อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1148 ใบ้เป็นกลุ่ม
เมื่อนั้นก็มีเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า เกล็ดหิมะเริงระบำอยู่กลางอากาศราวกับภูต
ทุกคนรู้สึกชวนรักชวนฝัน
แต่ผู้เฒ่าหนิงกลับรู้สึกกดดันเป็นเท่าตัว เกล็ดหิมะแต่ละเกล็ดราวกับคมมีดที่พร้อมเอาชีวิตของเขาได้ทุกเมื่อ
ไม่ว่าเขาจะพยายามขัดขืนสุดชีวิตอย่างไร ก็ไม่อาจหยุดยั้งการโจมตีแบบวงบุปผาเชื่อมต่อของเกล็ดหิมะได้เลย
“แปลก ร้อนอย่างนี้ทำไมมีหิมะตกลงมาได้ เจ้าบ้านเวินใช้กำลังภายในกระตุ้นเกล็ดหิมะหรือ”
“ต้องใช่แน่ ไม่อย่างนั้น อยู่ดีๆ จะมีหิมะตกมาได้อย่างไร”
“แต่หิมะนี้ก็ดูไม่เหมือนมีพลังทำลายล้างนี่ จะทำหิมะทำไม”
“เจ้าไม่เห็นสีหน้าผู้เฒ่าหนิงแย่ลงเรื่อยๆ หรือ ลมหายใจก็กระชั้นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”
หนิงเทียนโย่วกำหมัดแน่น แทบอยากพุ่งออกไป แต่เขารู้ เขาไม่สามารถเข้ายุ่งการต่อสู้ระดับนี้ได้เลย
กู้ชูหน่วนอยู่ห่างจากเขาไม่มาก กระซิบพูดกับเขาประโยคหนึ่ง “วางใจเถอะ นอกจากผู้เฒ่าหนิงจะดื้อดึงจะตายไปข้างให้ได้ เขาก็จะไม่มีอันตรายถึงชีวิตหรอก”
ตอนนี้เอง หนิงเทียนโย่วถึงสังเกตเห็นกู้ชูหน่วน
เห็นกู้ชูหน่วนกะพริบตาให้เขาอย่างคลุมเครือ
หนิงเทียนโย่วพลันตะลึง
ทำไมสายนี้ถึงคุ้นเคยอย่างนี้นะ
เหมือนว่าจะเป็นมู่หน่วน?
“เจ้าคือ…”
“หมอจิน มาจากเฉิงหนาน”
หนิงเทียนโย่วพลันกระจ่าง เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมู่หน่วนต้องปกป้องตัวอัปมงคลคนนั้นด้วย
นับจากตระกูลมู่เกิดเรื่อง เขาก็ห่วงกู้ชูหน่วนมาตลอด
ตอนนี้เห็นนางสบายดี เขาก็วางใจแล้ว
“ปัง…”
ผู้เฒ่าหนิงใช้พลังแกร่งหลอมละลายเกล็ดหิมะ อายร้อนอบอวลจนทำให้ทุกคนอดใช้แขนเสื้อพัดดับร้อนไม่ได้
เกล็ดหิมะละลายแล้ว
ไม่นานก็กลายเป็นฝนเย็น
ทุกหยาดหยดพกพาความเย็นเฉียบ
ตกลงเปาะแปะ
สำหรับทุกคน เป็นเพียงการตากฝนเย็นเฉียบเท่านั้น
แต่สำหรับผู้เฒ่าหนิง ทำหยาดฝนอันเย็นเฉียบกลับมีเจตนาฆ่าคลุกรุ่นอยู่ในนั้น
แค่สัมผัสเพียงนิดเดียว เป็นต้องทะลุผ่านร่างกาย
ผู้เฒ่าหนิงต้านทานแล้วต้านทานอีก สีหน้าย่ำแย่ผิดปกติ ลมหายใจหนักมากขึ้น
หนิงเทียนโย่วรีบเอ่ย “ท่านปู่…”
เจ้าบ้านซ่างกวนเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าบ้านหนิงดื้อดึงเกินไปแล้ว หาสู้กันอย่างนี้ต่อไป เขาต้องได้เอาชีวิตแก่ๆ ของตัวเองไปทิ้งแน่”
“เจ้าบ้าน พวกเราต้องช่วยหรือไม่”
ช่วย?
ช่วยอย่างไร?
เจ้าบ้านทั้งสามตระกูลจับมือกัน ยังสู้เวินฉู่ไม่ได้เลย
พลังของตระกูลเวินลึกลับมาแต่ไหนแต่ไร
พวกเขาสามารถบ่มเพาะเจ้าบ้านหนุ่มที่ยอดเยี่ยมอย่างนี้ได้ ใครจะรู้ว่าในตระกูลจะมียอดฝีมือระดับหกขั้นสูงอีกหรือไม่
แต่ถึงจะไม่มีระดับหกขั้นสูง แค่มีระดับหกโผล่ออกมาคนสองคนก็ไล่บี้พวกเขาได้แล้ว
“ฟิ่วๆๆ…”
อย่างไรผู้เฒ่าหนิงก็อายุมากแล้ว กอปรกับฝีมือด้อยกว่าอีกฝ่าย
จึงปิดฉากอย่างแพ้ย่อยยับ
ฝนเย็นตกลงมาไม่หยุด กวาดล้าง พุ่งตรงใส่ผู้เฒ่าหนิง หากมิใช่เพราะเวินเส้าหยียั้งมือได้ทัน น่ากลัวว่าผู้เฒ่าหนิงต้องวางวายไปนานแล้ว
“ยอมรับเสียเถอะ” เวินเส้าหยีคำนับอย่างถ่อมตน
ผู้เฒ่าหนิงกลั้นเลือดลมที่ทะลักขึ้นมาไม่หยุดไว้ได้ ยิ้มเอ่ยเสียงเย็น “เจ้าบ้านเวินฝีมือร้ายกาจ ข้าแพ้ก็คือแพ้ ไม่ต้องพูดคำพูดสวยหรูหรอก วันนี้ข้าไม่ฆ่าเขา ไม่ได้หมายถึงต่อไปข้าจะไม่ฆ่าเขา”
ผู้เฒ่าหนิงอดทนต่ออาการสาหัสจากไป แต่ก่อนจะจากไป เขามองเจ้าบ้านซ่างกวนแวบหนึ่งด้วยสายตาลึกซึ้งก่อนจะถากถาง
“มีบางคนรังแกผู้อ่อนแอกลัวล่วงเกินผู้ทรงอิทธิพล ปากก็ว่าฆ่าตัวอัปมงคล ดำรงครรลองฟ้าแทนสวรรค์ สุดท้ายกลับเหมือนคนขี้ขลาด แค่เจอลูกเสือก็เหน็บหาง ลมไม่กล้าผาย”
เจ้าบ้านซ่างกวนอ่อนข้อ
ทว่าคนตระกูลซ่างกวนกลับเดือดจัด ต่างต้องการเอาความกับผู้เฒ่าหนิง แต่ทุกคนก็ถูกเจ้าบ้านซ่างกวนห้ามไว้
“พวกเจ้าก็ด้วย แต่ละคนล้วนเป็นพวกตาขาวรังแกคนอ่อนแอกลัวล่วงเกินผู้ทรงอิทธิพล ตระกูลมู่อ่อนแอพวกเจ้าจึงกล้ากวาดล้าง ตระกูลเวินแข็งแกร่ง พวกเจ้าก็เลยเป็นใบ้บื้อไปกันหมด สุดแต่คนจะด่าทอใช้กำลัง”