ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 808 สับเปลี่ยน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในห้องส่วนตัวของหอสุราเอ่ยอย่าเฉื่อยชาว่า “ข้าดูแลคนของข้าไม่ดี รบกวนพวกท่านเสียแล้ว ขออภัยด้วย”

พวกเซี่ยเลี่ยงรีบร้อนเอยว่า “มิกล้าๆ…”

พวกเขาในตอนนี้ยังคงสับสนอยู่เล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าจะวางตัวกับเยี่ยนจ้าวเกออย่างไร

กลับเห็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยื่นมือออกมาอีกครั้ง นำตัวเม่าเหลียงที่เหลือลมหายใจรวยรินไป จากนั้นก็หยิบสร้อยลูกปัดหยกเส้นหนึ่งออกมา

สร้อยลูกปัดหยกลอยมาอยู่ตรงหน้าเซี่ยเลี่ยง

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ “มิพักเอ่ยถึงเรื่องที่ตัวเม่าเหลียงของข้าอกตัญญูไม่ซื่อสัตย์ แอบหนีออกมาสวมรอยเป็นข้า ทำให้ชื่อเสียงของข้าเสียหาย อีกสองคนกลับมาเพื่อของสิ่งนี้ ตอนนี้มันได้กลับคืนสู่เจ้าของแล้ว”

เซี่ยเลี่ยงรับสร้อยลูกปัดมุกมาอย่างประหลาดใจ “นี่เป็นของของตระกูลเซี่ยจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะอยู่กับคนผู้นี้”

“ขอบพระคุณ…ขอบพระคุณ…”

เขาพูดอย่างลังเลเล็กน้อย ถูกเยี่ยนจ้าวเกอตัวปลอมที่โผล่มาไม่ขาดสายทำให้หวาดกลัวเสียแล้ว

เมื่อเห็นสร้อยลูกปัด ในที่สุดเซี่ยเลี่ยก็เข้าใจว่าคนพวกนี้มาเพื่ออะไร

ชายหนุ่มผอมสูงที่มาถึงตระกูลเซี่ยเป็นคนแรกนั้น ก่อนหน้านี้เคยเข้าชมสมบัติในจวนภายใต้การนำของเขา

สร้อยลูกปัดหยกชิ้นนี้สมควรถูกสับเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนนั้น สิ่งที่วางไว้ในคลังสมบัติของตนในตอนนี้เป็นของปลอม

ต่อมาพอชายหนุ่มผอมสูงผู้นั้นถูกสังหาร สร้อยลูกปัดหยกก็ตกไปอยู่ในมือคนอื่น ตอนนี้ถูกเยี่ยนจ้าวเกอชิงมา แล้วนำมาคืน

เซี่ยเลี่ยงตรวจสอบไปมา ยืนยันว่าของที่อยู่ในมือตนเป็นของจริง ไม่ใช่ของปลอมที่ถูกสับเปลี่ยนอีกครั้ง

เพียงแต่ในความทรงจำของเซี่ยเลี่ยง สร้อยลูกปัดหยกชิ้นนี้แม้จะล้ำค่า แต่เจ้าของอย่างเขาไม่ทราบว่ามันมีค่าและมีความลับอะไร จึงทำให้คนจำนวนมากขนาดนี้ยอมลำบาก

เขามองเยี่ยนจ้าวเกออย่างระมัดระวัง

ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะดูเป็นตัวจริงที่สุด แต่ใครเล่าจะทราบว่าเขาจะมีแผนอะไรอีก

มิคาด เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าให้แก่ทุกคนในจวน “ตอนนี้เรื่องราวจบลงแล้ว ข้าขอลา ทุกท่านตามสบาย”

พูดจบ ภาพเหมือนเงาแสงก็หายไปทันที

พวกเซี่ยเลี่ยงอึ้งกับที่

เยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดจะมาที่จวนตระกูลเซี่ย ถึงขั้นไม่คิดจะสนทนากับคนอื่น

เซี่ยเลี่ยงหันไปมองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก กลับเห็นหลังจากร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเก็บตัวเม่าเหลียงไปแล้ว ก็ก้าวเข้าไปหาชายหนุ่มอาภรณ์ดำผู้นั้น

ชายหนุ่มอาภรณ์ดำแม้จะโอหัง แต่กลับไม่กล้าวู่วาม

เขามีความรู้สึกว่า เยี่ยนจ้าวเกอในครั้งนี้เกรงว่าจะเป็นตัวจริง

มิพักเอ่ยถึงการสวมรอยของเขาสุดท้ายก็ถูกตัวจริงจับได้ แค่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกตรงหน้านี้ก็เป็นยอดฝีมือในขั้นเทวะสำแดงแล้ว

กลิ่นอายอันน่ากลัวนั้นกดอัดจนชายหนุ่มอาภรณ์ดำหายใจไม่ออก

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเอ่ยอย่างราบเรียบ “ข้ารู้สึกได้ว่าด้านในถุงย่อส่วนที่ท่านพกติดตัวมีคนอยู่หลายคน”

ชายหนุ่มอาภรณ์ดำอึ้งกับที่ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกดฝ่ามือลงมา เขาขยับเขยื้อนไม่ได้ ส่วนถุงย่อส่วนตกไปอยู่ในมือของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก

ครั้นปากถุงเปิดออก เงาคนหลายเงาลอยออกมาแล้วตกลงบนพื้น ล้วนเป็นสตรีโฉมสะคราญทั้งสิ้น

พวกเซี่ยเลี่ยงต่างงงงัน

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกครั้งนี้แบมือออก มีเงาคนเงาหนึ่งโผล่ขึ้นใจกลางฝ่ามือ แล้วกระโดดลงมาบนพื้น

คนในจวนมองไปอย่างสนใจ กลับเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายหนุ่มผู้นี้มีแค่พลังฝึกปรือระดับปรมาจารย์เท่านั้น ดูอย่างไรก็ธรรมดา

กระนั้นเพราะเขาถูกร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพาเข้ามา ทุกคนจึงไม่กล้ามองข้าม

ชายหนุ่มคนนั้นยามนี้สับสนเล็กน้อย เหมือนอยู่ในความฝัน

แต่ตอนที่สายตาของเขาตกลงบนร่างของสตรีคนหนึ่งในกลุ่ม สีหน้าก็พลันเปลี่ยน

สตรีนางนั้นมีสีหน้าสับสนและหวาดกลัว เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเขา ก็ร้องอุทานขึ้นทันที

ทั้งสองกอดกันอย่างแนบแน่น

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสีหน้าสงบนิ่ง ไม่ยินดีไม่โศกเศร้า ก้มหน้ามองชายหนุ่มอาภรณ์ดำผู้นั้น ปล่อยพลังฝ่ามืออย่างต่อเนื่อง

ชายหนุ่มอาภรณ์ดำพลันส่งเสียงครางหนักๆ กระดูกทั่วร่างแทบจะแตกละเอียด เส้นชีพจรถูกทำลาย อวัยวะภายในเสียหาย

ญาณจริงแท้กลายเป็นปราณกำเนิด จากนั้นก็กระจายออกมาจากจุดลมปราณทั่วร่าง

พลังชีวิตอันแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ทำให้เขายังไม่ถึงกับตายอยู่ชั่วขณะ แต่ว่าพลังฝึกปรือทั้งหมดใช้ไม่ได้อีกแล้ว พลังสลายไปหมดสิ้น

ชายหนุ่มอาภรณ์ดำรู้สึกว่าตนตายดีกว่าอยู่ ถูกฟาดตายในฝ่ามือเดียวยังรู้สึกดีกว่า

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสามารถฟาดเขาให้ตายด้วยหนึ่งฝ่ามือได้ แต่กลับปล่อยให้เขาเหลือลมหายใจรวยริน เขาไม่คิดว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายมีเจตนาดี

ความเย็นเยียบที่เสียดแทงกระดูกยิ่งกว่าเกิดขึ้นในจิตใจของเขา

ได้ยินร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกล่าว “คนผู้นี้จะจัดการอย่างไร ตัวท่านตัดสินเองเถอะ”

ปรมาจารย์หนุ่มที่ได้พบกับภรรยาผู้นั้นได้ยิน ตาก็กลายเป็นแดงก่ำ หลังจากปลอมประโลมภรรยาสองสามประโยค ก็สาวเท้าเข้ามา

แม้ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่พลังฝึกปรือใช้ไม่ได้อีกแล้ว แต่ว่าลมปราณยังไม่หายไปไหน ครั้นถูกอีกฝ่ายถลึงตามอง ชายหนุ่มที่มีพลังฝึกปรือในระดับปรมาจารย์ก็ร่างสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

แต่ว่าความโกรธและความแค้นในใจได้กดความเกรงกลัวและความกริ่งเกรงเอาไว้ เขาส่งเสียงคำราม ผลักสองมือออกใส่อีกฝ่าย

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเห็นดังนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย ‘มีความเด็ดขาดและความกล้าหาญอยู่หลายส่วน’

ปรมาจารย์หนุ่มได้ทวงแค้น จึงสับสนอยู่ชั่วขณะ ทว่าครั้งนี้ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว หันไปหมอบกราบกรานกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก

“ขอบคุณใต้เท้า ขอบคุณเจ้าชายพระอาทิตย์ที่คืนความยุติธรรมให้ข้า!”

ภรรยาของเขารีบร้อนคุกเข่าลง สตรีนางอื่นก็พากันกราบกรานเช่นกัน

กระนั้นรอจนพวกเขาเงยหน้าขึ้น ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็ได้หายไปแล้ว

พวกเซี่ยเลี่ยงมองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วยความงงงวย รู้สึกสั่นสะท้าน

ไปเช่นนี้เลยหรือ?

ไม่มีอะไรจะพูดหรือทำหน่อยหรือ?

จริงด้วย สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอตัวจริงแล้ว เขาไม่คิดจะเอาอะไรจากเมืองตกวาฬและตระกูลเซี่ยอยู่แล้ว

เมื่อจัดการตัวปลอมที่สวมรอยเป็นตัวเองได้สำเร็จ ย่อมจากไป

เซี่ยเลี่ยงกับผู้อาวุโสพรรคลมหายใจวาฬมองหน้ากันเอง ผู้อาวุโสพรรคลมหายใจวาฬผู้นั้นถอนใจ “คนสุดท้ายผู้นี้เป็นเจ้าชายพระอาทิตย์ตัวจริง!”

“เมื่อครู่ข้าทำตัวเสียมารยาทแล้ว ขอแค่เจ้าชายพระอาทิตย์อย่าคาดโทษก็พอ” เซี่ยเลี่ยงยิ้มอย่างขื่นขม “จริงด้วย อัจฉริยะอย่างเจ้าชายพระอาทิตย์ เกรงว่าจะไม่ได้สนใจตระกูลเซี่ยกับเมืองตกวาฬด้วยซ้ำ เพียงแต่…เฮ้อ!”

เพียงแต่ตนกลับเสียโอกาสผูกมิตรกับเยี่ยนจ้าวเกอไปแล้ว

น่าสงสารที่ต่อหน้าตัวปลอมเหล่านั้น ตระกูลเซี่ยกลัวว่าจะดูแลไม่ดีพอ แต่พออยู่หน้าตัวจริงกลับแสร้งเป็นเลอะเลือน

เซี่ยเลี่ยงที่ได้สติกลับมา รู้สึกเสียใจ อยากจะตบหน้าตัวเองสักสองที

ลูกศิษย์ตระกูลเซี่ยที่อยู่ด้านข้างเขาพลันกล่าวเตือนว่า “ท่านประมุข สภาพแวดล้อมในภาพเหมือนเงาแสงเมื่อครู่ ดูเหมือนจะเป็นเครื่องเรือนในห้องส่วนตัวของหอสุราในเมืองตกวาฬของพวกเรา”

เซี่ยเลี่ยงตาเป็นประกาย “เร็ว รีบนำทาง!”

คนในตระกูลเซี่ยที่อยู่ในจวนพลันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

ในตอนนั้นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกได้กลับมาในห้องส่วนตัวของหอสุราแล้ว กลางฝ่ามือเปล่งแสงวาบ เงาสองเงาหล่นลงบนพื้น

เงาร่างเงาหนึ่งคือเม่าเหลียงที่หายใจรวยริน อีกเงาร่างหนึ่งกลับมีหน้าตาเหมือนกับเยี่ยนจ้าวเกอไม่มีผิด

เขาครั้งนี้มองตัวเม่าเหลียงที่ถูกประทับตราอาคมแสงอาทิตย์บนหน้าผากอย่างงงงวย

คนผู้นี้ยิ้มอย่างขื่นขม จิตใจสับสน

คนเป็นๆ อย่างตนกลายเป็นปีศาจของเยี่ยนจ้าวเกอที่หนีไปออกอาละวาดแล้ว?

ขณะมองอีกฝ่าย เยี่ยนจ้าวเกอก็กล่าวเรียบๆ ว่า “เครื่องแต่งกายเหมือนกันมาก หากไม่ใช่คนรู้จักย่อมไม่อาจแยกแยะได้ ท่านแตกต่างกับคนสองคนนั้น พวกเขาถูกเปิดโปงง่ายๆ แต่ท่านกลับปลอมตัวได้นานมาก แผนการไม่ธรรมดาทีเดียว”