บทที่ 819 แมมบ้าแดงกรุ๊ปถูกซื้อไปแล้ว

The king of War

พวกกลุ่มที่มองเห็นผลประโยชน์ของตัวเอง และคิดว่าตัวเองเป็นสายสกูลเย่ซึ่งคงในคุณธรรมสูงส่ง ตอนนี้ต่างคนต่างมาออกเสียงแสดงจุดยืนของตัวเอง

อารมณ์ของทุกคนในบริเวณ พลันตื่นตัวกันขึ้นมาอีกครั้ง

หยางเฉินมองกลุ่มคนที่กำลังมีอารมณ์เดือดในคุณธรรมด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เขากลับให้รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาในทันที

นี้หรือคือธาตุแท้ของคนที่เป็นสายเลือดเดียวกันในตระกูลใหญ่?

หรือจะบอกให้เป็นภาษาชัด ๆ ก็ที่เขาเรียกว่าความละโมภ?

ฉินซีถึงจะมีความสามารถมากในด้านการธุรกิจ แต่ก็ยังไม่เคยเจอะเจอกับคนไม่มีความละอายกันขนาดนี้ บัดดลนั้นก็ให้รู้สึกว้าวุ่นในใจ ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองไปที่หยางเฉิน

ก็คงมีแต่หยางเฉินอยู่ข้าง ๆ ตัวหล่อน จึงทำให้หล่อนได้รู้สึกใจอุ่นสบายได้

ขอเพียงมีผู้ชายคนนี้อยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนยังไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้

“พวกท่านพูดกันพอหรือยัง?”

รอยาวมาตลอดให้อารมณ์ทุกคนสงบลงมาบ้าง เสียงในบริเวณห้องเงียบลงมาบ้าง หยางเฉินจึงเอ่ยปากพูด

“แกมันตัวอะไรกันนั่น?นี่มันเป็นเรื่องภายในของตระกูลเย่เรา คนนอกอย่างแกจะมาชี้นกชี้ไม้อะไรในที่นี้ด้วย?”

“รปภ.อยู่ไหน?รีบมาพาตัวมันออกไป!”

“ใช่เลย เรื่องภายในตระกูลเย่ คนนอกไม่มีสิทธิ์มายุ่มย่าม ไสหัวไป!”

“ไสหัวออกไป!”

ในช่วงเวลานั้น ทั่วภายในห้องประชุม ล้วนมีแต่เสียงดังระห่ำขับไล่ให้หยางเฉินไสหัวออกไป

“ปัง!”

หยางเฉินพลันตบโต๊ะที่สุดจะแข็งแกร่งนั้น

ท่ามกลางความสะดุ้งแตกตื่นของทุกคน จากจุดที่หยางเฉินใช้มือฟาดใส่โต๊ะ เกิดเป็นรอยร้าวขึ้นหลายรอย ร้าวแผ่กระจายออกไปโดยรอบอย่างไม่มีขาดสาย

“ครืน!”

ช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วินาที เสียงดังสนั่น โต๊ะประชุมขนาดใหญ่ที่คนนั่งได้เกือบร้อย เหมือนแคร่ไม้หลุดออกจากกัน พังครืนลงไปกองอยู่กับพื้น

มาถึงขณะนี้ คนที่อยู่ทั้งหมดจึงได้เงียบเสียงสงบลง แต่ละคนเบิกตากว้างมองไปที่หยางเฉินอย่างตื่นตระหนก

“พวกคุณนี่ช่างเป็นกลุ่มเศษสวะที่ไร้ยางอายจริง ๆ อยากได้ในสิ่งที่ตัวเองไม่มีปัญญาจะได้ แล้วก็ไปคบคิดกับกลุ่มทรชน เพื่อเข้าไปแย่งชิงจากมือคนอื่นมาเป็นประโยน์ส่วนตน?”

หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ในตระกูลเย่ ข้าเป็นคนนอก แต่ถ้าในแมมบ้าแดงกรุ๊ป พวกคุณนั่นแหละเป็นคนนอก!”

“ก่อนที่พวกคุณจะก่อกวนหาเรื่อง โปรดช่วยเข้าใจเรื่องหนึ่งให้ชัดเจนก่อน ที่นี่ไม่ใช่ตระกูลเย่ของพวกคุณ ถ้าหากใครขืนพูดจากันพล่อย ๆ อีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจกันนะ!”

มีภาพตัวอย่างให้เห็นเมื่อครู่นี้ ตอนนี้ใครจะกล้าออกเสียงพูดอีก

แม้แต่เย่ชัง ก็หวาดผวาใจอึดอัดไม่สบาย แต่เขาก็สู้กัดฟันเพื่อความฝันความเป็นเจ้าบ้านอยู่ ถามไปว่า “คุณหยาง ผมไม่เข้าใจ แมมบ้าแดงกรุ๊ปเป็นสินทรัพย์ของตระกูลเย่ แล้วทำไมคุณจึงจะไม่ใช่คนนอกเล่า”

“แมมบ้าแดงกรุ๊ปเป็นของตระกูลเย่ หรือเป็นของเย่ม่าน คุณยังไม่ชัดเจนหรือ?”

หยางเฉินยิ้มเยือก “ถ้าคุณยังเข้าใจไม่ชัดเจน จะต้องให้ผมให้คนนำเอาหลักฐานผู้ถือครองมาให้ดูไหม?”

หน้าตาของเย่ชังแสดงออกเต็มไปด้วยสีสัน บัดเดี๋ยวเขียว บัดเดี๋ยวม่วงคล้ำ

แต่เขาก็ดูไม่ละความต้องการ กัดฟันพูดว่า “ชื่อผู้ถือครองก็ใช่อยู่ว่าเป็นเย่ม่าน แต่มันไม่สามารถลบล้างเรื่องจริงที่ว่าแมมบ้าแดงกรุ๊ปนี้เจริญก้าวหน้าขึ้นมาด้วยการสนับสนุนของตระกูลเย่”

“ได้ ในเมื่อคุณต้องการเรื่องข้อเท็จจริงกับผม เดี๋ยวผมจะเล่าให้คุณฟังกันชัด ๆ”

หยางเฉินหัวเราะเสียงประชด สายตาจ้องไปที่เย่ชังพูดว่า “ในเมื่อคุณบอกว่าแมมบ้าแดงกรุ๊ปพึ่งพาตระกูลเย่เติบโตขึ้นมา ถ้าอย่างนั้นทุกท่านที่นั่งอยู่กันที่นี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณครอบครองอยู่ ก็พึ่งพาตระกูลเย่จึงได้มาเหมือนกันใช่ไหม?”

เย่ชังพูดว่า “คุณอย่าแตกประเด็นให้สับสน….”

“คุณเพียงตอบผมว่า ใช่หรือไม่ใช่?”

เย่ชังพูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกหยางเฉินตัดบท จี้ถามกลับไปทันที

เย่ชังกัดฟันตอบ “ก็ใช่!”

“ในเมื่อใช่ งั้นสินทรัพย์ที่พวกคุณครอบครองอยู่ ก็ต้องเอาออกมาแบ่งสัดส่วนกันใหม่ได้ถูกต้องไหม?”หยางเฉินถามย้ำ

เย่ชังส่ายหน้า “นี่เป็นกิจการธุรกิจส่วนตัวที่ใช้ความสามารถของเราเองแลกเพื่อได้มา จะมาจัดสรรปันส่วนกันใหม่ได้ยังไง?มันไร้เหตุผลสิ้นดี”

“สินทรัพย์ของพวกคุณเป็นธุรกรรมที่แลกมาด้วยความสามารถของพวกคุณกันเอง แล้วแมมบ้าแดงกรุ๊ปไม่ใช่เจ้าบ้านตระกูลเย่ใช้ความสามารถทำมาด้วยตัวเองหรือ?”

“สินทรัพย์ของพวกคุณไม่สามารถแบ่งปันใหม่ได้ แล้วสินทรัพย์ตระกูลเย่กลับเอาออกมาแบ่งปันได้งั้นหรือ?”

หยางเฉินจี้ถามต่อ ๆ อย่างเกรี้ยวกราด อานุภาพที่ทรงพลัง กดดันจนเย่ชังต้องถอยกรูด

จนที่สุดถอยชนถึงกำแพง เย่ชังเลยต้องทรุดนั่งลงก้นกระแทกพื้น ตัวสั่นงันงก

ส่วนคนอื่น ๆ ต่างเงียบเป็นจักจั่นจำศีลในหน้าหนาว ไม่มีใครกล้าออกเสียง

“เมี่อครู่นี้คุณก็ยอมรับแล้ว ชื่อผู้แทนครองสิทธิ์แมมบ้าแดงกรุ๊ปคือเย่ม่าน และเย่ม่านก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุด ครอบครองหุ้นอยู่เกินกว่าร้อยละห้าสิบ”

หยางเฉินกวาดตามองไปทั่วบริเวณ พูดด้วยเสียงหนาวเยือกสุด ๆ ว่า “ฉะนั้น แมมบ้าแดงกรุ๊ปในเวลานี้ ยังคงอยู่ที่ตัวหล่อนที่จะพูดสรุปได้จบในตัวของท่านคนเดียว”

“ผมได้เซ็นสัญญาข้อตกลงซื้อขายกับเจ้าบ้านตระกูลเย่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แมมบ้าแดงกรุ๊ปเป็นสินทรัพย์ของผมหยางเฉินแล้ว”

“ตอนนี้ผมจะขอประกาศ พวกคุณที่อยู่นี้ ถูกปลดออกแล้วทั้งหมด!”

ทั่วทั้งบริเวณสะท้านกลัวกันในทันใด ตาเบิกโตกันกว้างทุกคน ใบหน้างงกันทำอะไรไม่ถูก

ให้แม้แต่เย่หวากับฉินซี ก็ยังตื่นผวาเต็มหน้า ดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าหยางเฉินซื้อแมมบ้าแดงกรุ๊ปไปแล้ว

“เป็นไง?ไม่มีใครเชื่อกันเลยใช่ไหม?”

หยางเฉินแค่นหัวเราะ ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ต่อสายโทรศัพท์ออกไป “ท่านเจ้าบ้านตระกูลเย่ ตอนนี้ผมอยู่ที่แมมบ้าแดงกรุ๊ป ท่านช่วยมาบอกคนพวกนี้ด้วย ว่าแมมบ้าแดงกรุ๊ปได้ให้ผมซื้อไปแล้วใช่หรือไม่ครับ?”

“แมมบ้าแดงกรุ๊ปเป็นสินทรัพย์ของฉัน ผู้ครองสิทธิ์ก็ฉัน หุ้นใหญ่ที่สุดก็ฉัน ก็ฉันคนเดียวที่สรุปจบได้ในคำเดียว”

“ให้คุณรับซื้อไปก็คือให้คุณรับซื้อไป คนอื่นใครมีสิทธิ์ที่จะทักท้วงอะไรได้?”

เสียงเย่ม่านถ่ายทอดออกมาจากเสียงที่เปิดของเครื่องโทรศัพท์

ชั่วขณะนั้นเอง ทั้งบริเวณเงียบสนิท ทุกคนใช้สายตางุนงงมองหยางเฉิน

หยางเฉินปิดโทรศัพท์ สายตากวาดมองไปทั่ว ๆ “ทั้งหมดทุกคน ไสหัวออกไป ให้เวลาสิบนาที ใครยังออกไปไม่พ้น ก็รอให้รปภ.จับโยนออกไป”

คนทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณนั้น ต่างมีสีหน้าเสียดาย

สมัยที่เริ่มก่อร่างแมมบ้าแดงกรุ๊ป ไม่มีใครเลยที่จะยื่นมือให้ความช่วยเหลือเย่ม่าน

จนในภายหลังต่อมา แมมบ้าแดงกรุ๊ปรุ่งขึ้นมา คนในตระกูลเย่ได้ทยอยกันเข้าแมมบ้าแดงกรุ๊ปมากขึ้นมากขึ้น

ถึงยังไงเย่ม่านก็เป็นคนของตระกูลเย่ ก็ไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งของผู้นำตระกูลได้ จำเป็นต้องปล่อยไปตามน้ำ

อยู่มาหลายปีเข้า ผู้ดำรงตำแหน่งระดับบริหารชั้นสูง โดยทั่วไปก็จะถูกยึดอยู่ในมือของคนในตระกูลเย่

เย่ม่านก็ได้แต่หลับตาข้างหนึ่ง ขอเพียงคนตระกูลเย่ไม่ทำผิดข้อบังคับของแมมบ้าแดงกรุ๊ปจนเลยเถิดชัดเจนเกินไป หล่อนก็ไม่เข้าไปยุ่ง

แต่ไม่คิดว่า การที่หล่อนปล่อยปละ กลับทำให้คนตระกูลเย่ยิ่งวันยิ่งเหิมเกริม ถึงขนาดทุกวันนี้คิดจะยึดหุ้นทั้งหมดของแมมบ้าแดงกรุ๊ป

“คุณหยาง คุณจะมาไล่พวกเราออกจากแมมบ้าแดงกรุ๊ปไม่ได้นะ”

เย่ชังขบเขี้ยวพูด “พวกเราล้วนเป็นกลุ่มผู้บริหารแมมบ้าแดงกรุ๊ป ถ้าพวกเราออกไปหมด แมมบ้าแดงกรุ๊ปก็จะพังทันที”

“ไสหัวไป!”

หยางเฉินตะเพิดใส่อย่างไม่มีเยื่อใย

เย่ชังเห็นชัดแล้วว่าทุกอย่างจบเห่แล้ว ได้แต่มุดหัวหลบหน้าออกไป

ไม่ถึงสิบนาที คนทั้งระดับสูงระดับล่างของแมมบ้าแดงกรุ๊ป รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับบริหารของตระกูลเย่ทั้งหมดถูกปลดออกไปหมด ยกเว้นเย่หวา

บนชั้นสุดของอาคารแมมบ้าแดงกรุ๊ป ในห้องผู้จัดการใหญ่

“หยางเฉิน คุณได้ซื้อกิจการแมมบ้าแดงกรุ๊ปจริง ๆ หรือ?”

ฉินซีที่ยังค้างคาใจอยู่กับเรื่องนี้ จนเข้ามาถึงห้องทำงานแล้ว หล่อนจึงได้ถามออกมา

ทันทีนั้นหยางเฉินก็ไหัวเราะออกมา ส่ายหน้าไปว่า “แมมบ้าแดงกรุ๊ปจะพูดไปก็เป็นกิจการระดับกว่าสามแสนล้าน ถ้าผมจะซื้อแมมบ้าแดงกรุ๊ปขึ้นมาจริง ๆ คงต้องขายเยี่ยนเฉินกรุ๊ปทิ้งไป”

“อ๋าว?”

ฉินซีเลยงงมึน ตาลุกกว้าง “หมายความว่า เมื่อตะกี้นี้คุณโกหกพวกเขา?”

หยางเฉินผงกหัว “แมมบ้าแดงกรุ๊ปแท้จริงแล้วไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องของคนพวกนั้นอยู่เลย ไสหัวพวกมันออกไป มันมีปัญหาเหรอ?”

“แต่ว่า เจ้าบ้านตระกูลเย่ก็บอกไม่ใช่หรือ ว่าแมมบ้าแดงกรุ๊ปถูกคุณซื้อขึ้นมาแล้ว?”

ฉินซีถามด้วยความข้องใจ