ตอนที่ 979 เป็นแผนการสมคบคิดต่อนางหรือไม่

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

การเดินทางครานี้ก็อยู่ในสภาวะเงียบสงัดโดยตลอดขณะมุ่งหน้าไปสู่ภูเขาจันทราด้วยความเร็วสูง

“นายหญิง ท่านคิดว่าครานี้เป็นแผนการสมคบคิดต่อท่านรึไม่ ?”

ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว เสี่ยวม่านสังหรณ์ใจอยู่เสมอว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

“คงจะมิใช่ เพราะฮวาหรงและฮวาฟางเฟยให้ความสำคัญกับเหลียนซวงเป็นอย่างมาก ไม่มีทางที่พวกนางจะยอมแลกชีวิตของศิษย์คนโปรดเพื่อวางแผนจัดการกับข้า คาดว่าครานี้คงจะเกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงจริง ๆ”

ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะคัดค้านและเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มิใช่ฝีมือของฮวาหรงและฮวาฟางเฟย

“อย่างไรก็ตาม ฮวาฟางเฟยสั่งให้ฮวาหรงพาข้ามาด้วยและศิษย์คนอื่นก็มิใช่คนที่ข้าสนิทสนมด้วย บางทีนางก็อาจจะต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อกำจัดข้าเช่นกัน เพราะฉะนั้นเรายังต้องระวังตัวให้มาก”

นางกล่าวต่อด้วยความรู้สึกระแวดระวัง

ศิษย์คนอื่น ๆ ที่ฮวาหรงพามาในครานี้ล้วนเป็นคนที่ฉินอวี้โม่ไม่สนิทสนม หากเกิดอะไรขึ้นที่ภูเขาจันทรา คนเหล่านี้ก็อาจจะไม่ช่วยนาง ด้วยความแข็งแกร่งของฮวาหรง หากเป็นก่อนหน้านี้ การจัดการกับฉินอวี้โม่ด้วยตัวคนเดียวก็มิใช่ปัญหาใหญ่แม้แต่น้อย

หากจะกล่าวว่าฮวาหรงได้รับคำสั่งจากฮวาฟางเฟยและต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อกำจัดฉินอวี้โม่ มันก็มีความเป็นไปได้สูงเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉินอวี้โม่ไม่นึกหวั่นใจอีกต่อไป ซิวตื่นจากสภาวะการจำศีลแล้ว ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงฮวาหรงด้วยซ้ำ เพราะต่อให้เป็นฮวาฟางเฟยก็ไม่มีทางสังหารฉินอวี้โม่ได้ง่าย ๆ หากฮวาหรงวางแผนที่จะเล่นงานตนที่ภูเขาจันทราจริง ฉินอวี้โม่ก็จะไม่ปรานีอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรฮวาหรงก็เข้าร่วมฝ่ายเดียวกับจอมยุทธ์ปีศาจแล้ว นั่นหมายความว่าพวกนางถูกกำหนดให้เป็นศัตรูต่อกันและไม่จำเป็นต้องรักษาความสัมพันธ์ใด ๆ อีก

ฮวาหรงไม่ทราบถึงความคิดของฉินอวี้โม่และไม่ได้ทำสิ่งใดเพื่อหาเรื่องกวนใจนางตลอดการเดินทาง ท้ายที่สุดเรือเหินเวหาก็พาทุกคนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ใกล้เชิงเขาของภูเขาจันทราซึ่งศิษย์ทั้งสองกล่าวถึงก่อนหน้านี้

เมืองแห่งนี้ดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมากและเต็มไปด้วยผู้คนที่สัญจรไปมา ภูเขาจันทราก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการฝึกยุทธ์ในดินแดนมหาเทพและโดยปกติก็มีจอมยุทธ์จำนวนมากที่ปรากฏอยู่ที่นี่ ฉินอวี้โม่และคณะจึงไม่ดึงดูดความสนใจมากจนเกินไป

จากคำบอกเล่าของศิษย์ที่มาสืบข่าวก่อนหน้านี้ ทั้งคณะจึงเข้าไปที่โรงเตี๊ยมที่ได้รับเบาะแสเกี่ยวกับเหลียนซวงและเหลียนอู้ก่อนพบกับเถ้าแก่ที่อยู่ด้านใน

“เถ้าแก่ เราเป็นคณะศิษย์จากนิกายหมื่นบุปผาและอยากจะถามเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน เราอยากทราบว่าศิษย์สองคนที่เสียชีวิตไปมาที่เมืองนี้เมื่อใดรึ ?”

ฮวาหรงกล่าวตรงเข้าประเด็นทันทีและสีหน้าดูกระตือรือร้นอย่างชัดเจน

เถ้าแก่โรงเตี๊ยมจดจำเรื่องศิษย์ก่อนหน้านี้ได้และบอกสิ่งที่ตนทราบโดยไม่ปิดบัง

ประมาณครึ่งเดือนก่อน เหลียนซวงและเหลียนอู้เข้ามาที่เมืองนี้และพักอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้เช่นกัน ทั้งสองมีรูปโฉมที่งดงามและโดดเด่นพอสมควร เถ้าแก่จึงจดจำพวกนางได้ดี

หลังจากพักที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้คืนหนึ่ง ทั้งสองก็ออกไปและมุ่งหน้าขึ้นสู่ภูเขาจันทรา สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือศิษย์ของนิกายหมื่นบุปผาสองคนมาที่นี่เพื่อตามหาเหลียนซวงและเหลียนอู้ก่อนพบศพของพวกนาง เถ้าแก่โรงเตี๊ยมไม่ทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบนภูเขาจันทราลูกนั้น

“เมื่อครึ่งเดือนก่อนรึ ?”

ฮวาหรงขมวดคิ้วมุ่นทันที หากพิจารณาจากเวลาดังกล่าว คาดการณ์ได้ว่าเหลียนซวงและเหลียนอู้คงจะรีบมุ่งหน้ามาที่ภูเขาจันทราทันทีที่แยกตัวออกจากชายฝั่งทางเหนือ ถึงอย่างไรชายฝั่งทางเหนือก็อยู่ไกลจากที่นี่มากพอสมควร และคณะของพวกนางก็ต้องใช้เวลาห้าวันในการเดินทางมาจากนิกายหมื่นบุปผา

สุดท้ายแล้วเหลียนซวงและเหลียนอู้ได้รับข่าวใดกัน พวกนางจึงรีบมุ่งหน้ามาที่ภูเขาจันทราโดยที่ไม่รายงานข้าก่อน ?

“เถ้าแก่ ในช่วงนี้มีเหตุการณ์ผิดปกติอะไรเกี่ยวกับภูเขาจันทราหรือไม่เจ้าคะ ?”

ฉินอวี้โม่เอ่ยถามด้วยความสงสัยทันที การที่เหลียนซวงและเหลียนอู้ตายไปอย่างสงบเช่นนั้น มันจะต้องมีสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอยู่บนภูเขาจันทราเป็นแน่ ในเมื่อเวลาผ่านมากว่าครึ่งเดือนแล้ว มันก็ควรจะมีข่าวที่เป็นประโยชน์อยู่บ้าง

“จริงสิ ! ข้าคงนึกไม่ออกหากว่าแม่นางไม่เอ่ยถามเช่นนี้ ข้านึกขึ้นได้ว่าเคยได้ยินเรื่องบางอย่างมา เพียงแต่รับประกันไม่ได้ว่ามันน่าเชื่อถือหรือไม่”

เถ้าแก่ลังเลเล็กน้อยก่อนชี้แจงข่าวลือที่ได้ยินมา

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้คนลือกันว่ามีเหตุการณ์ผิดธรรมชาติบางอย่างเกิดขึ้นบนภูเขาจันทรา จอมยุทธ์บางคนหายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุก่อนพบเป็นศพในภายหลัง ยิ่งไปกว่านั้น โดยส่วนใหญ่คนเหล่านั้นจะหายตัวไปในตอนกลางคืนและการเดินทางเข้า-ออกภูเขาจันทราในช่วงกลางวันจะไม่เกิดปัญหาใด ๆ

“ทว่ามันเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้นและไม่มีผู้ใดยืนยันได้ บางทีคนเหล่านั้นก็อาจจะถูกอสูรทรงพลังบนภูเขาฆ่าตายไปเท่านั้น และไม่ได้เกิดเรื่องเหนือธรรมชาติอะไรขึ้น”

เถ้าแก่โรงเตี๊ยมกล่าวต่ออีกประโยค ในเมื่อฉินอวี้โม่เอ่ยถาม เขาก็ยินดีบอกข่าวลือที่ได้ยินมา ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่กล่าวถึงเรื่องไร้สาระที่เป็นเพียงข่าวลือเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม แม้แหล่งที่มาของมันจะไม่น่าเชื่อถือนัก ทว่าการที่จอมยุทธ์หลายคนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยก่อนถูกพบเป็นศพในภายหลัง มันก็เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอย่างแท้จริง

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณเถ้าแก่มากเจ้าค่ะ”

ฉินอวี้โม่กล่าวขอบคุณเถ้าแก่โรงเตี๊ยมอย่างจริงใจ ทว่าสิ่งนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่ามีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นบนภูเขาจันทราอย่างแท้จริง ข่าวลือทุกอย่างย่อมมีมูลเหตุของมันอยู่และเรื่องนี้คงจะไม่เกี่ยวข้องกับอสูรมายาบนภูเขาจันทรา

“ในเมื่อเถ้าแก่บอกว่าเกิดเรื่องประหลาดในช่วงกลางคืน เช่นนั้นเราจะพักผ่อนกันก่อนและเดินทางขึ้นไปบนภูเขาในตอนค่ำ”

ฮวาหรงเองก็เชื่อวาจาของเถ้าแก่โรงเตี๊ยมเช่นกันและสั่งการกับทุกคนทันทีโดยตัดสินใจว่าจะขึ้นไปบนภูเขาจันทราเพื่อสืบความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด

“ท่านผู้คุมกฎฝั่งขวา ข้าคิดว่าท่านและข้าขึ้นไปสำรวจบนภูเขาเพียงสองคนเถอะและให้ศิษย์พี่คนอื่น ๆ พักอยู่ที่โรงเตี๊ยมจะดีกว่า ถึงอย่างไรเราก็ยังไม่ทราบสถานการณ์บนนั้น”

ฉินอวี้โม่ลังเลเล็กน้อยทว่าตัดสินใจที่จะกล่าวออกไป

แม้จะไม่สนิทสนมกับศิษย์คนอื่น ๆ ที่เดินทางมาด้วยกัน แต่คนเหล่านี้ก็ไม่แสดงท่าทีมุ่งร้ายต่อนาง ฉินอวี้โม่จึงไม่ต้องการให้พวกเขาต้องตายไปโดยไร้เหตุผล

สถานการณ์บนยอดเขาของภูเขาจันทรายังคงลึกลับและเกินคาดเดา ยิ่งพาคนไปที่นั่นมากเพียงใด มันก็จะควบคุมสถานการณ์ได้ยากเพียงนั้น หากผู้นำกลุ่มในครานี้คือฮวาเยว่ ฉินอวี้โม่ก็คงจะเสนอตัวขึ้นไปสำรวจเพียงลำพัง ทว่าสำหรับฮวาหรงผู้นี้ นางไม่คิดที่จะทำเช่นนั้นและเสนอให้ขึ้นไปด้วยกัน

ครานี้ฮวาหรงก็ไม่ปฏิเสธและกล่าวด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย “ถ้าเช่นนั้นเจ้าและข้าจะขึ้นไปสำรวจกันก่อน ส่วนพวกเจ้าที่เหลือก็อยู่ที่โรงเตี๊ยมและรอพวกเรากลับมา อย่าทำสิ่งใดบุ่มบ่ามล่ะ”

นางทราบดีว่าการที่แม้แต่เหลียนซวงและเหลียนอู้ก็ยังต้านทานวิกฤตในครานี้ไม่ได้ ศิษย์คนอื่น ๆ ที่เหลือก็คงจะไม่ต่างกัน

ฉินอวี้โม่มีสมบัติล้ำค่าและไพ่ตายอยู่กับตัวมากมาย เพราะฉะนั้นการปกป้องตัวเองและเอาตัวรอดจึงมิใช่ปัญหาสำหรับนาง

ยิ่งไปกว่านั้น ฮวาหรงยังแอบมีความคาดหวังอยู่ลึก ๆ และหวังว่าจะเกิดเหตุร้ายกับฉินอวี้โม่บนภูเขาจันทราจนทำให้นางตายตกไป หากเป็นเช่นนั้นจริง นางก็จะมีโอกาสได้ครอบครองไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และไข่มุกเลี่ยงวารี…

ศิษย์คนอื่น ๆ ตอบตกลงและไม่คัดค้านสิ่งใดก่อนแยกตัวออกไปเข้าพักในห้องตนเอง

เมื่อท้องฟ้ามืดลงเรื่อย ๆ ฉินอวี้โม่และฮวาหรงก็มุ่งหน้าออกจากโรงเตี๊ยมเพื่อเดินทางขึ้นไปบนภูเขาจันทรา

เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบนภูเขาจันทราในช่วงที่ผ่านมา ในตอนกลางคืนจึงแทบไม่มีใครปรากฏตัวอยู่ในทั่วทั้งเมือง คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเก็บตัวพักผ่อนอยู่ในบ้านเรือนและออกไปสั่งสมประสบการณ์บนภูเขาในช่วงกลางวัน มีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่จะมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อื่นเหมือนอย่างฉินอวี้โม่และฮวาหรง

ภูเขาจันทราอยู่ไม่ไกลจากเมืองแห่งนี้และทั้งสองใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปในการเดินมาถึงเชิงเขา

“ฉินอวี้โม่ เจ้าอย่าเดินเพ่นพ่านไปไหนล่ะ หากเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่รับผิดชอบ !”

ฮวาหรงกล่าวอย่างเย็นชาและไม่แสดงท่าทีเป็นมิตรแม้แต่น้อยก่อนเดินนำหน้าขึ้นไปบนภูเขาก่อน

ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะเบา ๆ ก่อนเดินตามไปอย่างใกล้ชิด แท้จริงแล้วนางไม่ต้องการเดินทางร่วมกับฮวาหรงเลยสักนิด เพราะการออกสำรวจเพียงคนเดียวจะสะดวกและคล่องตัวกว่ามาก