ตอนที่ 1177 เทพมารแห่งการฆ่าล้าง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ทันทีที่สิ้นคำพูดของคัมภีร์หมื่นคำสาป มู่เฉียนซีก็ได้ถูกพลังแขนอันแข็งแกร่งของจิ่วเยี่ยกอดรัดเอาไว้แน่น

กระดูกบนร่างกายนั้นราวกับว่าจะถูกเขาบีบเสียจนแหลกสลายไปก็มิปาน

ดวงตาสีน้ำเงินเข้มนั้นแฝงไปด้วยความกระหายเลือดอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าจะดึงเอาวิญญาณของนางออกมาบดขยี้ให้แหลกลาญ

“จิ่วเยี่ย!” เสียงของมู่เฉียนซีค่อนข้างสั่น

“ซีเอ๋อร์ ข้าจะส่งเจ้าจากไป!” สุ่ยจิงอิ๋งร้อนรนใจเข้าแล้ว

ตอนนี้นางทำได้แต่เพียงปกป้องซีเอ๋อร์เท่านั้นแล้ว

จิ่วเยี่ยก้มหน้าลงแล้วกัดไปที่คอของมู่เฉียนซี ในสายเลือดของนางนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพรที่คุ้นเคย และมันทำให้เขาที่กำลังละโมบโลภมากอยู่นั้นเหมือนกับได้สติคืนมา

มู่เฉียนซีที่ถูกกัดเข้าไปอย่างแรงคราหนึ่งเช่นนี้ก็ได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันเบา ๆ

“ท่านมู่!” สุ่ยอู๋ซินร้อนรนใจเช่นกัน

แต่คัมภีร์หมื่นคำสาปกลับยิ้มออกมา “ใช่! ใช่! เช่นนั้นแหละ ผู้หญิงที่เจ้าให้ความสำคัญมากที่สุด ค่อย ๆ กัด ค่อย ๆ กลืนนางเข้าไปทีละคำ ยึดครองตัวนาง จากนั้นก็ทำลายนางให้สิ้นซาก”

สิ่งที่ทำให้คัมภีร์หมื่นคำสาปนึกไม่ถึงก็คือ ทั้งหมดที่จิ่วเยี่ยทำลงไปนั้นกลับมิได้ทำไปตามบทบาทที่มันมอบให้

ถึงแม้ว่ามันจะทำให้จิ่วเยี่ยกลายเป็นผู้ที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าฆาตกรก็ตาม

กลีบดอกไม้สีฟ้าอ่อน ๆ ปรากฏขึ้นในมือของจิ่วเยี่ย จิ่วเยี่ยได้นำมันใส่ไว้ในมือของมู่เฉียนซี จากนั้นก็ผลักให้นางออกไปไกล ๆ

เขาเปิดปากเอ่ยอย่างยากลำบาก แล้วกล่าวออกมาคำหนึ่งด้วยเสียงอันแหบแห้ง

“ไป!”

ขอแค่เพียงซีไม่เป็นอะไร เขาก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว!

หากยังมีโอกาสฟื้นคืนสติ เขาจะกลับไปอยู่ที่ข้างกายนาง

แต่ทว่าในตอนนี้ นางอยู่ให้ห่างจากเขาเท่าไรก็ยิ่งดี!

ปัง! มู่เฉียนซีล้มลงกับพื้น จิ่วเยี่ยก็ได้พุ่งเข้าไปทางคัมภีร์หมื่นคำสาปด้วยท่าทีอันโหดเหี้ยม

ทำลายเจ้าหมอนั่นเสีย บางทีอาจจะยังมีโอกาสอยู่บ้าง!

แม้ว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้ปลดล้างคำสาปออกไปอีกแล้วก็ตาม!

ในตอนที่จิ่วเยี่ยได้เข้าไปใกล้คัมภีร์หมื่นคำสาปนั้นร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปทั้งตัว “พรวด!” เสียงหนึ่งดังออกมา เขาได้กระอักเลือดออกมาคำใหญ่หนึ่งคำ

“เจ้าเป็นหุ่นเชิดของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะมาสังหารผู้เป็นนายเช่นข้า”

คัมภีร์หมื่นคำสาปประหลาดใจอยู่บ้าง มาถึงขั้นนี้แล้วเจ้าหมอนี่ยังสามารถที่จะทนเอาไว้ได้อีก!

หรือเป็นเพราะตัวของมันยังไม่สมบูรณ์?

ตั้งแต่โบราณกาลมาจวบจนวันนี้ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาก่อน

ไม่สามารถที่จะสังหารคัมภีร์หมื่นคำสาปได้ แต่เบื้องลึกในหัวใจกลับร่ำร้องถึงการฆ่าฟันและทำลายทุกสิ่งอย่าง!

ทันทีที่เงาสีดำพุ่งผ่านไป จิ่วเยี่ยก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของกู้เสี้ยวเทียน

กู้เสี้ยวเทียนมองดูบุรุษผู้ที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าเทพมาร ที่บนใบหน้านั้นมีรอยอักขระสาปสีดำอยู่ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้จิ่วเยี่ยน่ากลัวเป็นที่สุด

เขากล่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า “องค์ชายจิ่วเยี่ย อย่าฆ่าข้า…อย่า…”

“ให้ข้าทำอะไรเพื่อท่านก็ได้ทั้งสิ้น!”

คำสาปของจิ่วเยี่ยได้ระเบิดออกมาอย่างเต็มขั้นแล้ว ในตอนนี้จิ่วเยี่ยรู้จักเพียงแต่การฆ่าฟันเท่านั้น การขอร้องนั้นมันไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง

ทันทีที่มืออันเรียวยาวขยับเคลื่อนไหว มันก็ได้ควักเอาหัวใจของกู้เสี้ยวเทียนออกมา

ในตอนที่หัวใจของเขาถูกพลังอันดำมืดห่อหุ้มเอาไว้และกำลังจะสลายหายไปนั้น เสียงร่ำร้องอย่างอนาถนั้นของกู้เสี้ยวเทียนเองก็กำลังหายไปเช่นกัน

หลังจากที่ได้ฆ่ากู้เสี้ยวเทียนไปแล้ว นายน้อยมังกรปีศาจที่สลบลงไปนั้นก็ได้พลันหายไปในชั่วพริบตา

จิ่วเยี่ยบุกเข้าไปในกลุ่มกองกำลังของพวกเผ่าเทพดั่งสัตว์ที่ดุร้ายตัวหนึ่งที่กำลังทำลายฆ่าล้างบุกทะลวงรังมดก็มิปาน เพียงแค่โบกสะบัดมือมดปลวกเหล่านี้ก็สลายหายไปไม่เหลือแม้แต่ซาก

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเทพมารที่กระหายเลือดเช่นนี้ พวกเขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เลยแม้แต่น้อย

“ซีเอ๋อร์ รีบไป!” ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจิ่วเยี่ยจะยังคงหลงเหลือสติอยู่บ้างเล็กน้อย จึงทำเพียงแต่ฆ่าฟันผู้ที่เป็นศัตรู

แต่รอจนเมื่อเขาฆ่าฟันศัตรูไปจนหมดสิ้นแล้ว ต่อจากนั้นก็จะเป็น…

อย่างไรเสียผลของคำสาปนี้ก็ทำให้จิ่วเยี่ยแปรเปลี่ยนกลายเป็นผู้กระหายเลือด เขาฆ่าฟันสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่เขามองเห็น

มู่เฉียนซีกล่าว “สุ่ยอู๋ซิน พวกเจ้ารีบไปเร็ว เร็วเข้า!”

ราชินีมังกรปีศาจเองก็กลัวเสียจนวิญญาณแทบจะแหลกสลาย สามีผู้แข็งแกร่งของตนเองนั้นได้ถูกฆ่าตายไปอย่างง่ายดาย บุตรของตนนั้นก็ได้หายสาบสูญไป นางจะตายมิได้!

“หนี! ไปเร็วเข้า!”

แต่จะไปได้หรือ?

ไม่ได้!

ในตอนที่พวกเขากำลังจะหนีไปก็พบว่าซากปรักหักพังของสุสานมังกรนี้กำลังสลายหายไป มันเล็กลงไปเรื่อย ๆ

พวกเขาคิดที่จะวิ่งหนีออกไปด้านนอกของซากปรักหักพังของสุสานมังกร แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็หนีออกไปไม่ได้!

ขณะที่ทุกคนกำลังสิ้นหวัง คัมภีร์หมื่นคำสาปที่เสพความสิ้นหวังของพวกเขาก็ได้หัวเราะขึ้นมา

“ฮ่า ๆ ๆ! นี่เป็นหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา เจ้ามิเพียงแต่ทำลายสิ่งมีชีวิตเท่านั้น แม้แต่มิติเจ้าก็สามารถที่จะทำลายมันได้ ดี ดีมาก!”

คัมภีร์หมื่นคำสาปรู้สึกว่าหากมันสามารถควบคุมหุ่นเชิดตัวนี้เอาไว้ให้ดีละก็ มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์นั้นก็ไม่เท่าไร

มันจะสามารถเหยียบของพวกนั้นเอาไว้ใต้บาทาของมันอย่างดุดัน ทำให้พวกมันกลายเป็นกองขยะกองหนึ่งไป!

ฟึ่บ! พลังแห่งความมืดได้แปรเปลี่ยนเป็นลูกศรคมกริบจำนวนนับไม่ถ้วน มันได้ยิงตัวพุ่งไปยังร่างของราชินีมังกรปีศาจจนพรุนเป็นตะแกรง

พลังชีวิตและเลือดเนื้อได้หลุดลอกออกไปในชั่วพริบตาราวกับว่านางได้ถูกทรมานอยู่ในนรกมาเป็นหมื่นปีก็มิปาน

“อ๊าก!” หลังจากที่นางปล่อยเสียงร้องออกมาในครั้งสุดท้ายแล้ว ในที่สุดก็ได้หลุดพ้นไปอย่างสมบูรณ์

ราชินีมังกรปีศาจตายไปอย่างน่าอนาถยิ่ง คนเหล่านั้นของเผ่าเทพแต่ละคนต่างก็ตกใจกลัวเสียจนตัวสั่น

ตายแน่! มิเพียงแค่ตายเท่านั้น อีกทั้งยังต้องตายโดยเจ็บปวดเป็นอย่างมากอีกด้วย

สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวกระตุ้นมู่เฉียนซี “ซีเอ๋อร์ รีบไปเร็ว! เหยื่อที่อยู่ทางนั้นเหลืออยู่อีกไม่มากแล้ว ไม่นานนักจิ่วเยี่ยเขา…”

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “สุ่ยจิงอิ๋ง เจ้าจงบอกข้ามาว่าหลังจากที่ข้าไปแล้วจิ่วเยี่ยจะเป็นเช่นไร?”

“จิ่วเยี่ยจะไม่ตาย และคงถูกคัมภีร์หมื่นคำสาปใช้ให้เขาทำอะไรอีกหลายเรื่อง แต่เขาจะทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าตาย อีกทั้งต่อให้เจ้าหาหนทางแก้คำสาปนั้นได้ ก็ไม่สามารถที่จะแก้คำสาปของจิ่วเยี่ยได้อีกแล้ว”

“จิ่วเยี่ยจะกลายเป็นหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งที่สุดของคัมภีร์หมื่นคำสาป และทำความทะเยอทะยานของคัมภีร์หมื่นคำสาปให้เป็นจริง คาดว่าโลกทั้งใบนี้คงจะกลายเป็นนรกไป”

“อีกอย่าง เขาจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปแน่!”

ซีเป็นผู้ที่จิ่วเยี่ยให้ความสำคัญเป็นที่สุด เป็นสิ่งที่ก้นบึ้งหัวใจคำนึงถึงอย่างที่สุด

ในตอนนี้ยังพอมีสติอยู่บ้างเล็กน้อย จิ่วเยี่ยไม่สามารถทำใจทำร้ายซีเอ๋อร์ได้ แต่หากรอจนสติของเขาเลือนหายไปจนสิ้นแล้ว เกรงว่า…

“ซีเอ๋อร์จะต้องรีบตามหาชิ้นส่วนที่เหลือของข้าให้เร็วที่สุด ถ้าหากว่าข้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ถึงแม้จิ่วเยี่ยจะทำลายทุกสิ่งบนโลกไป เขาก็ทำอันตรายแก่เจ้าไม่ได้”

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “แต่ว่าผลของมันนั้นข้าไม่ต้องการ ข้าไม่ต้องการอย่างแน่นอน”

นางรู้สึกว่าดวงตาทั้งสองข้างของตนนั้นเปียกชุ่ม อนาคตเช่นนั้นมันเป็นฝันร้ายสำหรับนางอย่างแน่นอน

“ซีเอ๋อร์…” สุ่ยจิงอิ๋งเองก็เงียบงันไป

พวกนางนั้นมีพันธสัญญาด้วยชีวิต นางสามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดและสิ้นหวังของมู่เฉียนซีได้อย่างชัดเจน

ผู้ทำพันธสัญญาของนางไม่เคยที่จะโศกเศร้าเช่นนี้มาก่อน

“ซีเอ๋อร์ เจ้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้ เจ้ายังมีญาติพี่น้องของเจ้า…”

ผู้ที่สามารถจะนำมาโน้มน้าวให้ซีเอ๋อร์มีเหตุผลและไม่บินเข้ากองไฟไปตายกับจิ่วเยี่ยได้ก็คงจะมีเพียงแต่ญาติของนางเท่านั้นแล้ว

ท่านอาน้อย อารอง บิดาผู้มิได้ดีเลิศ อีกทั้งยังมีพี่ชายและมารดา มู่เฉียนซีตะลึงงันไปเล็กน้อย

นางมองไปยังเงาร่างสีดำนั้น ชุดคลุมสีดำสนิทที่อาบย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงของเขา จิตสังหารอันน่าสะพรึงนั้นราวกับมันจะทำให้โลกทั้งใบตายไปจนเงียบงัน

เขาไร้ความปราณีเสียยิ่งกว่าเทพแห่งความตายและโหดเหี้ยมเสียยิ่งกว่าเทพมาร

แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังไม่สามารถที่จะปล่อยมันไปได้อย่างง่ายดาย

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “สุ่ยจิงอิ๋ง ข้าอยากจะลองดูเป็นครั้งสุดท้าย! เดิมพันครั้งสุดท้าย! ถ้าหากไม่ไหวละก็จงส่งตัวข้าออกไปในตอนที่ข้ายังมีลมหายใจสุดท้ายอยู่ ข้าเชื่อมั่นในทักษะการรักษาของตนเอง ข้าจะไม่ตายหรอก!”

นางยังมีความกังวลเกี่ยวกับญาติสนิท แต่ก็ไม่อยากที่จะปล่อยจิ่วเยี่ยไปเช่นนี้เหมือนกัน ถึงแม้ว่าทั้งตัวนั้นจะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่นางก็จะต้องยืนหยัดให้ถึงที่สุดถึงจะพอใจ