ตอนที่ 1029: ไปเยือนเมืองแห่งเทพเจ้าอีกครั้ง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1029: ไปเยือนเมืองแห่งเทพเจ้าอีกครั้ง

เซียนผู้คุมกฎทั้งหมดที่อยู่รอบ ๆ เจี้ยนเฉินนิ่งอึ้งไปเมื่อพวกเขาได้ยินที่บรรพชนจักรพรรดิพูดไป ในตอนนี้ พวกเขายากที่จะเชื่อสิ่งที่พวกเขาได้ยิน และสงสัยว่าการได้ยินของพวกเขามีปัญหาหรือไม่

จักรวรรดิเฟยลี่เป็นจักรวรรดิที่ทรงพลังและมีอยู่บนทวีปมาเนิ่นนานนับปีไม่ถ้วน มันทรงพลังมาก เกียรติของมันศักดิ์สิทธิ์และไม่สามารถย่ำยีได้ ใครที่กล้าเข้ามาสร้างปัญหาที่จักรวรรดิจะต้องถูกจัดการอย่างไร้ปราณีเพื่อสอนบนเรียนที่สาหัสให้กับคนที่สร้างปัญหา พวกเขาไม่เคยยืดหยุ่นมาก่อน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทุกคนถึงยากที่จะเชื่อสิ่งที่พวกเขาได้ยิน

จักรพรรดิคนปัจจุบันปรากฎตัวขึ้นด้านนอกพระราชวังที่สวยงามในชุดมังกรและมงกุฎสีม่วงทอง เขาจ้องไปที่กลุ่มของเจี้ยนเฉินในขณะที่มีจอมยุทธกลุ่มใหญ่คอยคุ้มกับเขาอยู่

“ขอเดชะ เกิดอะไรขึ้นกับผู้พิทักษ์จักรพรรดิในวันนี้กัน ? ทำไมเขาถึงได้ต่อรองกับพวกตัวปัญหาและยังปลดองค์ชายไป่เจี้ยนออกจากตำแหน่งอีก ? เขาเป็นเซียนผู้คุมกฎที่มีพรสวรรค์ ไม่เพียงแต่เขาจะเข้าใจในทักษะการต่อสู้ระดับเซียนที่แม้แต่เซียนราชาหลายคนยังไม่เข้าใจ เขายังจะกลายเป็นเซียนราชาอีกในอนาคต เราจะทอดทิ้งอัจฉริยะแบบนี้จริง ๆ หรือ ? ” ชายวัยกลางคนที่กล้าหาญซึ่งอยู่ในชุดเกราะสีทองถามอย่างสับสนอยู่ข้าง ๆ จักรพรรดิ วิธีที่จักรวรรดิปฏิบัติต่อศัตรูในวันนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่อะไรปกติที่เคยทำ

จักรพรรดิจ้องลึกเข้าไปในพระราชวังในขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเคารพ “นั่นเป็นเสียงของบรรพบุรุษจักรพรรดิ บรรพบุรุษต้องมีเหตุผลของเขาที่ทำแบบนี้”

“อะไรนะ บรรพบุรุษจักรพรรดิ…! ” ใบหน้าของชายในชุดเกราะเปลี่ยนไปทันทีกลายเป็นนอบน้อมเช่นกัน แม้แต่จอมยุทธรอบ ๆ จักรพรรดิยังทำท่าทางแบบเดียวกัน ความเคารพเต็มอยู่ในใบหน้าของพวกเขาและแม้แต่แววแห่งความตื่นเต้นยังปรากฎขึ้นมาบ้าง

บรรพบุรุษจักรพรรดิมีฐานะที่ยิ่งใหญ่ภายในจักรวรรดิเฟยลี่ แม้ว่าเขาจะสละบัลลังก์มาหลายปีแล้ว แต่ทุกประโยคของเขาก็เท่ากับพระราชโองการของจักรพรรดิ เพียงแต่เขาจะสามารถตัดสินใจให้จักรวรรดิทั้งจักรวรรดิได้ เขายังสามารถปลดจักรพรรดิองค์ปัจจุบันหรือส่วนปกครองไหนก็ได้

อย่างไรก็ตาม บรรพบุรุษจักรพรรดินั้นก็อยู่ในส่วนลับใกล้กับด้านหลังของพระราชวังเพื่อฝึกฝนอยู่เสมอและแทบจะไม่ยุ่งกับอะไรเลย เขาปรากฏออกมาน้อยมากในช่วงเวลาหลายร้อยปีนี้ และน้อยคนนักที่จะได้มีสิทธิ์ในการพบเขาเป็นการส่วนตัว ทุกคนแค่เคยได้ยินถึงการมีอยู่ของเขาเท่านั้น ซึ่งทำให้หลายคนตกใจเมื่อพวกเขาได้รู้ว่าเสียงที่มาจากส่วนลึกของพระราชวังนั้นเป็นของบรรพชนจักรพรรดิ

เจี้ยนเฉินยิ้มกับสิ่งที่บรรพบุรุษจักรพรรดิพูด เขาป้องมือไปที่ส่วนลึกในพระราชวังและพูดออกมาเสียงดัง “ผู้อาวุโสเป็นคนที่แน่วแน่จริง ๆ ในเมื่อไป่เจี้ยนไม่ได้เป็นคนของจักรวรรดิเฟยลี่แล้ว ข้าก็ไม่มีปัญหาใดกับจักรวรรดิ ยังไงก็เถอะ โปรดส่งตัวไป่เจี้ยนมาให้ข้าด้วย”

“น้องเจี้ยนเฉิน ไป่เจี้ยนไม่ได้อยู่ในพระราชวังในตอนนี้ ถ้าเจ้าต้องการที่จะตามหาเขา เจ้าอาจจะต้องไปที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ เจ้าจะพบเขาที่นั่น” บรรพบุรุษจักรพรรดิกล่าว

“จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์” เจี้ยนเฉินพึมพำ เขาไม่คิดว่าไป่เจี้ยนจะหนีไปที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ แต่เขาก็พูดต่อทันที “จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์นั้นกว้างใหญ่มาก การตามหาใครสักคนคงเป็นไปไม่ได้ ผู้อาวุโสบอกสถานที่ที่เจาะจงเลยได้หรือไม่ ? “

“ตระกูลซาร์ในเมืองแห่งเทพเจ้า” บรรพบุรุษจักรพรรดิตอบกลับ

สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายทันทีเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขาคิดย้อนไปถึงตอนที่เขาต้องเผชิญกับศัตรูจากทุก ๆ ที่เนื่องจากตระกูลซาร์ ซึ่งนั่นทำให้ใบหน้าของเขาหมองลงไปเล็กน้อย

“ผู้อาวุโส ข้าขอบคุณที่บอกข้า ลาก่อน ! ” เจี้ยนเฉินป้องมือไปที่ส่วนลึกของพระราชวังก่อนที่จะจากไปพร้อมกับรุยจินและคนอื่น

“น้องเจี้ยนเฉิน จักรวรรดิเฟยลี่ของพวเราปรารถนาที่จะเป็นมิตรตลอดกาลกับเจ้า ถ้าเจ้ามีเวลาในอนาคต เจ้ามาเยี่ยมที่จักรวรรดิของพวกเราได้เสมอ” เสียงของบรรพชนจักรพรรดิดังออกมาอีกครั้ง เสียงนั้นเดินทางไปไกลมากและหยุดอยู่ชัดเจนที่หูของเจี้ยนเฉิน

กลุ่มของเจี้ยนเฉินเดินทางออกไปไกลจากพระราชวังก่อนที่จะจากไปผ่านประตูมิติ พวกเขาเดินทางไปที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์

ชายวัยกลางคนมองไปที่ที่นั่งของจักรพรรดิบรรพบุรษในโถงที่สวยงามด้วยความสับสน หลังจากที่เจี้ยนเฉินจากไป เขาถามว่า “ท่านบรรพชนจักรพรรดิ ทำไมท่านถึงพูดเช่นนั้นกับพวกนั้น ? พวกเรากลัวนิกายดาบโลหิตด้วยความแข็งแกร่งของพวกเราในตอนนี้งั้นหรือ ? ตราบใดที่พวกเราร่วมมือกับซาร์ ไคยุนและเฮาหวู่ การที่จะกำจัดนิกายดาบโลหิตคงเป็นเรื่องง่าย”

บรรพบุรุษจักรพรรดิถอนหายใจเบา ๆ “มันเป็นไปแน่ที่จะกำจัดนิกายดาบโลหิตด้วยกำลังของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ แต่ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเขาที่ได้มาเป็นหัวหน้านิกาย มันน่าประหลาดใจจริง ๆ ” บรรพชนจักรพรรดิเครียดขึ้นมาทันทีและจ้องเขม็งไปที่สามคนที่อยู่ตรงหน้าเขา “จำไว้นะ พวกเจ้าทั้งสาม อย่าไปมีเรื่องกับนิกายดาบโลหิตในภายภาคหน้า ถ้าพวกเจ้าไปเจอกับใครเข้า เจ้าต้องปฏิบัติอย่างสุภาพและไม่ไปทำให้พวกนั้นโกรธ เข้าใจนะ ? “

“ท่านบรรพชนจักรพรรดิ หัวหน้านิกายคนใหม่คือใครกันที่ทำให้คนยอดเยี่ยมอย่างท่านต้องระวังขนาดนี้” ชายวัยกลางคนสงสัย

“เขาคือคนที่พวกเราจะไปทำให้โกรธไม่ได้ ในประวัติศาสตร์ทั้งหมด เขาเป็นเพียงคนเดียวที่กล้าไปยั่วยุตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบในขณะที่ตระกูลผู้พิทักษ์ก็ทำอะไรเขาไม่ได้เลย ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังเป็นคนที่ผยองไปทั่วทั้งทวีปหลังจากที่ทำให้เซียนจักรพรรดิคนเดียวของมนุษย์และเซียนจักรพรรดิของทวีปสัตว์เทวะ 2 คนโกรธอีก” หลังจากนั้น บรรพชนจักรพรรดิก็จ้องลึกเข้าไปในคนทั้งสาม “ข้าคิดว่าพวกเจ้าน่าจะรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร”

เซียนราชาทั้งสามคนในโถงนิ่งอึ้งไปเลยหลังจากนั้น พวกเขาหน้าซีด ในตอนนี้พวกเขารู้แล้วในที่สุดว่าคนที่พวกเขาทำให้โกรธคือใคร พวกเขาไม่เคยเห็นเจี้ยนเฉิน แต่ชื่อของเจี้ยนเฉินก็เหมือนสายฟ้าฟาดที่พวกเขา

เห็นได้เลยว่าไม่มีจอมยุทธคนไหนในทวีปที่ไม่รู้จักชื่อเจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตามมีน้อยคนนักที่เคยเห็นใบหน้าเขา

ในเมืองแห่งเทพเจ้า ไป่เจี้ยนใส่ชุดหรูหราพร้อมซับในสีทองในขณะที่เขาพูดคุยอย่างสบายอยู่กับผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลซาร์อยู่ในโถง เขายิ้มและมีท่าทางที่ค่อนข้างโดดเด่น

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่าเขากังวลมากเนื่องจากภาพลักษณ์ภายนอกของเขา

เขารู้ว่าเจี้ยนเฉินได้กลับมาอย่างยิ่งใหญ่เมื่อหลายวันก่อนและได้ยึดเมืองอัคนีกลับคืนไปอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งคร่าชีวิตพ่อของเขาไปด้วย เขาเต็มไปด้วยความกลัวจากเรื่องนี้ เขารู้ว่าเจี้ยนเฉินต้องตามหาเขาและเขาจะไม่ได้รับการยกโทษแน่

ก่อนหน้านั้น เขาได้ไปเยี่ยมบรรพชนจักรพรรดิของจักรวรรดิเฟยลี่เพื่อขอให้ท่านจัดการกับเจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตามเขาก็โดนปฏิเสธ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงได้มาที่ตระกูลซาร์ในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ เขาต้องการที่จะหาจอมยุทธที่จะจัดการกับเจี้ยนเฉิน

“ผู้อาวุโสสูงสุด ข้าอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว ข้าขอถามได้ไหมว่าผู้อาวุโสซาร์ ไคยุนที่เคารพต้องการที่จะพบกับผู้เยาว์หรือไม่ ? ผู้เยาว์มีเรื่องสำคัญที่จะบอกกับผู้อาวุโส” ไป่เจี้ยนไม่ทนอีกต่อไป และถามผู้อาวุโสสูงสุดอีกครั้ง

ผู้อาวุโสสูงสุดเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 เขาแข็งแกร่งกว่าไป่เจี้ยนและเป็นคนของตระกูลซาร์ หนึ่งในสามตระกูลใหญ่ แต่ไป่เจี้ยนก็เป็นองค์ชายที่มีพรสวรรค์ที่สุดที่เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่องค์ชายทั้งเก้าของจักรวรรดิเฟยลี่ เขายังรู้ทักษะการต่อสู้ระดับเซียนอีก ดังนั้นผู้อาวุโสสูงสุดจึงปฏิบัติต่อไป่เจี้ยนอย่างสุภาพและนอบน้อมมาก

“โปรดอย่ากังวลไปเลย องค์ชายไป่เจี้ยน ข้าได้แจ้งความปรารถนาของท่านไปให้หัวหน้าตระกูลแล้ว ถ้าหัวหน้าตระกูลปรารถนาที่จะพบเจ้า นางจะบอกเอง ดังนั้นกรุณารออีกสักสองสามวัน” ผู้อาวุโสสูงสุดยิ้ม

ท่าทางของไป่เจี้ยนเริ่มหวาดกลัว เขารอที่นี่มากลายวันแล้ว และถ้ามันยังเป็นต่อไปแบบนี้ เขาคงไม่สามารถที่จะพบหัวหน้าตระกูลได้แม้จะผ่านไปหลายเดือน

ทันใดนั้นเอง ความคิดก็ผุดขึ้นมาในหัวของไป่เจี้ยน เขาป้องมือ “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด กรุณาส่งต่อข้อความนี้ไปให้ผู้อาวุโสซาร์ ไคยุนด้วย ไป่เจี้ยนสนิทกับหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์และได้รู้เรื่องในอดีตบางอย่างมาจากนาง นี่รวมถึงเรื่องความรักระหว่างผู้อาวุโสเฮาหวู่และผู้อาวุโสไคยุนที่เคยมีด้วย ผู้เยาว์มาในครั้งนี้เพื่อที่จะเสนอแผนที่จะขจัดความบาดหมางระหว่างผู้อาวุโสทั้งสอง และทำให้ทั้งสองกลับมาดีกัน”

ดวงตาของผู้อาวุโสสูงสุดแข็งทื่อเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น และเขาก็เคร่งเครียดทันที เขาจ้องเขม็งไปที่ไป่เจี้ยน “องค์ชายไป่เจี้ยน นี่จริงหรือ ? ถ้าเจ้าหลอกหัวหน้าตระกูล ผลลัพธ์จะต้องออกมารุนแรงมาก”

“มันเป็นเรื่องจริงแน่ ! ” ไป่เจี้ยนสาบาน

“พาเขามาหาข้า ! “

เสียงเย็นชาของผู้หญิงดังออกมาจากโถงทันทีที่ไป่เจี้ยนพูดจบ อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาที่มาของต้นกำเนิดเสียง

ผู้อาวุโสสูงสุดรีบวางถ้วยชาในมือลงและยืนขึ้น เขาพูดอย่างสุภาพ “ขอรับ ท่านหัวหน้าตระกูล”

โถงที่เต็มไปด้วยแสงรุนแรงมีอยู่ในถ้ำใหญ่ใต้เขตของตระกูลซาร์

ไป่เจี้ยนเข้าลึกลงไปใต้ดินผ่านถ้ำภายใต้การนำทางของผู้อาวุโสสูงสุด เขาเข้าไปที่วังและหยุดที่ห้องฝึกฝนที่ปิดแน่น

“หัวหน้าตระกูล ข้าพาไป่เจี้ยนมาตามคำสั่งของท่านแล้ว” ผู้อาวุโสสูงสุดแจ้งนางอย่างนอบน้อม

“ไป่เจี้ยนอยู่ที่นี่ เจ้าไปได้ ! ” เสียงเย็นชาของหญิงดังออกมาจากในห้อง มันไร้อารมณ์อย่างสิ้นเชิง

“ขอรับ ท่านหัวหน้าตระกูล ! ” ผู้อาวุโสสูงสุดตอบกลับอย่างสุภาพก่อนที่จะจากไปทันที

“ไป่เจี้ยนขอคารวะผู้อาวุโสซาร์ ไคยุนที่เคารพ” ไป่เจี้ยนสุภาพในขณะที่เขายืนอยู่นอกห้องและโค้งต่ำลงไป

“ไป่เจี้ยน เจ้าบอกว่า เจ้ามีวิธีการที่จะประสานรอยร้าวของข้ากับเฮาหวู่อย่างนั้นหรือ ? “

“ครับ ไป่เจี้ยนมีวิธีการที่จะประสานรอยร้าวได้ ผู้อาวุโสซาร์ ไคยุนเอาไปลองได้” ไป่เจี้ยนตอบอย่างนอบน้อม

“พูดมา ! วิธีการคืออะไร ? ” เสียงของซาร์ ไคยุนดังออกมาจากห้องอีกครั้ง ครั้งนี้น้ำเสียงมีแววเร่งรีบอยู่

ในตอนที่ไป่เจี้ยนกำลังจะพูด พลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลจู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาด้านนอก มันครอบคลุมทั้งเมืองแห่งเทพเจ้า แม้แต่ไป่เจี้ยนที่อยู่ใต้ดินก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจน

ที่พื้นผิว ประตูมิติเปิดออกอย่างเงียบ ๆ กลางอากาศ เจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ ออกมาจากมัน และลอยสูงอยู่กลางอากาศ