ราชันเร้นลับ 1107 : ผ่อนคลาย

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ในฐานะนักล่าผู้เป็นเจ้าของผ้าคลุมเงาเดนิสมักซ่อนตัวและสะกดรอยได้ดี ต้องไม่ลืมว่าเมื่อก่อนเคยช่วยเกอร์มัน·สแปร์โรว์จัดการกับเหล็กกล้าแม็ควิตี้ แต่ปัจจุบัน เนื่องจากเป้าหมายแทบไม่มีความเคลื่นไหว มันจึงรู้สึกเบื่อหน่ายและหวังให้แอนเดอร์สันมาเปลี่ยนกะโดยเร็ว

 

ชีวิตแบบนี้จะจบลงตอนไหน? ได้โปรด พลเรือโทโรคภัยช่วยปรากฏตัวออกมาสักที… ไม่สิ ยังไม่ใช่ตอนนี้ ต้องรอให้แอนเดอร์สันกลับมาก่อน… ขณะเดนิสรำพัน มันรีบยุติคำภาวนา

 

มันกังวลว่านายพลโจรสลัดอย่างเทรซี่จะสังเกตเห็นการซ่อนตัวในเงามืดของตน เพราะไม่มีความกล้าและฝีมือมากพอที่จะปะทะกับอีกฝ่าย

 

แต่แน่นอน หากมันสวมถุงมือ ปัญหาด้านความกล้าก็จะหมดไป

 

ตราบใดที่ตัดสินใจได้หุนหันพลันแล่นมากพอ ความกลัวและขี้ขลาดก็จะตามไม่ทัน!

 

“นายดูเครียดๆ นะ” ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูเดนิส

 

เดนิสผงะพร้อมกับกระโดดออกจากเงามืด เปลวไฟสีส้มก่อตัวบนฝ่ามืออย่างรวดเร็ว

 

ขณะเดียวกัน มันรีบมองไปทางต้นเสียงและพบแอนเดอร์สันกำลังซ่อนตัวในพุ่มไม้ด้านข้าง บนศีรษะมีกิ่งไม้และใบสีเขียวประดับ เรียกได้ว่ากลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม

 

“…แม่เย็*!” เดนิสเองไม่ก็ทราบว่ามันสบถใส่แอนเดอร์สันหรือตัวเอง จากนั้นก็ระบาย “นายมาตั้งแต่ตอนไหน?”

 

“สองนาทีที่แล้ว” แอนเดอร์สันตอบพลางยิ้ม “ซ่อนตัวได้ไม่เลว ตอนแรกฉันหานายไม่พบ เลยตัดสินใจมาหาในจุดที่คิดว่านายน่าจะอยู่และถามหยั่งเชิงดู”

 

เดนิสไม่รู้ว่าตนควรภูมิใจหรือสาปแช่งอีกฝ่ายดี มันถามกลับไปด้วยสีหน้าซับซ้อน

 

“หมายความว่าถ้าฉันรักษาความเยือกเย็นไว้ได้ นายจะมองไม่เห็น?”

 

“ทางทฤษฎีก็ใช่” แอนเดอร์สันยิ้มหน้านิ่ง “แต่ในฐานะนักล่ามากประสบการณ์ ฉันมีวิธีมากมายในการค้นหา”

 

ขณะเดนิสเตรียมถามว่ามีวิธีใดบ้าง ทันใดนั้นมันเห็นบัสต์ในห้องดับเทียนไขและเตรียมเข้านอน

 

ผ่านไปหลายสิบวินาที ท่ามกลางความมืด ร่างอันเลือนรางของพ่อค้าข่าว บัสต์ โผล่ตรงหน้าต่างพร้อมกับกระโจนออกมาด้วยเสียงเงียบ เท้าสัมผัสกับพื้นด้านนอกในจุดที่แสงส่องไม่ถึง

 

บริเวณดังกล่าวคือจุดที่เดนิสกำลังซ่อนตัว และมันเกือบถูกเป้าหมายเหยียบหน้าในสภาพกลมกลืนกับเงามืด

 

บัสต์เดินตามแนวเงามืดไปจนถึงทะเล

 

“…แม่เย็*!” เดนิสโผล่ออกมาอีกครั้งในมุมอับสายตาด้านหลังบัสต์ ตามด้วยการยกนิ้วกลาง

 

แอนเดอร์สันเองก็ออกจากพุ่มไม้เล็กด้านข้าง ดึงกิ่งไม้และใบไม้บนหัวพร้อมกับยิ้มให้เดนิส

 

“ดูเหมือนว่าคืนนี้จะได้ผลลัพธ์”

 

เดนิสชำเลืองนักล่าอันดับหนึ่งแห่งทะเลหมอกพลางพยักหน้า

 

“หวังว่าจะเป็นพลเรือโทโรคภัย”

 

มันจับไหล่แอนเดอร์สันและพาเดินสะกดรอยพ่อค้าข่าวตามแนวเงาดำ รักษาระยะห่างที่เหมาะสม

 

“ก็ไม่โง่นี่…” แอนเดอร์สันยิ้มหลังจากจับตามองสักพัก

 

เดนิส ‘หึหึ’ ในลำคอโดยไม่เปล่งเสียง

 

หากไม่ได้สวมถุงมือ มันทราบดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามัวถากถางกันเอง!

 

สิบห้านาทีถัดมา บัสต์เดินมาถึงทะเลและหยุดยืนบนชายหาด จ้องมองไปยังมหาสมุทรสีน้ำเงินเข้มท่ามกลางแสงจันทร์สีแดง

 

โดยไม่ต้องรอนาน เค้าโครงขนาดใหญ่ถูกวาดขึ้นจากส่วนลึกของทะเล จนกระทั่งภาพเรือใบสีดำธงขาวปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน

 

บนธงเรือเป็นภาพของกะโหลกศีรษะที่เบ้าตาสองข้างลุกโชนไปด้วยเปลวไฟสีฟ้าอ่อน

 

กาฬมรณะ!

 

เรือธงของพลเรือโทโรคภัย เทรซี่ กาฬมรณะ!

 

เดนิสตื่นเต้นทันที หากไม่ใช่เพราะกำลังผสานกับเงา รูม่านตาของมันคงเบิกกว้างเพื่อรับแสงให้ได้มากขึ้น จะได้เก็บรายละเอียดของเรือโจรสลัดตรงหน้าอย่างชัดเจน

 

มันแอบย่อยเข้าไปใกล้ตามความเคยชิน ด้วยต้องการยืนยันว่าบนเรือมีพลเรือโทโรคภัย เทรซี่ โดยสารมาด้วย

 

เรือใบลำใหญ่แล่นเข้ามาใกล้ทุกขณะ สองนักล่าในเงามืดเริ่มเห็นลูกเรือที่กำลังวิ่งวุ่นบนดาดฟ้า

 

แถวนี้มีท่าเรือให้จอด? หรือจะให้บัสต์จะส่งเรือเล็กมารับบัสต์ขึ้นไป? ขณะเดนิสครุ่นคิด มันได้ยินเสียงทุ้มของแอนเดอร์สัน

 

“รีบไปจากที่นี่”

 

เห…? เดนิสมีคุณสมบัติที่ดีอยู่หนึ่งข้อ นั่นคือการเชื่อฟังคำสั่งของผู้มีอำนาจอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะต่อหน้าเอ็ดวิน่าเอ็ดเวิร์ดหรือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ มันไม่เคยเสียเวลาโต้แย้งคำสั่ง ไม่ว่าจะเต็มไปด้วยคำถามมากเพียงใดก็ตาม ตอนนี้ก็เช่นกัน มันสลัดความเห็นส่วนตัวและรีบเผ่นออกจากชายหาดอย่างเงียบเชียบ

 

เมื่อมองไม่เห็นกาฬมรณะ และได้ยินเพียงเสียงคลื่นทะเลเบาบาง เดนิสออกจากเงามืด โผล่ตัวในป่าพร้อมกับตั้งคำถาม

 

“เรายังไม่ทันได้เห็นว่าพลเรือเอกโรคภัยอยู่บนเรือไหม”

 

แอนเดอร์สันจ้องเดนิสหัวจรดเท้าพลางหัวเราะ

 

“อย่าได้ดูแคลนผู้วิเศษคนดังในทะเลที่รอดชีวิตมาจนถึงปัจจุบัน นายพลโจรสลัดทุกคนคือเป้าหมายที่ต้องรับมือด้วยความรอบคอบเป็นพิเศษ”

 

เดนิสโต้แย้งโดยไม่รู้ตัว

 

“พลเรือเอกโลหิต เซนอล พลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์…”

 

ชื่อเหล่านี้คือพลเรือเอกที่ถูกเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ‘เก็บ’ อย่างง่ายดาย

 

“…” แอนเดอร์สันมิอาจหาคำมาโต้แย้งได้เป็นเวลานาน จนกระทั่งฉุกคิดบางสิ่งและกล่าว “ดังนั้น เมื่ออีกฝ่ายคือพลเรือโทโรคภัยที่เคยถูกเกอร์มัน·สแปร์โรว์ลอบสังหารแต่รอดมาได้ ก็ยิ่งต้องรอบคอบเป็นพิเศษไม่ใช่หรือ?”

 

เดนิสครุ่นคิดสักพักและพบว่าคำพูดแอนเดอร์สันค่อนข้างสมเหตุสมผล แต่ขณะกำลังจะกล่าวบางสิ่ง มันคันคอและไอออกมา

 

หลังจากไออยู่นาน คอของมันเริ่มบวมและเจ็บ แถมยังมีกลิ่นสนิม

 

“เห็นไหม… บอกแล้วให้ระวัง” แอนเดอร์สันกำหมัดป้องปากไอเล็กน้อย แต่ไม่รุนแรงเท่าเดนิส “เทรซี่คงซ่อนตัวอยู่ภายในเรือและคอยแพร่กระจายโรค เมื่อมีใครเข้าไปใกล้ อีกฝ่ายจะติดเชื้อและถูกบังคับให้เผยตัว อา… พิจารณาจากรัศมีของพลัง เธอน่าจะย่อยโอสถลำดับห้าเสร็จสมบูรณ์แล้ว รอโอกาสที่จะเลื่อนเป็นลำดับ 4”

 

“แล้วทำไมถึงเดาว่ายังเป็นแค่ลำดับห้าไม่ใช่สี่?” อาการของเดนิสบรรเทาลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากอยู่ห่างกับแหล่งโรค

 

“ถ้าเธอเป็นลำดับสี่ ตอนนี้นายน่าจะถูกจับขึ้นกาฬมรณะเรียบร้อยแล้ว หรือไม่ก็กำลังทุกข์ทรมานใกล้ตาย” แอนเดอร์สันหมุนตัวครึ่งรอบ หันหน้าไปทางทะเลที่มองไม่เห็น “เมื่อครู่ การปล่อยโรคของเทรซี่อาศัยเทคนิคช่วยเล็กน้อย เป็นการเน้นปล่อยโรคเฉพาะด้านหน้าเรือโดยไม่สนใจอีกสามทิศที่เหลือ จากนั้นก็อาศัยลมทะเลพัดโรคเข้าฝั่ง”

 

กล่าวถึงตรงนี้ แอนเดอร์สันปรบมือแผ่วเบาพร้อมกับยิ้ม

 

“ประสบการณ์เมื่อครู่คือเครื่องยืนยันแล้วว่าพลเรือโทโรคภัยอยู่บนเรือ… นายแจ้งข่าวให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์ได้เลย”

 

“…” เดนิสไม่ลังเลอีกต่อไป รีบประกอบพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสาร ส่วนแอนเดอร์สันรีบเดินออกมาโดยใช้ข้ออ้าง ‘ช่วยป้องกันเหตุร้าย’

 

 

ตีสาม เขตตะวันออกของเบ็คลันด์ สภาพแวดล้อมมืดมิด มีเพียงแสงจากดวงจันทร์และดวงดาว

 

ไคลน์แต่งกายด้วยชุดนอนผ้าฝ้ายและหมวกคลุมหัว นั่งลงบนเตียงพร้อมกับรับจดหมายจากไรเน็ตต์ ไทน์เคอร์โดยไม่ถาม

 

หลังจากเปิดอ่าน มันลุกขึ้นอย่างสุขุม หยิบปากกาในกระเป๋าเสื้อออกมาเขียนด้านหลังกระดาษจดหมาย

 

“กลับไปที่เมืองท่าและรอคำสั่งถัดไป”

 

หลังจากเฝ้ามองผู้ส่งสารเดินเข้าไปในโลกวิญญาณ ไคลน์สวมเสื้อเชิ้ต เสื้อกั๊ก และเสื้อกันลมสีดำอย่างไม่รีบร้อน

 

จากนั้น ชายหนุ่มเดินถอยหลังสี่ก้าว ส่งตัวเองเข้ามิติเหนือสายหมอกและใช้จี้บุษราคัมทำนายระดับอันตรายของปฏิบัติการ ทว่า มันกลับไม่ได้รับคำตอบ

 

โดยปราศจากความลังเล ไคลน์ส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง เดินมายืนหน้ากระจกเงาและหยิบหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูงขึ้นมาสวม

 

ในห้องด้านนอก หุ่นเชิดโจนาส โคลเกอร์และเอ็นยูนลืมตาขึ้นบนเตียงสองชั้น

 

 

บนกาฬมรณะ ภายในห้องว่างแห่งหนึ่ง ร่างของมนุษย์ถูกวาดขึ้นอย่างรวดเร็ว เส้นผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาล ใบหน้าเย็นชา โครงหน้าชัดลึก เหมือนกับเกอร์มัน สแปร์โรว์ทุกประการ

 

ท่ามกลางแสงจันทร์สีแดงสลัว ไคลน์กวาดสายตาไปรอบตัว เมื่อพบเก้าอี้ตัวหนึ่ง มันเดินไปนั่งและเชยชมทัศนียภาพของทะเลยามค่ำคืนด้านนอกหน้าต่าง

 

ภายในห้องกัปตันที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งชั้น พลเรือโทโรคภัย เทรซี่ซึ่งแต่งกายในเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวสีเบจ มองบัสต์เดินออกจากห้องด้วยสายตารังเกียจ ตามด้วยการจัดปกเสื้อและทำหน้าขรึม

 

เธอได้ทราบว่า เดนิสและแอนเดอร์สัน นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด กำลังพักอยู่บนเกาะไซรอสโดยไม่ทราบจุดประสงค์

 

พวกมันเกี่ยวข้องกับเกอร์มัน สแปร์โรว์… หมอนั่นยังคิดจะตามล่าเราอยู่? เทรซี่หรี่ตาลงและเดินไปยังริมหน้าต่าง เตรียมออกคำสั่งให้ลูกเรือบนดาดฟ้าหักหัวเรือแล่นกลับทะเล

 

ทันใดนั้น ความคิดของเธอเริ่มเฉื่อยชา ประหนึ่งกำลังตื่นระหว่างฝัน แต่กลับมิอาจขยับร่างกายไม่ว่าจะดิ้นรนสักเพียงใด

 

ท่าไม่ดีแล้ว… เทรซี่รีบเสกเปลวไฟสีดำ หมายเผาทำลายอิทธิพลจากภายนอก

 

ทว่า เปลวไฟ ‘ลุกโชน’ ได้ราบรื่นได้แค่ช่วงแรก ก่อนจะร่วงกราวลงบนพื้นประหนึ่งกลีบดอกไม้เหี่ยวเฉา

 

ความสิ้นหวังกำลังกัดกินจิตใจเทรซี่อย่างหนัก ความคิดของเธอเชื่องช้าลงทุกวินาที

 

ด้วยความสิ้นหวัง เทรซี่สร้างผลึกน้ำแข็งสีใสห่อหุ้มผิวกาย หวังเป็นอิสระจากด้ายล่องหนและปกป้องตัวเองด้วยกำบังหนาหลายชั้น

 

ขณะเดียวกัน ประตูห้องกัปตันเปิดออกพร้อมกับเสียงไม้เสียดสี เกอร์มัน สแปร์โรว์แต่งกายด้วยหมวกผ้าไหมและเสื้อกันลมย่างกรายเข้ามา

 

ทันทีหลังจากนั้น มันปิดประตูอย่างสุภาพ

 

ท่ามกลางเสียงปิดสนิท ห้องกัปตันเงียบจนผิดวิสัย เสียงคลื่นทะเลเลือนหายไป ราวกับที่นี่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง

 

ไม่เพียงเท่านั้น คล้ายกับใยแมงมุมล่องหนที่พันรอบร่างกายเทรซี่เข้าใจคำสั่งผิด พวกมันรัดร่างพลเรือโทโรคภัยแน่นจนมิอาจกระดุกกระดิกหรือใช้พลังพิเศษ

 

พลังบิดเบือน!

 

ความคิดเทรซี่กลับคืนมา สมองไม่เฉื่อยชาเหมือนในตอนแรก

 

“นายต้องการอะไร?” เธอจ้องหน้าเกอร์มัน สแปร์โรว์ที่ย่างสามขุมเข้ามาอย่างองอาจ

 

สิ่งที่เธอไม่เข้าใจก็คือ ทั้งที่ตนหมดสิทธิ์ต่อต้านโดยสิ้นเชิงแล้ว เหตุใดอีกฝ่ายถึงยกเลิกการเข้าควบคุมด้ายวิญญาณ

 

ไคลน์ทำเช่นนี้เพราะสงสัยว่า พลเรือโทโรคภัยกับแม่มดขาวน่าจะมีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดอย่างใกล้ชิด หากลงมือฆ่าเทรซี่ เกรงว่าครึ่งเทพที่ถนัดพลังสาปแช่งจะไหวตัวทันและหลบหนีไป

 

ท่ามกลางเสียงฝีเท้า กึก กึก กึก ไคลน์หยุดลงตรงหน้าแม่มด

 

………………………………….