“ตระกูลฉี? ฮ่าฮ่าฮ่า! ผมกลัวพวกเขาอยู่แล้วล่ะ จะไม่กลัวได้อย่างไรกัน? คนฉลาดอย่างคุณคงเดาเจตนาของผมออก ผมไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับตระกูลฉี แค่มอบสูตรยาให้ผม ผมก็พร้อมจะปล่อยคุณแล้ว” ชายวัยกลางคนพูดยิ้มๆ
จางเซวียนขมวดคิ้ว
คำพูดนี้ไม่ได้น่าเชื่อถือเลย ราชันย์เทพเจ้าย่อมรู้ดีว่าตัวเขาจะต้องเจอกับการตอบโต้แบบไหนบ้างจากตระกูลฉีหากปล่อยให้จางเซวียนมีชีวิตรอดกลับไป ซึ่งนั่นหมายความว่า…
จางเซวียนมองไปรอบๆ หน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันที
มีค่ายกลพิเศษถูกติดตั้งไว้รอบป่าเพื่อปกปิดร่องรอยการต่อสู้! เขามัวแต่วุ่นอยู่กับการฝึกฝนเทคนิคจนไม่รู้สึกตัวว่าอสูรสวรรค์สร้างบินได้ของเขานำเขามายังค่ายกลนี้
ศัตรูคงใช้วิธีการบางอย่างล่อลวงให้อสูรสวรรค์สร้างบินตรงเข้าหาค่ายกล!
“คุณต้องการแค่สูตรยาหรือ?” จางเซวียนถาม
“ใช่แล้ว ถ้าคุณตายที่นี่ ตระกูลฉีจะต้องพลิกแผ่นดินตามล่าตัวผมแน่ ซึ่งผมไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นหรอก คุณก็รู้” ชายวัยกลางคนพูด “แต่ในเมื่อผมลงมือแล้ว ก็ไม่คิดจะกลับไปมือเปล่า คุณอาจจะกำลังคิดว่าตัวคุณเก่งพอที่จะหลุดรอดเงื้อมมือของผมได้ แต่ผมบอกได้เลยว่าพละกำลังของคุณน่ะยังห่างชั้นกับราชันย์เทพเจ้าอย่างผมมาก!”
“แล้วถ้าผมปฏิเสธล่ะ?” จางเซวียนถาม
“คุณไม่อยากทำแบบนั้นแน่ เพราะผมน่ะอารมณ์ร้อน ถ้าคุณทำให้ผมโกรธ ผมอาจพลั้งมือทำร้ายคุณก็ได้” ชายวัยกลางคนตอบขณะเหยียดริมฝีปาก เผยรอยยิ้มโหดเหี้ยม
หมอนี่จะต้องฆ่าเราแน่ ไม่ว่าเราจะมอบสูตรยาให้หรือไม่ จางเซวียนไม่อาจเสี่ยงกับการทิ้งร่องรอยให้ตระกูลฉีตามหา เพราะนั่นจะทำให้เขาจะตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง
จางเซวียนจ้องตาชายวัยกลางคนและถามว่า “คุณจะทำตามที่คุณต้องการให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม?”
“คุณน่ะสำคัญตัวผิดเสียแล้วล่ะ”
“คุณจะสู้กับผมหรือ?” ชายวัยกลางคนหน้าดำคร่ำเครียด เขาชักดาบออกมา เสียงเคร้งกึกก้องของโลหะดังไปทั่วราวกับมังกรคำราม
พริบตาต่อมา ชายวัยกลางคนก็ปรากฏตัวตรงหน้าจางเซวียน ดาบของเขาเตรียมฟาดฟันบั้นเอวของอีกฝ่าย
ในฐานะราชันย์เทพเจ้า วรยุทธของเขาแข็งแกร่งพอจะทำให้อยู่ในตำแหน่งชนชั้นนำสูงสุดของสรวงสวรรค์
การโจมตีของเขาอาจดูไม่อลังการเหมือนเทพเจ้าสวรรค์สร้าง แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาปลดปล่อยพละกำลังออกมาถึงขีดสุด ไม่มีพลังงานที่เสียไปเปล่าๆจากความร้อนแผดเผาหรือการเปล่งเสียง
แถมโลกทั้งโลกก็ดูจะสั่นไหวเพราะกระบวนท่าของเขา เพิ่มพละกำลังให้การโจมตีนั้นรุนแรงขึ้นอีก
“ฮึ่มมม!”
เห็นชายวัยกลางคนเล่นงานเขาทันทีที่การเจรจาต่อรองจบลง จางเซวียนรู้ดีว่าอีกฝ่ายมีวิธีการเค้นเอาสูตรยาออกจากตัวเขาได้ต่อให้เขาตายไปแล้ว เพราะแนวคิดเรื่องการค้นหาจิตวิญญาณและเทคนิคที่มีลักษณะเดียวกันก็มีอยู่ในสรวงสวรรค์
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีทางหว่านล้อมให้ชายวัยกลางคนยั้งมือได้
ในเมื่อพูดอะไรออกไปก็เปล่าประโยชน์ จางเซวียนล่าถอยทันทีโดยใช้เทคนิคบันไดสวรรค์ธุลีแดง
ซึ่งแม้เทคนิคนี้จะทำให้เขาบินได้ แต่ความเร็วก็ต่ำกว่าราชันย์เทพเจ้ามาก
จางเซวียนถอยไปได้เพียง 12 ก้าวก่อนที่ดาบจะฟาดฟันลงมาตรงหน้า
ในตอนนั้น เขาอ้าแขนออก
จางเซวียนขับเคลื่อนพลังปราณจนเต็มพิกัด เขานำหอก 6 เล่มที่ยึดจากนักฆ่าทั้ง 6 คนเมื่อครู่นี้ออกมา จากนั้นก็จัดการให้หอกทั้งหมดชี้ไปที่ชายวัยกลางคน
หอกเหล่านี้ได้รับการถ่ายทอดแก่นสารเพลงหอกของเขาเข้าไป จึงมีพละกำลังเหนือชั้น แถมพวกมันยังอยู่ในตำแหน่งที่ทำให้จางเซวียนปลดปล่อยพลังผ่านค่ายกลผนึกกำลังได้ด้วย
“คุณก็มีวิธีเจ๋งๆเหมือนกันนี่!”
ชายวัยกลางคนคิดไม่ถึงว่าจางเซวียนจะเป็นผู้ฝึกฝนศิลปะเพลงหอกที่เก่งกาจ เขาคำราม จากนั้นก็ชักดาบกลับเพื่อรับมือกับค่ายกลเพลงหอก
ด้วยการฟาดฟันเพียงครั้งเดียว หอกทั้ง 6 เล่มก็ถูกดาบฟันแตกสลาย ทำให้ค่ายกลพังทลายไปด้วย
ระดับขั้นที่แตกต่างกันของอาวุธและวรยุทธของพวกเขาทำให้พอคาดเดาผลการปะทะได้
“ถ้าได้เป็นราชันย์เทพเจ้า คุณจะเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงไม่เบาทีเดียว น่าเสียดายที่ไม่มีทางมีวันนั้น” ชายวัยกลางคนคำรามขณะกวัดแกว่งดาบอีกครั้ง
การเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้ดูยิ่งใหญ่ แต่แรงกดดันมหาศาลจากการฟาดฟันบ่งบอกถึงความหนักหน่วงของการโจมตี
แม้จะรับมือด้วยเวทนาสวรรค์ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จางเซวียนจะก้าวข้ามความเหลื่อมล้ำระหว่างราชันย์เทพเจ้ากับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง
ไม่อย่างนั้น ราชันย์เทพเจ้าคงไม่เป็นที่ยำเกรงของผู้คนทั้งโลก
“ผมคิดว่าตอนนี้ผมก็เป็นผู้ต่อสู้ที่น่าสะพรึงสำหรับคุณอยู่แล้ว” จางเซวียนตอบอย่างไม่ยี่หระ
เขายอมรับว่าพละกำลังของเขายังอ่อนด้อยเมื่อเทียบกับชายวัยกลางคน แต่อีกฝ่ายก็เป็นแค่ราชันย์เทพเจ้า เขาใช้หน้าหนังสือสีทองโถมทับทีเดียวก็เกินพอจะเล่นงานได้แม้แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแล้ว นับประสาอะไรกับราชันย์เทพเจ้า!
เหตุผลเดียวที่เขาปล่อยให้ชายวัยกลางคนผู้นี้มีชีวิตอยู่ก็เพราะไม่อยากเสียสมบัติล้ำค่าไปกับคนแบบนี้
“คุณนี่หลงตัวเองจริงๆนะ” ชายวัยกลางคนคำรามขณะกวัดแกว่งดาบอย่างโกรธเกรี้ยว
ในชั่วพริบตา ทั่วท้องฟ้าก็ปกคลุมไปด้วยกระแสดาบฉี บริเวณโดยรอบมืดมิด
แต่คราวนี้ แทนที่จางเซวียนจะหลบ เขากลับพุ่งเข้าใส่
จางเซวียนรวบรวมกระแสดาบฉีไว้ที่ปลายนิ้ว เกิดเป็นประกายสว่างวาบท่ามกลางความมืดมิด มันดูไม่สลักสำคัญอะไรเลยเมื่อเทียบกับปราการกระแสดาบฉีที่โอบล้อมอยู่โดยรอบ แต่ก็ดูเหมือนจะมีพละกำลังบางอย่างที่ไม่อาจมองข้ามได้
เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดสิ้นดี!
ทั้งๆที่เป็นราชันย์เทพเจ้า แต่ชายวัยกลางคนก็อดไม่ได้ที่จะไม่สบายใจกับความเข้มข้นของกระแสดาบฉีที่ปลายนิ้วของจางเซวียน มันทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกห่อผ้าไว้หลายชั้นจนขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่ได้
ฟิ้วววว!
กระแสดาบฉีที่ครอบคลุมทั่วทั้งท้องฟ้าพุ่งเข้าสู่ปลายนิ้วของจางเซวียนที่มีกระแสดาบฉีรวมตัวกันอยู่ ราวกับถูกกลืนกินเข้าไป ในเวลาเดียวกัน รังสีของกลุ่มกระแสดาบฉีที่ปลายนิ้วก็เข้มข้นขึ้นจนน่าสะพรึง
“นั่นมันศิลปะเพลงดาบชนิดไหน?” ชายวัยกลางคนถามด้วยนัยน์ตาเบิกโพลง
ศิลปะเพลงดาบนี้ทรงพลังทั้งที่ชายหนุ่มใช้แค่ปลายนิ้วของเขา ถ้าอีกฝ่ายมีดาบในมือ จะมิทรงพลังยิ่งกว่านี้หรือ? เขาไม่เคยเห็นศิลปะเพลงดาบที่แข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดแบบนี้มาก่อน
ต่อให้ราชันย์เทพเจ้าก็สำแดงพละกำลังแบบนี้ไม่ได้ง่ายๆ!
ชายวัยกลางคนขนลุกขนชันไปทั้งตัว เขารีบเงื้อดาบขึ้นเพื่อเตรียมรับมือกับอะไรก็ตามที่กำลังจะเข้ามา พร้อมกันนั้น ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาก็พึมพำ “ความตายเท่านั้นที่ทำให้ดักแด้ยอมออกจากรัง ขี้เถ้าเท่านั้นที่ทำให้น้ำตาเทียนเหือดแห้ง”
เวทนาสวรรค์ระดับ 3 ได้รับการคิดค้นจนสมบูรณ์แบบแล้ว!
ก่อนหน้าจะเกิดการโจมตี จางเซวียนกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าตัวเขาอยากคิดค้นศิลปะเพลงดาบแบบไหน แต่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ เขาก็เชื่อมโยงมันเข้ากับอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองได้สำเร็จ
หนึ่งวันเป็นอาจารย์ เป็นบิดาชั่วชีวิต
อาจารย์คนหนึ่งต้องมีความเข้มงวดแบบเดียวกับพ่อแม่เมื่อให้การชี้แนะเรื่องความรู้กับลูกศิษย์ หรืออาจเข้มงวดกว่านั้น
อาจารย์ควรทำตัวประหนึ่งมิตรสหายด้วย ต้องสื่อสารกับลูกศิษย์ด้วยความใส่ใจและห่วงใย เพื่อจะได้เข้าใจสถานการณ์และชี้แนะพวกเขาโดยยึดถือตามลักษณะโดยธรรมชาติของผู้นั้น
อาจารย์คือพี่เลี้ยง จะต้องมีความห่วงใยทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูกศิษย์ของพวกเขา ใส่ใจทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่
ความสัมพันธ์ระหว่างครูบาอาจารย์กับลูกศิษย์นั้นซับซ้อน ไม่อาจให้คำจำกัดความด้วยคำเพียงสองสามคำได้ มันคือพันธะที่ทรงพลังและยาวนานมั่นคง จวบจนความตายมาถึง
ความตายเท่านั้นที่ทำให้ดักแด้ยอมออกจากรัง ขี้เถ้าเท่านั้นที่ทำให้น้ำตาเทียนเหือดแห้ง*!*
ศิลปะเพลงดาบนี้อยู่บนรากฐานของอารมณ์ความรู้สึกที่ลึกที่สุดในหัวใจของเขา มันเหมือนหลุมดำที่กลืนกินชายวัยกลางคนเข้าไปทั้งตัว
แม้จะเป็นราชันย์เทพเจ้า เขาก็ไม่อาจต้านทานประสิทธิภาพของศิลปะเพลงดาบนี้ได้ ยังไม่ทันจะรู้ตัว ก็ถูกเล่นงานอย่างจังที่หน้าอก
บาดแผลขนาดใหญ่ปรากฏที่หน้าอกของเขา
“คุณ…”
ชายวัยกลางคนคิดไม่ถึงว่าจะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง จึงไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีก เขาคำรามกร้าว แต่ขณะที่กำลังจะโยนทุกอย่างทิ้งไปเพื่อสังหารชายหนุ่ม ก็พลันรู้สึกถึงความเย็นเยือกที่อยู่ด้านหลัง
เขาตอบโต้โดยสัญชาตญาณ ปล่อยพลังงานออกไปด้านหลังเพื่อพยุงร่างของตัวเองไว้
บึ้มมมม!
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น พละกำลังมหาศาลพุ่งผ่านแผ่นหลังของเขาไป ร่างของเขาโน้มไปข้างหน้าก่อนจะล้มกลิ้งลงกับพื้น
ชายวัยกลางคนรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะหันกลับไป เห็นอีกร่างหนึ่งที่มีหน้าตาเหมือนชายหนุ่มที่เขากำลังต่อสู้ด้วยอย่างไม่ผิดเพี้ยน
“นี่คือ…ตัวโคลน?”
ชายวัยกลางคนหรี่ตา
มันคือตัวโคลนที่มีพละกำลังเทียบเท่ากับร่างต้นแบบ
หมอนั่นมีของแบบนี้ได้อย่างไร?
“ลุย!”
จางเซวียนไม่แยแสความตกตะลึงของชายวัยกลางคน เขาพุ่งเข้าใส่ขณะปล่อยกระแสดาบฉีออกจากปลายนิ้ว ในเวลาเดียวกัน ตัวโคลนก็พุ่งออกมา
ด้วยลักษณะตามธรรมชาติของบัวเก้าหัวใจ ตัวโคลนไม่จำเป็นต้องบ่มเพาะกายเนื้อ ขอแค่มียาเม็ดแก่นสารเทพเจ้ามากพอ ก็สามารถยกระดับวรยุทธและความแข็งแกร่งของร่างกายได้
ถ้าไม่ใช่เพราะเวทนาสวรรค์ ต่อให้จางเซวียนก็รับมือกับมันไม่ไหว
การผนึกกำลังกันของทั้งคู่จัดว่าน่าสะพรึงมาก แม้ด้วยความแข็งแกร่งระดับราชันย์เทพเจ้า ชายวัยกลางคนก็ยังรู้สึกถูกกดดันอย่างหนัก
โดยปกติ ราชันย์เทพเจ้าสามารถรับมือกับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงโดยใช้เพียงปลายนิ้วได้สบาย แต่เขาพบว่าตัวเองรับมือกับคู่ต่อสู้ทั้งสองด้วยความยากลำบาก ทำให้รู้สึกอึดอัดใจมาก
เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเมื่อต้องต่อสู้กับนักรบที่ยังไม่ได้เป็นราชันย์เทพเจ้า!
“ดูเหมือนผมประเมินคุณต่ำไป แต่ถึงอย่างไรก็ไม่แตกต่าง คุณไม่มีทางเอาชีวิตรอดออกจากที่นี่ได้หรอก!”
ชายวัยกลางคนปล่อยพละกำลังเต็มพิกัด ในชั่วพริบตานั้น ดูเหมือนมิติโดยรอบจะแข็งทื่อ จางเซวียนกับตัวโคลนรู้สึกได้ถึงพละกำลังที่ฉุดรั้งการเคลื่อนไหวของพวกเขา ทำให้เคลื่อนไหวได้ช้าลงมาก
ศิลปะเพลงดาบของจางเซวียนนั้นทรงพลัง แต่เขาไม่มีอาวุธที่เหมาะสม ส่วนตัวโคลนมีกายเนื้อที่แข็งแกร่ง แต่ระดับวรยุทธที่แท้จริงของมันก็ยังอ่อนด้อยไปสักหน่อย ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงรับมือกับราชันย์เทพเจ้าได้ยาก
พลั่ก! พลั่ก!
จางเซวียนกับตัวโคลนถูกเล่นงานพร้อมกัน ทั้งคู่กระเด็นไป