ตอนที่ 768 เสี่ยวเฉวียนเฉวียน มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้าอยากจะบอกเจ้า / ตอนที่ 769 เขามิใช่ว่าตายไปแล้วหรือ?

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ตอนที่ 768 เสี่ยวเฉวียนเฉวียน มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้าอยากจะบอกเจ้า 

 

 

พระองค์คือจักรพรรดิสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ฟ้าดินถือกำเนิดขึ้นมาเชียวนะ! 

 

 

ก่อนหน้านี้เพียงแต่ถูกเจ้าพวกโลกเบื้องล่างสองตัวนี้ทำร้าย จึงทำให้พระองค์หลับใหลไม่ตื่นไปพักใหญ่เท่านั้น 

 

 

ตี้เสียทรงกุมแส้ทลายนภาเอาไว้มั่น จนกระดูกในมือส่งเสียงลั่นออกมา 

 

 

พระองค์กัดฟันกรอดอยู่พักใหญ่ในที่สุดก็เปล่งเสียงตะโกนออกมาคำหนึ่ง “สังหารไม่เว้น!” 

 

 

ทหารเหล่านี้คือกองทัพจักรพรรดิสวรรค์ที่พระองค์คัดสรรด้วยพระองค์เอง ฟังแต่คำสั่งของตี้เสีย และแต่ภูมิหลังของพวกเขาที่จริงมิได้เป็นเพียงนักรบของจักรพรรดิสวรรค์เท่านั้น 

 

 

ดวงเนตรสีทองที่เรืองรองดุจแสงอาทิตย์ ยามนี้สาดประกายเย็นชาดุจไอน้ำแข็งออกมา 

 

 

เหล่าทหารจักรพรรดิ์สวรรค์รับบัญชา เปิดศึกเผชิญหน้ากับเหล่าสัตว์อสูรยักษ์อย่างไม่มีลังเล 

 

 

ทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันอย่างรวดเร็ว สัตว์อสูรแผดเสียงคำราม กองทัพจักรพรรดิ์สวรรค์กู่ร้องกึกก้อง ทั้งหมดห้ำหั่นกันจนเลือดสาดไหลบ่าไปทั่วแดนสวรรค์ 

 

 

จนแม้แต่เหล่าทวยเทพที่อยู่ในแดนสวรรค์ทั้งหลายยังต้องตกอยู่ในความหวาดผวา 

 

 

บางทีอาจเป็นเพราะว่าแดนสวรรค์สงบสุขมาเนิ่นนานหลายปี ความฮึกเหิมในกาลก่อนยังมิได้คืนมา ตอนนี้เมื่อต้องเผชิญกับคลื่นลมโถมเข้าใส่ พวกเขาจึงทำท่าจะรับไม่ไหว 

 

 

แดนสวรรค์ที่เมื่อครู่ยังสงบสุข เพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นสนามรบแห่งการฆ่าฟันไปเสียแล้ว 

 

 

นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีอันยาวนานที่ถูกคนบุกขึ้นมาฆ่าฟันถึงบนนี้ 

 

 

เพราะะแม้แต่หมิงอ๋องที่ต่อต้านแดนสวรรค์เมื่อหมื่นปีก่อนก็ยังไม่เคยบุกขึ้นมาถึงบนแดนสวรรค์เช่นนี้ 

 

 

อย่าว่าแต่บนแดนสวรรค์ในตอนนี้มีมาตราการที่เข้มงวด ยามปกติขอเพียงมีความเคลื่อนไหวใดแม้เพียงเล็กน้อย ก็ต้องถูกตรวจสอบออกมา 

 

 

แต่ว่าวันนี้มนุษย์จากโลกเบื้องล่างทั้งสองคนนั่นกลับสามารถนำพาเหล่าสัตว์อสูรในเจดีย์กำราบมารบุกขึ้นมาในแดนสวรรค์ โดยที่พวกเขาไม่อาจรู้ตัวล่วงหน้าเลยสักนิด 

 

 

เช่นนี้แสดงว่าทั้งสองคนนี้แข็งแกร่งจนเกินไป หรือชาวสวรรค์อ่อนแอกันแน่? 

 

 

สองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือด แม้ว่าพละกำลังของเหล่านักรบสวรรค์จะไม่อาจเหนือกว่าเหล่าสัตว์อสูรสักเท่าไร แต่อาศัยที่มีจำนวนคนมากกว่า พอทุ่มกำลังลงไปฆ่าฟัน สองฝ่ายก็นับว่ายันกันเอาไว้ได้อย่างสูสี 

 

 

ตู๋กูซิงหลันกับจีเฉียนยืนอยู่ในใจกลางของสนามรบ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันกุมมือเขาเอาไว้ สิบนิ้วประสานกันอย่างแนบแน่น คนหนึ่งในมือถือดาบสีดำอมทอง อีกคนถือคทาสีดำทะมึน แม้จะมีสายลมกรรโชกพัดพากลิ่นอายของการฆ่าฟันจนคละคลุ้งไปทั่วทั้งสนามรบก็ยังไม่อาจกลบทับรัศมีของคนทั้งสองลงไปได้ 

 

 

“เสี่ยวเฉวียนเฉวียน มีเรื่องหนึ่งข้าอยากจะบอกเจ้า” ตู๋กูซิงหลันเอียงศีรษะเงยหน้าขึ้นมองดูเขา ใบหน้าด้านข้างรับกับแสงดาวที่ส่องลงมา กลายเป็นความงดงามดุจภาพฝัน 

 

 

จีเฉียนมองดูนาง ในดวงตาดอกท้อคู่นั้นสะท้อนแต่เงาของเขาเอาไว้ 

 

 

“หืม?” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันกำลังจะเอ่ยปาก ก็เห็นแส้ทลายนภาของตี้เสียพุ่งตรงมายังคนทั้งสอง 

 

 

แส้เส้นนั้นแหวกว่ายมาในอากาศ มุ่งจะฉีกทั้งสองออกจากกัน 

 

 

จีเฉวียนกุมมือของตู๋กูซิงหลันอย่างแนบแน่น ยกดาบสีดำทองในมือขึ้นมาสกัด พริบตาที่ปะทะเข้ากับแส้ก็เกิดเป็นประกายดอกไม้ไฟที่งดงามตระการตาขึ้นมา 

 

 

ราวกับว่าท่ามกลางค่ำคืนที่นองเลือดนี้ได้เกิดระเบิดดอกไม้ไฟที่วิจิตรงดงามขึ้นมาลูกหนึ่ง 

 

 

ตี้เสียทนดูพวกนางพรอดรักกันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว 

 

 

คราวนี้ ตู๋กูซิงหลันก็ต้องถึงกับปวดตับขึ้นมาเช่นกัน นางหรี่ดวงตาลง หันหน้าไปจ้องมองตี้เสีย 

 

 

นางคร้านจะพูดจากับตี้เสียแม้เพียงครึ่งคำ พลังวิญญาณในร่างกำจายออกมาทั้งสี่ทิศ หลอมรวมเข้ากับคทาในมือจนกลายเป็นหนึ่งเดียว 

 

 

คทานี้เกิดจากต้นฮว๋ายที่เป็นร่างเดิมของนาง นับเป็นยอดอาวุธวิเศษอันดับหนึ่งในหกภพภูมิ และมีแต่นางเท่านั้นที่สามารถควบคุมคทาได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

 

 

พริบตานั้น ไอหยินก็ถูกปลุกขึ้นมาจากทุกทิศทุกทาง พร้อมๆกับเสียงกรีดร้องโหยหวน 

 

 

แดนสวรรค์ที่มีอุณหภูมิอบอุ่นน่าสบายอยู่เสมอ เปลี่ยนเป็นตกอยู่ท่ามกลางฤดูหนาวที่เย็นยะเยือกที่สุดในชั่วพริบตา ความหนาวเย็นสะท้านเข้าไปถึงในกระดูก 

 

 

“ขัดขวางคำสนทนาของผู้อื่น เป็นกริยาไร้มารยาทที่สุด” ตู๋กูซิงหลันปรายตามองดูตี้เสียแวบหนึ่ง นางแทบจะอยากหาอะไรมาล้างทิ้งไป ด้วยความรู้สึกเห็นแล้วไม่สะอาดตา 

 

 

ไอหยินพัดกระจายออกมาจากร่างของตี้เสีย ผิวพรรณที่เดิมทีเป็นประกายดุจแสงอาทิตย์ ยามนี้กลับมีอักขระสีดำเข้มผุดขึ้นมาจากใต้ผิวหนังมากมาย ราวกับว่าสิ่งเหล่านั้นกำลังคืบคลานขึ้นมาบนพระพักตร์ของพระองค์ 

 

 

แม้แต่นัยตาสีทองก็ยังถูกกลืนกินลงไป กลายเป็นแสงที่ดูหิวกระหายและตะกละตะกลาม 

 

 

……………………………. 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 769 เขามิใช่ว่าตายไปแล้วหรือ? 

 

 

หากว่าจะชะตากำหนดให้ชั่วชีวิตนี้เขาทำอย่างไรก็ไม่อาจได้มาครอบครอง เช่นนั้นก็ทำลายทิ้งเสียเถอะ 

 

 

ตลอดหลายปีมานี้ เขาเองก็สิ้นเปลืองแรงกายแรงใจไปมากมายเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตมาโดยตลอด คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วสิ่งนั้นก็คือนางนั่นเอง 

 

 

ตอนนี้เมื่อได้ประจักษ์แล้วว่า มิว่าจะทำเช่นไรก็ไม่อาจได้ใจของนางมา เช่นนั้นหากได้หยกสรรพชีวิตมาไว้ในครอบครอง ก็นับว่าเขาได้บรรลุความปรารถนาแล้ว 

 

 

“จู่ฮว๋าย …” เมื่อมองดูดวงหน้าที่สคราญจนงามล้ำนั้น ตี้เสียก็ต้องหัวเราะออกมา หัวเราะด้วยน้ำเสียงน่ากลัวที่ทำให้คนต้องขนลุกและเหน็บหนาวเข้าไปถึงในกระดูก 

 

 

บนร่างกายของพระองค์เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำคล้ำ ทั้งหมดล้วนมาจากไอมารที่ถูกปลุกขึ้นมาจากในร่าง 

 

 

ไอมารที่แผ่กำจายออกมา ยังแผ่ขยายออกไปและแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเหล่าทวยเทพในแดนสวรรค์ 

 

 

เหล่าเทพที่เมื่อครู่เพียงเฝ้าดูเหตุการณ์ เพียงพริบตาที่ถูกไอมารอาบย้อม ดวงตาของแต่ละคนก็พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดขึ้นมา 

 

 

ขณะที่ตี้เสียสะบัดฝ่ามือออกไป ตู๋กูซิงหลันก็โบกไม้คทาในมือ สองฝ่ายต่างสาดพลังกำลังเข้าใส่กันดุจพายุสายฟ้าที่ปะทะกันในอากาศ 

 

 

ไม้คทาสีดำระเบิดพลังไอหยินที่แข็งแกร่งออกมา พร้อมๆกับพลังวิญญาณที่น่าตื่นตระหนก พุ่งเข้าถึงเบื้องหน้าตี้เสีย 

 

 

ในชั่วพริบตานั้นพลันปรากฏเงาร่างผู้คนสิบคนขึ้นมา 

 

 

พอมองเห็นได้ชัด ก็ปรากฏว่าเป็นทวยเทพในแดนสวรรค์ 

 

 

หนึ่งในนั้นยังเป็นผู้ที่ตู๋กูซิงหลันรู้จักด้วย เทพดาวจื่อเวย  

 

 

เห็นดวงตาทั้งสองของเขาเป็นสีแดงเลือด  

 

 

บนดวงหน้ามีเส้นเลือดสีดำเช่นเดียวกันกับของตี้เสีย 

 

 

ใครจะไปคิดกันว่า ทวยเทพที่สูงส่งเหล่านี้ สุดท้ายแล้วจะถูกไอมารครอบงำได้ง่ายๆ 

 

 

นี้เป็นธรรมดาของผู้ยิ่งใหญ่ในโลก ยิ่งมีฐานะสูงส่งมีอำนาจบารมีมากล้น จิตใจที่ละโมบก็ยิ่งล้ำลึก แม้แต่เหล่าเทพก็มิได้มีข้อแตกต่าง 

 

 

ยิ่งได้รับมามาก ความละโมบก็ยิ่่งเพิ่มพูน 

 

 

เหล่าเทพถูกไอมารครอบงำ จนสูญสิ้นสติสัมปชัญญะของตนเอง 

 

 

พลังจากไม้คทาของตู๋กูซิงหลันฟาดลงไปบนร่างของพวกเขาอย่างแม่นยำและรุนแรง 

 

 

เทพที่มีตบะไม่สูงพอ ถึงกับกระอักเลือดออกมาในทันที แต่ว่าถึงอย่างไรก็เป็นเทพในแดนสวรรค์ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเทพอาวุโสที่แข็งแกร่ง ยิ่งเมื่อถูกไอมารของเทียนตี้ครอบงำ ก็ยิ่งแข็งแกร่ง 

 

 

พวกเขาแบ่งกับแบกรับพละกำลังของตู๋กูซิงหลันไป เพียงไม่นานก็สามารฟื้นฟูขึ้นมาได้ใหม่ราวกับเป็นศพมีชีวิต 

 

 

แต่ว่าเมื่อเป็นถึงเทพในแดนสวรรค์ ความน่าสะพรึงกลัวย่อมเหนือล้ำกว่าพวกศพคืนชีพมากมายนัก 

 

 

จีเฉวียนดึงตู๋กูซิงหลันมาไว้ที่ด้านหลัง เสื้อผ้าของเขาพลิ้วออกไปในสายลม พิณจันทราโบราณปรากฏขึ้นมาบนมือ เสียงดนตรีเสียงหนึ่งถูกดีดออกไป คลื่นเสียงที่แข็งแกร่งซัดสาดเข้าหาเหล่าเทพที่ถาโถมเข้ามา 

 

 

แต่แม้ว่าเทพกลุ่มนั้นจะกระเด็นกระดอนออกไป เหล่าเทพที่ถูกไอมารครอบงำอีกชุดก็ยังบุกเข้ามา 

 

 

พวกเขาแต่ละคนล้วนมีพลังวิญญาณอันแข็งแกร่ง แม้จะกล่าวกันว่ากองทัพจักรพรรดิสวรรค์คือกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในมือของตี้เสีย แต่ว่าแท้ที่จริงแล้ว เทพระดับบนเหล่านี้ต่างหากที่เป็นแกนหลักของขุมพลังในแดนสวรรค์ 

 

 

ก่อนหน้านี้พวกเขาแต่ละคนต่างก็คิดแต่จะรักษาตนเอาตัวรอด เฝ้ามองจากด้านข้าง มองดูผู้อื่นกลายเป็นเหยื่อ 

 

 

ตอนนี้เมื่อถูกไอมารครอบงำ จึงเท่ากับเป็นการบีบบังคับพวกเขาให้ลงมือ 

 

 

เทพแต่ละองค์ต่างก็มีความสามารถอันแข็งแกร่งอย่างที่สุดของตนเอง เมื่อถูกไอมารครอบงำแต่ละกลุ่มก็ถาโถมบุกเข้ามาอย่างคลุ้มคลั่ง แน่นอนว่าพละกำลังเช่นนี้ย่อมไม่อาจประมาทได้ 

 

 

ตี้เสียประทับดูอยู่อีกด้านด้วยดวงพักตร์ที่มีรอยแย้มสรวลเย็นชาอยู่ตลอด 

 

 

“ตอนนี้พวกเจ้ากลายเป็นศัตรูของแดนสวรรค์ทั้งหมด ย่อมไม่รอดแล้ว” 

 

 

ว่าแล้ว พระองค์ก็โบกพระหัตถ์ขึ้นมาอีก ไอมารในร่างแผ่กระจายขยายกว้างออกไปไม่มีหยุด 

 

 

ราวกับว่าพระองค์คือผู้ที่กำชัยชนะเอาไว้ในพระหัตถ์อย่างแน่นนอนแล้ว 

 

 

ดวงตาหงส์ของจีเฉวียนมองออกไปอย่างแน่วแน่ พิณจันทราในมือขยับ ดีดออกไปเบาๆอีกครั้ง 

 

 

ทันใดนั้นเอง ที่ด้านหลังของสนามรบที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน พลันปรากฏสายลมจากไอหยินที่หนาวเย็นขึ้นมา 

 

 

ท่ามกลางไอมาร เงาร่างที่แข็งแกร่งร่างหนึ่งเดินออกมาจากความมืดอันเลือนลางใต้แสงสว่างของดวงดาว 

 

 

เพียงพริบตาเดียวก็มาถึงเบื้องหน้าของตู๋กูซิงหลันและจีเฉวียน 

 

 

ตี้เสียได้เห็นเงาร่างของผู้นั้น ก็ต้องตกตะลึงไปครู่หนึ่ง 

 

 

“ซือ….เป่ย?” ฮว๋ายยู่ถึงกับเบิกตาโต เขามิใช่ว่า ตายไปแล้ว หรอกหรือ? 

 

 

………………….