ชายวัยกลางคนที่ปรากฏกายออกมานี้มีท่าทางและร่างกายที่ดุดันบึกบึนพร้อมด้วยหนวดเคราเต็มใบหน้า
เพียงแค่ว่าคลื่นพลังที่ส่งออกมาจากร่างของเขาผู้นี้มันแตกต่างจากพวกห่าวเฟิงอย่างสิ้นเชิง เพราะแท้จริงแล้วเขาเป็นยอดฝีมือของเผ่าอสูร!
เขานั้นคือเทพสวรรค์เลี่ยเฟิง หนึ่งในห้ายอดฝีมือเผ่าอสูรแห่งทุ่งราบสุดอุดร
ตัวตนของเขานั้นมีฐานะคล้าย ๆ กับเทพสวรรค์ห่าวเฟิงของทางเผ่าอสูร
เมื่อได้ยินคำของเทพสวรรค์ห่าวเฟิงเทพสวรรค์เลี่ยเฟิงก็หัวเราะขึ้น “ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์ คิดใช้คำว่าเป็นเรื่องภายในเผ่าพันธุ์มาข่มขู่ข้า? หึ หากไม่ใช่เพราะเจ้าเฒ่าทั้งหลายนั้นเจ้าคิดว่าตนเองจะยังมีหน้ามายืนหยัดอยู่ตรงนี้ได้?”
เทพสวรรค์ห่าวเฟิงหัวเราะขึ้น “เจ้าเด็กคนนี้มันมีความแค้นฆ่าสังหารลูกชายข้า หากเจ้าคิดปกป้องมันวันนี้เจ้าเองก็ไม่อาจจะไปจากที่นี่ได้เช่นกัน!”
แต่เทพสวรรค์เลี่ยเฟิงนั้นกลับไม่คิดสนใจคำขู่ใด ๆ นั้นและหันหน้ากลับไปก้มหัวลงต่อเย่หยวนแทน “เลี่ยเฟิงมาช่วยเหลือชักช้า ขอท่านรองมหาปราชญ์โปรดให้อภัยความไม่เอาไหนของข้าด้วย”
เย่หยวนยืนมือไขว้หลังอยู่อย่างเดิมและตอบกลับไปด้วยท่าทางสบาย ๆ “ไม่ต้องคิดมากไป เวลามันกำลังพอเหมาะพอดี”
เทพสวรรค์เลี่ยเฟิงนั้นพูดขึ้นมาต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ท่านรองมหาปราชญ์สังหารเฟิงเทียนหยางนั้นลงจริง?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “เฟิงเทียนหยางมันคิดเอากายเทวะหยินล้ำของลู่เอ๋อ จึงได้ถูกข้าสังหารลงด้วยดาบเดียว”
“ฮ่า ๆ ๆ สมควรตาย! เทพสวรรค์ผู้นี้เองก็คิดอยากข้าไอ้เด็กคนนั้นมานานแสนนานแล้วแต่เฒ่าห่าวเฟิงนี้มันก็ช่างเจ้าเล่ห์ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้ข้าได้ลงมือ ไม่นึกไม่ฝันว่าวันนี้มันจะได้ตายลงด้วยน้ำมือของท่านรองมหาปราชญ์!” เทพสวรรค์เลี่ยเฟิงหัวเราะลั่น
แม้ว่าตอนนี้ปากเขาจะหัวเราะแต่จิตใจของเขานั้นกลับตื่นตะลึงอย่างมาก
เฟิงเทียนหยางนั้นเป็นคนระดับใด?
ต่อให้เป็นตัวเขา หนึ่งในยอดห้าเทพสวรรค์เผ่าอสูรก็ยังไม่อาจจะจัดการเด็กคนนั้นลงได้ง่าย ๆ
เมื่อใดที่เฟิงเทียนหยางเติบโตขึ้นมาได้ มันย่อมจะกลายเป็นภัยร้ายต่อเผ่าอสูรอย่างมหาศาล
เพราะฉะนั้นหลายต่อหลายปีมานี้เทพสวรรค์เลี่ยเฟิงจึงได้วางแผนฆาตกรรมมากมายมหาศาลโดยมีเป้าหมายคือเฟิงเทียนหยางนั้น
แต่มันไม่มีแผนใดที่จะประสบความสำเร็จ
เพราะเรื่องนั้นเองทางเผ่าอสูรจึงได้สูญเสียกำลังคนไปอย่างมาก
แต่ใครจะไปคิดว่าเฟิงเทียนหยางนั้นกลับจะตายลงง่าย ๆ เช่นนี้?
เขานั้นกลับตายลงด้วยน้ำมือของเทพถ่องแท้ขั้นกลางผู้หนึ่ง!
เมื่อเทพสวรรค์ห่าวเฟิงและพวกเห็นท่าทางนั้นของเลี่ยเฟิง พวกเขาทั้งหลายก็แทบจะต้องผงะหงายหลัง
ยอดฝีมือเผ่าอสูรผู้ดุร้ายไม่ยอมใครนั้นมันกลับวางท่าอ่อนน้อมต่อหน้ามนุษย์อาณาจักรเทพถ่องแท้คนหนึ่งได้ขนาดนี้?
ในแดนสุดอุดรนี้พวกห่าวเฟิงนั้นได้ต่อสู้กับห้ายอดฝีมือเผ่าอสูรมาอย่างยาวนาน แต่มันจะมีครั้งไหนบ้างที่พวกเขาได้เห็นท่าทางเช่นนี้?
แล้วที่สำคัญที่สุดก็คือเทพสวรรค์เลี่ยเฟิงนี้เรียกเย่หยวนว่า ‘รองมหาปราชญ์’
ใครกันคือผู้ได้รับฉายานี้?
เจ้าเด็กตรงหน้าพวกเขานี้มันเป็นใครกันแน่?
เทพสวรรค์ห่าวเฟิงนั้นย่อมจะไม่รู้ว่าก่อนที่เย่หยวนจะมายังทุ่งราบสุดอุดรนี้ ทางมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้ประกาศออกมาว่าให้ทั้งเผ่าอสูรเรียกฉายานามของเย่หยวนว่าเป็น ‘รองมหาปราชญ์’
นั่นมันหมายความว่าในด้านการโอสถแล้ว เด็กหนุ่มคนนี้เป็นรองแค่ตัวเขาเท่านั้น!
ชื่อนี้มันได้สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วทั้งเผ่าอสูร
ตำแหน่งตัวตนของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นมันยิ่งใหญ่อย่างมากในเผ่าอสูร นาม ‘รองมหาปราชญ์’ นี้เป็นนามที่เขาแต่งตั้งขึ้นมาด้วยตนเอง มันจะต้องยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าปานใด?
มีหรือที่เย่หยวนจะมาถึงชุมเก้าสายอย่างไม่มีที่พึ่งใด?
นาม ‘รองมหาปราชญ์’ นี้นี่แหละคือทางรอดของตัวเขา
เย่หยวนรู้ดีว่าทุ่งราบสุดอุดรนั้นมีดินแดนกว้างใหญ่ ต่อให้เขาจะได้ตัวลู่เอ๋อมาแล้วมันก็อาจจะไม่สามารถหลบรอดออกไปได้
เพราะฉะนั้นเผ่าอสูรแห่งทุ่งราบสุดอุดรนี้มันจึงได้กลายเป็นที่พึ่งสำคัญของตัวเขา
เย่หยวนจึงกล้าที่จะใช้สายฟ้าสะเทือนสวรรค์ออกมาได้อย่างไม่ต้องคิดอะไรให้มากมาย
เมื่อได้เห็นท่าทางนั้นของเทพสวรรค์เลี่ยเฟิงทางเทพสวรรค์ห่าวเฟิงก็ไม่อาจจะทนเงียบปากได้อีกต่อไป
“หึ! เลี่ยเฟิง เทพสวรรค์ผู้นี้ไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นลูกท่านหลานใครมาจากไหน! หากวันนี้เจ้ากล้าขัดเทพสวรรค์ผู้นี้ เทพสวรรค์ผู้นี้จะทำให้เจ้าต้องตายตกลงไปเอง!”
เทพสวรรค์ห่าวเฟิงพูดไปพร้อมปลดปล่อยพลังจากร่างกาย มันพุ่งทะยานขึ้นไปสูงถึงอาณาจักรเทพสวรรค์เจ็ดดาวในพริบตา!
เทพสวรรค์เลี่ยเฟิงที่ได้เห็นก็ยิ้มเย้ยขึ้น “ฮ่า ๆ เจ้าคิดว่าเจ้าบรรลุเป็นอยู่คนเดียว?”
ในวินาทีนั้นคลื่นพลังของเทพสวรรค์ห่าวเฟิงมันก็ได้พุ่งทะยานขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งบ้าง จนในเวลานี้พลังของคนทั้งสองนั้นมันไม่ได้ดูอ่อนด้อยไปกว่ากันเลย!
เทพสวรรค์ห่าวเฟิงที่เห็นต้องหน้าซีดลงทันที เขานั้นเคยคิดว่าบรรลุครั้งนี้คงสามารถกดหัวห้ายอดฝีมือเผ่าอสูรได้แน่แล้ว ไม่นึกไม่ฝันว่าเทพสวรรค์เลี่ยเฟิงเองก็จะบรรลุขึ้นมาเทียบเคียงตนเองได้ กลายเป็นเทพสวรรค์ขั้นปลายเช่นกัน
เว้นเสียแต่ว่าจิตสังหารที่เขามีต่อเย่หยวนนั้น แม้เทพสวรรค์เลี่ยเฟิงจะบรรลุขึ้นมาใด ๆ มันก็คงไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
“เทียนจือ เมี่ยหยู เจิ้งหวง เทพสวรรค์ผู้นี้จะรับมือเจ้าหมีเฒ่านี่เอง พวกเจ้าไปโจมตีฆ่าเจ้าเด็กนั่นทิ้งเสีย!” เทพสวรรค์ห่าวเฟิงร้องบอก
เทพสวรรค์เลี่ยเฟิงที่ได้เห็นก็ต้องหัวเราะลั่น “คิดจะใช้จำนวนเข้าสู้? เบิกตาหมา ๆ ของเจ้าไว้ให้ดีแล้วกัน!”
เมื่อสิ้นเสียงนั้นเหล่ายอดฝีมือเผ่ามนุษย์ทั้งหลายก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึงขึ้นจริง ๆ
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
ในห้วงมิติด้านบนนั้นมันได้เกิดเงาร่างมากมายเดินลอยออกมาตาม ๆ กันและพวกเขาทั้งหลายนั้นก็มีพลังเทียบเท่าเทพสวรรค์กันสิ้น!
หากนับดูคร่าว ๆ แล้วมันคงมีเทพสวรรค์ปรากฏตัวออกมานี้นับร้อยคน
นั่นทำให้สีหน้าของพวกห่าวเฟิงต้องขาวซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ห้ายอดฝีมือของเผ่าอสูรนั้นมันแตกแยกไม่เป็นกลุ่มก้อนมาตลอด ทำไมวันนี้พวกมันถึงได้ออกมาพร้อม ๆ กันเช่นนี้ได้?”
“กองกำลังระดับนี้ มันคงเป็นเทพสวรรค์เผ่าอสูรทั้งหมดสิ้นทุ่งราบสุดอุดรเลยมิใช่หรือ?”
“มันเป็นไปได้อย่างไร? เผ่าอสูรแห่งทุ่งราบสุดอุดรนี้พวกมันแตกแยกต่อสู้ภายในไม่เว้นว่าง นั่นมันจึงเปิดโอกาสให้มนุษย์เราเอาตัวรอดมาได้ แต่วันนี้มัน…”
…
เมื่อเหล่ายอดฝีมือของทางเผ่ามนุษย์ได้เห็นเทพสวรรค์เผ่าอสูรทั้งหลาย สีหน้าของพวกเขาทั้งหลายทั้งสิ้นมันก็ล้นเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง
ในทุ่งราบสุดอุดรนี้กำลังของเผ่าอสูรนั้นมันเหนือล้ำกว่าเผ่ามนุษย์ไปมาก
เพียงแค่ว่าในหมู่ยอดฝีมือเหล่าอสูรนั้นมันมีความขัดแย้งไม่ลงรอยอยู่เสมอ ทำให้ทางเผ่ามนุษย์อยู่รอดมาได้จนทุกวันนี้
แต่วันนี้เหล่ายอดฝีมือเผ่าอสูรทั้งหลายกลับมายืนเรียงหน้าอย่างพร้อมเพรียง
เรื่องราวเช่นนี้มันไม่เคยจะเกิดขึ้นมาก่อน
ก่อนหน้านี้พวกเขานั้นไม่ได้เข้าใจเลยว่า ‘รองมหาปราชญ์’ นั้นมันเป็นตัวตนเช่นใด
แต่ทว่าในเวลานี้ พวกเขาเริ่มจะเข้าใจถึงพลังภายใต้นามนี้ขึ้นมาแล้ว
มันต้องเป็นคนระดับใดกันที่สามารถทำให้ยอดฝีมือเผ่าอสูรแห่งทุ่งราบสุดอุดรนี้มารวมตัวกันต่อสู้ได้?
เพราะต่อให้จะเป็นเลี่ยเฟิงที่บรรลุขึ้นขั้นปลายมา เขาก็ไม่อาจจะทำเช่นนี้ได้!
และเหล่ายอดฝีมือเฒ่าของเหล่าเผ่าอสูรทั้งหลายนั้นก็คงทำไม่ได้เช่นกัน!
แต่เย่หยวนกลับทำได้
เทพสวรรค์ห่าวเฟิงนั้นได้เริ่มเข้าใจแล้ว่าตนนั้นกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่กันแน่
“ฮ่า ๆ ๆ! ห่าวเฟิง เมื่อกี้เจ้ายังวางท่าอยู่เลยมิใช่หรือ? ไหนลองวางท่าอวดเก่งต่อให้ข้าดูหน่อยสิ! เจ้าคิดสังหารรองมหาปราชญ์ เช่นนั้นวันนี้เผ่าอสูรทุ่งราบสุดอุดรเราก็จะกวาดล้างเผ่ามนุษย์ไม่ให้เหลือแม้สักชีวิต!” เลี่ยเฟิงหัวเราะลั่น
เทพสวรรค์หลายร้อยเข้าโจมตีเทพสวรรค์แค่ไม่กี่สิบ แน่นอนว่ามันย่อมจะไม่มีทางใดไปต้านทาน
ตอนนี้ใบหน้าของเทพสวรรค์ห่าวเฟิงจึงขาวซีดอย่างไม่อาจจะหาทางออกรอดจากสถานการณ์วันนี้ได้เลย
เมื่อตอนที่เขาได้ยินว่าเย่หยวนใช้สายฟ้าสะเทือนสวรรค์ออกไป เขานั้นได้แต่คิดว่าเย่หยวนนั้นแสนโง่เง่า
แต่ใครจะไปคิดฝันว่าเทพถ่องแท้ตัวน้อย ๆ คนหนึ่งกลับสั่งการให้เทพสวรรค์ของเผ่าอสูรทั้งหมดทั้งสิ้นดาหน้าออกมาเช่นนี้ได้?
“ห่าวเฟิง เทพสวรรค์ผู้นี้ก็บอกไปแล้วว่าเจ้านั้นสังหารท่านอาจารย์ไม่ได้แน่!” เงาร่างหนึ่งได้ค่อย ๆ ปรากฏออกมาจากห้วงมิติ แล้วมันก็ย่อมจะเป็นเทพสวรรค์กู้หงที่ใช้วิชาห้วงมิติเปล่าหลบหนีไปนั่นเอง
เทพสวรรค์ห่าวเฟิงนั้นได้แต่กัดฟันแน่นด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เจ้าคิดจะสู้แลกชีวิตกับเราเพื่อมนุษย์คนเดียวจริง ๆ?”
หนึ่งในห้ายอดฝีมือเทพสวรรค์แห่งเผ่าอสูร เทพสวรรค์เฉินเซียได้ตอบขึ้นด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “หึ ๆ ห่าวเฟิง เทพสวรรค์ผู้นี้คิดอยากฆ่าเจ้ามาแสนนานแล้ว! ครั้งนี้เจ้าลืมเรื่องการหลบหนีใด ๆ ไปได้เลย!”
ห้ายอดเทพสวรรค์นั้นได้ค่อย ๆ กระจายตัวกันออกไปล้อมรอบเทพสวรรค์ห่าวเฟิงไว้
หากเขานั้นคิดจะทำอะไรไม่เข้าท่าเข้าที สิ่งที่รอเขาอยู่ก็คงเป็นการโจมตีสายฟ้าแลบ
จนในที่สุดเทพสวรรค์เฉินเซียก็เป็นคนแรกที่ไม่อาจทนห้ามใจไหว คิดจะพุ่งตัวเข้าโจมตีก่อนใคร
“หยุด! หากไม่ได้รับคำสั่ง ห้ามใครโจมตีใครทั้งนั้น!”
เย่หยวนที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศร้องสั่งห้ามเทพสวรรค์เฉินเซียออกมา
ก่อนที่เย่หยวนจะหันไปมองยังเทพสวรรค์ห่าวเฟิงและถามขึ้น “ห่าวเฟิง ข้าแค่อยากถามว่าคำเตือนของเย่ผู้นี้มันมีผลหรือไม่?”
…………