เป็นไปตามคาด ท่าทีขององครักษ์เปลี่ยนไปทันทีที่เห็นยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลาง เขารับของกำนัลไว้ด้วยความยินดีปรีดา จากนั้นก็ตั้งต้นอธิบาย “อย่างที่คุณรู้นั่นแหละ, นายน้อยจาง เมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดคือเมืองใหญ่เมืองหนึ่งของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด จอมราชันย์จิตวิญญาณต้นกำเนิดเป็นผู้ปกครองดูแลที่นี่ ซึ่งอีกชื่อหนึ่งของเขาคือจอมราชันย์อมตะ การที่คุณได้รับสิทธิ์เข้าใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ก็หมายความว่าคุณมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชันย์เทพเจ้า ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น สิ่งเดียวที่คุณจะต้องจดจำให้ขึ้นใจก็คือสามราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ”
“คนแรกคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขนนกไฟที่ผมพูดถึงไปเมื่อครู่ เขามีสายเลือดของนกฟีนิกซ์ไฟ ความน่าสะพรึงนั้นไม่มีใครเทียบได้เมื่อเขากำลังโกรธ เขาสามารถแผดเผาทุกอย่างในโลกใบนี้ ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขนนกไฟคือหนึ่งในราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่มีความแข็งแกร่งเลื่องชื่อในสรวงสวรรค์ ปกครองดินแดนทางใต้ของเมืองหลวง”
“คนที่สองคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขนนกน้ำแข็ง เขาสืบเชื้อสายมาจากนกฟีนิกซ์น้ำแข็ง ทุกอย่างที่เขาสัมผัสจะถูกปกคลุมด้วยเกล็ดน้ำแข็งทันที เขาปกครองดินแดนทางเหนือของเมืองหลวงแห่งนี้”
“ส่วนคนสุดท้ายคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขนนกพายุ เขามีสายเลือดนกฟีนิกซ์พายุ ขึ้นชื่อเรื่องการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนแทบจะเหมือนการทะลุมิติ แม้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาจะอ่อนด้อยกว่า 2 คนแรก แต่ก็รับมือด้วยได้ยากที่สุด เขาปกครองดินแดนทางตะวันตกของเมืองหลวง”
ขณะฟังคำอธิบายขององครักษ์ จางเซวียนจ้องมองเมืองลอยได้และจดจำไว้ว่าดินแดนทางใต้ถูกปกคลุมด้วยคลื่นความร้อน ขณะที่ดินแดนทางเหนือปกคลุมด้วยหิมะ
ทั้ง 2 ด้านของเมืองมีภูมิอากาศที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ราวกับโลก 2 ใบที่ถูกบังคับให้หลอมรวมเข้าด้วยกัน
จางเซวียนมองภาพตรงหน้าด้วยความอัศจรรย์ใจขณะตั้งคำถาม “ในเมื่อสามราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติล้วนมีสายเลือดนกฟีนิกซ์ นั่นก็หมายความว่าจอมราชันย์แห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด…”
ดูจะบังเอิญเกินไปที่สามราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติในดินแดนเดียวกันจะมีต้นกำเนิดจากสายเลือดเดียวกัน แต่เมื่อคิดดูอีกที ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดส่วนใหญ่ของน่านฟ้ามังกรเมฆก็เป็นทายาทของเผ่าพันธุ์มังกร
แล้วน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดจะเป็นแบบนั้นหรือเปล่า?
“คุณไม่รู้หรือ?” องครักษ์ย้อนถามด้วยความสงสัย
“รู้อะไร?” จางเซวียนก็สงสัยพอๆกัน
เห็นอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาจริงๆ องครักษ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะอธิบาย “น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งคือน่านฟ้าอมตะ และจอมราชันย์ของเราก็ได้รับสมญานามว่าจอมราชันย์อมตะ คุณรู้ไหมว่าทำไมพวกเราถึงเรียกเขาแบบนั้น?”
จางเซวียนส่ายหน้า
ความคิดแรกที่เข้ามาในหัวสมองของเขาก็คือจอมราชันย์อมตะคงเป็นใครสักคนที่ไม่มีวันตาย แต่เมื่อหวนนึกถึงหลุมฝังศพที่เขาได้เห็นในมิติเบื้องบน ก็กลืนคำพูดเหล่านั้นลงไป
บางที แนวคิดเรื่องความเป็นอมตะชั่วนิรันดร์อาจไม่มีอยู่จริงในสรวงสวรรค์ก็ได้ แม้แต่กับจอมราชันย์ที่ดูจะยิ่งใหญ่เหนือทุกสิ่ง
ถึงจอมราชันย์จะมีอำนาจเหนือกฎเกณฑ์ของโลก แต่ก็อาจไม่ใช่ผู้ยั้งยืนยงอย่างที่พวกเขาดูเหมือนจะเป็น
การปรากฏตัวของปรมาจารย์ขงเป็นตัวอย่างที่ดี
อีกอย่าง ข้อเท็จจริงที่พวกเขายังคงเป็นรองจอมราชันย์แห่งน่านฟ้าเสรีก็พอบ่งบอกบางอย่างได้
“เหตุผลที่จอมราชันย์ของเราได้รับการขนานนามแบบนั้นก็เพราะเขาคืออสูรชนิดหนึ่งที่แปลงร่างได้ รูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาคือสายเลือดทรงเกียรติของเผ่าพันธุ์ฟีนิกซ์เก้าน่านฟ้า…นกฟีนิกซ์สวรรค์สร้างอมตะ” องครักษ์อธิบายด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
ถ้าไม่ใช่เพราะความใจกว้างของอีกฝ่าย เขาคงไม่ยอมปริปากเรื่องของจอมราชันย์ง่ายๆแบบนี้
“นกฟีนิกซ์สวรรค์สร้างอมตะ?” จางเซวียนพยักหน้า
ดูเหมือนจอมราชันย์หลายคนจะไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์
“คุณรู้ไหมว่ามีจอมราชันย์ของน่านฟ้าไหนบ้างที่เป็นอสูรแปลงร่าง?” จางเซวียนถามต่อ
เมื่อเห็นบุคคลที่น่าจะมีสถานภาพสูงส่งกลับไม่รู้ข้อมูลพื้นๆแบบนี้ องครักษ์ได้แต่ส่ายหัว “ผู้ที่อารักขาดินแดนทางเหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตกของสรวงสวรรค์ล้วนเป็นเป็นอสูรแปลงร่างทั้งนั้น รูปลักษณ์ที่แท้จริงของจอมราชันย์มังกรเมฆแห่งน่านฟ้าตะวันออกคือมังกรเบื้องบน รูปลักษณ์ที่แท้จริงของจอมราชันย์ฟู่เหมิงแห่งน่านฟ้าทองคำแข็งกล้าคือเสือขาว รูปลักษณ์ที่แท้จริงของจอมราชันย์อมตะแห่งน่านฟ้าจิตวิญญาณต้นกำเนิดทางใต้คือนกฟีนิกซ์สวรรค์สร้างอมตะ หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อนกฟีนิกซ์สีเขียวอ่อน ส่วนรูปลักษณ์ที่แท้จริงของจอมราชันย์นรกโลกันต์แห่งน่านฟ้านรกโลกันต์ทางเหนือคือเต่าดำ!”
จางเซวียนตาโต
แม้เขาจะได้ข้อมูลไม่น้อยจากการสนทนากับฟู่เจียงเฉิน แต่ความรู้เรื่องเก้าจอมราชันย์ก็ยังอ่อนด้อยอยู่มาก ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเรื่องแบบนี้
มังกรเบื้องบนแห่งทิศตะวันออก เสือขาวแห่งทิศตะวันตก นกฟีนิกซ์สีเขียวอ่อนแห่งทิศใต้ และเต่าดำแห่งทิศเหนือ…
“เอาล่ะ ผมพูดเท่าที่ผมพอจะพูดได้ไปหมดแล้ว คุณทำสิ่งที่คุณต้องทำก็แล้วกัน แต่จำไว้นะว่าระเบียบกฎเกณฑ์ในเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดค่อนข้างจะเข้มงวด หลีกเลี่ยงความยุ่งยากต่างๆไว้ย่อมดีกว่า เพราะมีหลายครั้งที่แม้แต่ราชันย์เทพเจ้าก็ยังถูกสังหารหลังจากสร้างปัญหาที่นี่” องครักษ์มอบคำเตือนทิ้งท้าย
“ขอเวลาผมอีกสักครู่เถอะ ผมมีคำถามสุดท้าย!” จางเซวียนโพล่งออกไปเพื่อยับยั้งองครักษ์ไว้ก่อน “ไม่ทราบว่าจอมราชันย์ของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดพักอยู่ที่ไหน แล้วผู้คนในเมืองเรียกเขาว่าเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณหรือเปล่า?”
“ใช่ จอมราชันย์ของพวกเราเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่ง คือเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ อันที่จริง เขาพักอยู่ที่ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ แต่ว่ากันว่าตำหนักนั้นถูกปิดตายหลายสิบปีแล้ว แม้แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขนนกไฟก็ยังเข้าไปไม่ได้” องครักษ์ตอบ “เกรงว่าผมคงบอกเรื่องจอมราชันย์กับคุณไม่ได้มากกว่านี้แล้วล่ะ เท่านี้ก็เกินสติปัญญาของผมแล้ว!”
จางเซวียนเข้าใจดีว่าการซักถามมากกว่านี้ย่อมทำให้องครักษ์ลำบากใจ อีกอย่าง หมอนี่ก็ดูไม่น่าจะรู้เรื่องของบรรดาชนชั้นนำของเมืองหลวงมากนัก จึงเปลี่ยนเรื่อง “แล้วคุณรู้จักใครที่ผมพอจะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้บ้างไหม?”
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากหาข้อมูลเรื่องอะไร” องครักษ์ตอบ “ถ้าเป็นแค่ข่าวสารทั่วไป เสาะหาเอาตามตลาดก็ได้ ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศรวมตัวกันอยู่ที่นั่น ข้อมูลข่าวสารมากมายผ่านมาผ่านไป ผมรู้มาว่าคนใหญ่คนโตของตลาดเข้าถึงยาเม็ดเพิ่มความงามที่เพิ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนด้วยนะ!”
“แต่ถ้าคุณอยากรู้ประเด็นละเอียดอ่อนแบบที่เพิ่งถามผม ข้อมูลจากตลาดคงไม่พอ คุณจะต้องไปตามหาสมาชิกของตระกูลสามราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ ด้วยสถานภาพที่สูงส่งกว่า พวกเขาจะต้องรู้ข้อมูลมากมายแน่”
“คุณได้รับความสำนึกในบุญคุณจากผม!” จางเซวียนประสานมือก่อนจะกล่าวลา
องครักษ์พูดถูก
พลเมืองทั่วไปไม่มีทางรู้เรื่องของจอมราชันย์อย่างละเอียด ถ้าเขาอยากรู้ว่าหลัวลั่วชิงสืบทอดตำแหน่งของจอมราชันย์อมตะและกลายเป็นเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณคนต่อไปจริงๆหรือไม่ การหาข้อมูลจากสามราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติย่อมดีที่สุด
เพราะถึงอย่างไร พวกเขาก็น่าจะใกล้ชิดกับจอมราชันย์มากกว่าคนอื่นๆ
แต่ปัญหาเดียวก็คือ…
ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคือผู้ที่มีพละกำลังสูงส่งอย่างน่าทึ่ง แข็งแกร่งจนแม้แต่ราชันย์เทพเจ้าก็เทียบชั้นไม่ได้ เขาคงเข้าถึงตัวคนเหล่านั้นและทำให้อีกฝ่ายยอมรับฟังคำพูดของเขาได้ยาก เว้นเสียแต่…
เขาจะต้องมีตัวตนที่แม้แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติยังยำเกรง!
ตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบตัวอย่างหนึ่งก็คือการที่ฉีเหมิงเข้าใจผิดว่าเขาเป็นจอมราชันย์เมื่อครั้งที่อยู่ในน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน
ด้วยความเข้าใจผิดนั้น ไม่เพียงแต่เขาจะหาซื้อยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงได้อย่างง่ายดาย ความต้องการส่วนใหญ่ของเขายังถูกจัดการให้สำเร็จลุล่วงอย่างรวดเร็วด้วย เป็นเพราะการสนับสนุนของตระกูลฉีที่ทำให้การเปิดตัวยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธประสบความสำเร็จสูงสุด
ด้วยตัวตนที่แข็งแกร่ง เขาสามารถเสาะหาข้อมูลใดๆก็ตามที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย
จางเซวียนนวดหว่างคิ้ว จากนั้นก็พึมพำด้วยอาการครุ่นคิด
“หรือเราควรปลอมตัวเป็นจอมราชันย์?”
ความคิดนั้นโผล่เข้ามาแวบเดียวแล้วก็หายไป
จอมราชันย์คือผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก การที่คนอื่นเข้าใจตัวตนของเขาผิดก็เป็นเรื่องหนึ่ง เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็คือผู้ที่ถูกหัวเราะเยาะหากใครต่อใครรู้ว่าเหมาผิดๆว่าใครสักคนเป็นจอมราชันย์
แต่หากตัวเขาถูกจับได้ว่าปลอมตัวเป็นจอมราชันย์ นั่นจะเป็นการท้าทายอำนาจที่มีมายาวนานของอีกฝ่าย เขาอาจกลายเป็นศัตรูของจอมราชันย์ได้เลยทีเดียว!
ดังนั้น หากยังยกระดับพละกำลังได้ไม่แข็งแกร่งพอ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงไว้ย่อมดีที่สุด
สิ่งนี้เหมือนกับการที่ช่างฝีมือคนหนึ่งบังอาจหลอมตราประทับฮ่องเต้ขึ้นใหม่และแสดงตัวประหนึ่งว่าเขาคือฮ่องเต้ ซึ่งหากถูกจับได้ ทุกคนในตระกูลของเขาจะต้องถูกตัดหัวเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่นๆ
อีกอย่าง ต่อให้จางเซวียนอยากปลอมตัวเป็นราชันย์เทพเจ้า แล้วจะปลอมตัวเป็นใคร?
เขาแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเก้าจอมราชันย์และความสามารถพิเศษของคนเหล่านั้น เขาเคยถามเรื่องนี้กับฉีหลิงเอ๋อแล้ว และดูเหมือนตระกูลฉีจะคิดว่าตัวเขาคือเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ
บางที ตระกูลฉีคงเข้าใจผิดเพราะพวกเขามีความรู้เรื่องเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณไม่มาก แต่หากเขายังคงใช้ตัวตนเดิมต่อไปในเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดล่ะก็…
ถ้าเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณคนปัจจุบันคือหลัวลั่วชิงจริงๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าไม่ใช่ เขาต้องตายแน่
อีกอย่างจะทำแบบนั้นเพื่ออะไร?เพราะทันทีที่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติสักคนเริ่มตั้งคำถาม เราคงจบเห่และราชันย์เทพเจ้าก็จะมองทะลุการปลอมตัวของเราได้ทันที…
ด้วยเครื่องรางแห่งการปลอมตัวของหลัวลั่วชิง จางเซวียนอาจปลอมตัวเป็นสมาชิกของตระกูลไหนสักตระกูลและตบตามนุษย์ทั่วไปได้สบาย
แต่เขาไม่มั่นใจว่าจะทำแบบเดียวกันได้กับจอมราชันย์
ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอาจมีโอกาสผิดพลาด แต่จอมราชันย์จะจดจำผู้ที่อยู่ในสถานภาพเดียวกันกับพวกเขาไม่ได้เชียวหรือ?
ถ้าเขาปลอมตัวเป็นจอมราชันย์แล้ว แต่ก็ยังไม่อาจพูดคุยกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหรือจอมราชันย์ด้วยกันได้ แล้วจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร