกัน แต่กลับไม่เกิดเป็นคลื่น ดังนั้นกู้ชูหน่วนจึงโพล่งปากด้วยความร้อนรน “รีบหลับตาเร็ว”
จอมมารหลับตาปี๋ในแทบจะทันที
“ซี้ด…”
ทันใดนั้นทุกคนก็รู้สึกเย็นเยือก เย็นจนพวกเขาสั่นเทิ้ม
แม้แต่ผู้เฒ่าหนิงและเจ้าบ้านซ่างกวนก็เช่นกัน
หลังจากไอเย็นที่โจมตีมา ก็เห็นเพียงแสงขาวสะดุดตาปรากฏขึ้นกลางสมรภูมิ
แสงขาวนั้นแยงตาจนพวกเขาแทบลืมตาไม่ขึ้น ได้แต่เบี่ยงตัวหรือไม่ก็หลับตา ไม่อย่างนั้นได้ตาบอดอย่างไม่ต้องสงสัยแน่
“ครืน…”
พสุธาสั่นสะเทือนสองสามหน
กระทั่งว่ายังเกิดเป็นรอยแยกขึ้นไม่น้อย
ราวกับแผ่นดินไหว
เจ้าบ้านไป๋หลี่ถอยไปหลายก้าว ใบหน้าซีดเซียว ลมหายใจกระชั้น
ครั้นมองอีกทาง เวินเส้าหยียังคงเอามือไพล่หลัง ยิ้มนิ่งๆ สง่างามดุจเซียน
นี่…
นี่ก็ได้ผลแพ้ชนะแล้วหรือ
พวกเขายังไม่เห็นเลยว่าพวกเขาสู้กันอย่างไร
น่าทึ่ง
น่าทึ่งเหลือเกิน
เจ้าบ้านไป๋หลี่คือระดับห้าขั้นสูงเชียวนะ
อีกนิดเดียวก็จะก้าวถึงระดับหกแล้ว
คือตัวตนในตำนานของทวีปปิงหลิง
แต่เวลานี้ เขากลับสู้คนหนุ่มคนหนึ่งไม่ได้
หนิงเทียนโย่วตกใจจนอ้าปากหวอพอจะยัดไข่ไก่ได้ทั้งฟอง
เขากลืนน้ำลายลงคอ ขยี้ตาแรงๆ
“ข้าไม่ได้ตาฝาดไปกระมัง ไป๋หลี่ป้าแพ้แล้วหรือ ขนาดออกท่าไร้เทียมทานอย่างนั้นแล้ว ก็ยังเอาชนะเขาไม่ได้”
จิตใจผู้เฒ่าหนิงหนักอึ้ง
แค่เอาชนะไม่ได้ที่ไหน
หากเจ้าบ้านเวินไม่ยั้งไมตรี กลัวแต่เขาจะตายด้วยกระบวนท่าเดียวด้วยซ้ำ
“เจ้าบ้าน…”
คนของตระกูลไป๋หลี่พากันไปมุงล้อมดูอาการบาดเจ็บของไป๋หลี่ป้า
ไป๋หลี่ป้าทำท่ามือ แสดงออกว่าให้พวกเขาหยุดฝีเท้า
เขาฝืนทนทำกลิ่นอายที่จะทะลักขึ้นให้สงบ ข่มความทึ่งในใจ เอ่ย “วิทยายุทธ์เจ้าบ้านเวินร้ายกาจ ข้าละอายยิ่งนัก”
“เจ้าบ้านไป๋หลี่กล่าวหนักไปแล้ว ดีที่ท่านออมมือ เวินฉู่ถึงโชคดีชนะมาได้”
เวินเส้าหยีกำลังไว้หน้าเจ้าบ้านไป๋หลี่
ทว่าคนที่มีฝีมือสูงต่างรู้
ไป๋หลี่ป้าทุ่มสุดกำลังแต่แรกแล้ว
“เฮอะ…พวกเราไป…”
ไป๋หลี่ป้าโบกมือ คนของตระกูลไป๋หลี่จึงพากันจากไป
ทุกคนมองกันไปมองกันมา
นี่ตระกูลไป๋หลี่จะไปแล้ว?
ไม่ฆ่าตัวอัปมงคลนั่นแล้วหรือ
คนที่แม้แต่ไป๋หลี่ป้ายังกลัว
พวกเขาจะไปต่อกรด้วยได้อย่างไร
ขณะที่ทุกคนกำลังสับสน ผู้เฒ่าหนิงก็ก้าวออกมาช้าๆ
ลูบเคราพลางเอ่ย “เจ้าบ้านเวินยอดเยี่ยมยิ่งนัก ให้ตาแก่อย่างข้าขอคำชี้แนะบ้างก็ได้กระมัง”