ตอนที่ 2290

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,290 : ภัยคุกคามจากครึ่งก้าวเซียนอมตะ!

 

“ท่านพ่อ!!”

 

พึ่งลืมตาขึ้นและยังไม่มีเวลาแม้แต่จะทันได้สัมผัสถึงความก้าวหน้าของพลังในร่าง รวมถึงขีดจำกัดของพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิด ที่ไร้ความช่วยเหลือของปฐมเวทย์กลืนกิน ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงตื่นเต้นยินดีที่คุ้นเคยหนึ่งเสียก่อน

 

“ซือหลิง!”

 

ต้วนหลิงเทียนเร่งหันมองไปทางต้นเสียงทันควัน

 

ต้นเสียงเป็นร่างเด็กผู้หญิงอายุราวๆ 12-13 ปียืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางตื่นเต้น

 

“ซือหลิง ลูกโตขึ้นมาก….”

 

เมื่อเห็นร่างเด็กผู้หญิงที่กำลังส่งยิ้มมาด้วยความสดใสร่าเริง ในใจต้วนหลิงเทียนพลันอ่อนยวบลงดั่งน้ำเหลว ยังอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความสะทกสะท้อนหนึ่ง “ตอนนี้ข้าปิดด่านไป…คงเป็นเวลาราววๆ 3 ปีได้สินะ”

 

ก่อนที่จะปิดด่านบ่มเพาะ ต้วนหลิงเทียนได้กะเวลาเอาไว้แล้วคร่าวๆ…

 

ว่าระยะเวลา 3 ปี สมควรมากพอให้เขาทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!

 

และตอนนี้เมื่อพลังฝึกปรือของเขาบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนได้สำเร็จ นั่นหมายความว่ากาลเวลาก็สมควรล่วงเลยไปแล้วถึง 3 ปี…

 

พอได้เห็นลูกสาวตัวน้อยได้เติบโตเป็นดรุณีน้อยร่างสูงเพรียว เขาก็ยืนยันได้ทันทีว่าสมควรปิดด่านมานานดังคาด…

 

และตอนนี้ทำให้ในใจต้วนหลิงเทียนบังเกิดความรู้สึกผิดเอ่อล้นขึ้นมาประการหนึ่ง

 

ในช่วงเวลาที่เขาปิดด่าน ลูกสาวที่น่ารักของเขากลับเติบโตจากเด็กหญิงตัวน้อย กลายเป็นดรุณนีร่างบาง! บิดาเช่นเขากลับพลาดช่วงเวลาเติบโตของลูกสาวไป…พาลให้ในใจบังเกิดรสชาติขมปร่าประการหนึ่ง!

 

“ท่านพ่อ! ในที่สุดท่านก็ออกจากการปิดด่านแล้ว!!”

 

ถึงแม้จะเติบโตเป็นดรุณีน้อยนางหนึ่งแล้ว หากแต่นิสัยของต้วนซือหลิงก็ยังคงร่าเริงเหมือนเดิม พอเห็นต้วนหลิงเทียนที่ออกจากการปิดด่าน ร่างบางก็เหินทะยานขึ้นไปอย่างไม่รอช้า โผเข้าสู่อ้อมกอดของต้วนหลิงเทียนทันที

 

ต้วนหลิงเทียนมองสบตาลูกสาวตัวน้อยด้วยความยินดี คลี่ยิ้มอบอุ่นพลางกล่าว “พริบตาเดียวซือหลิงตัวน้อยของพ่อกลับเติบโตขึ้นมาขนาดนี้แล้ว…พ่อแทบจำเจ้าไม่ได้เลย…”

 

“ฮึ ก็ท่านพ่อปิดด่านบ่มเพาะไปเกือบ 3 ปีนี่นา…”

 

ต้วนซือหลิงทำหน้ามุ่ย กล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทางน้อยใจ

 

“อา เป็นพ่อผิดเอง…พ่อไม่น่าปิดด่านบ่มเพาะนานขนาดนี้เลย…”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นใจ น้ำเสียงช่างอ่อนโยนนัก

 

“ท่านพ่อ ท่านแม่เองก็คิดถึงท่านมากๆเลย”

 

ตอนนี้ต้วนซือหลิงก็ได้เติบโตเป็นดรุณีแรกรุ่นแล้ว ถึงแม้นิสัยนางจะยังคงสดใสร่าเริงไม่ต่างจากเด็กหญิงตัวน้อยในวันวานต่อหน้าต้วนหลิงเทียน หากแต่นางก็เติบโตขึ้นมาจนรู้ความว่าอะไรเป็นอะไร

 

ดังนั้นหลังจากอยู่ในอ้อมกอดบิดาอย่างอบอุ่นครู่หนึ่ง นางก็ผละออก ก่อนจะจูงมือต้วนหลิงเทียนพาไปหาเค่อเอ๋อ

 

ต่อมานางก็ปล่อยมือต้วนหลิงเทียนและไปยืนข้างก่านหรูเยี่ยนอย่างรู้ความ

 

“เค่อเอ๋อ…”

 

ยามมองไปยังเค่อเอ๋อ สายตาของต้วนหลิงเทียนก็อ่อนโยนลงอย่างถึงที่สุด

 

“พี่เทียน…”

 

มองไปยังบุรุษที่ทำให้นางฝันถึงทุกคืนวัน เค่อเอ๋อ ได้แต่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสะทกสะท้อน ครู่ต่อมาร่างบางก็โผเข้าสู่อ้อมอกต้วนหลิงเทียน สองแขนกอดร่างแกร่งเบื้องหน้าแนบแน่น ราวกับจะไม่ปล่อยมือให้อีกฝ่ายแยกจากไปไหนอีก

 

ต้วนหลิงเทียนเองก็กระชับร่างบางมากอดไว้อย่างแนบแน่น ในใจอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา

 

ตอนนี้วาจาใดคล้ายไร้สำคัญ เพียงความเงียบงันก็บ่งบอกทุกกสิ่ง

 

ใจทั้งคู่คล้ายเชื่อมโยงถึงกัน สื่อประสานร่วมเคียงยากจะแยกจากได้อีกต่อไป

 

“นายท่าน…”

 

ห่างออกไปไม่ไกลนัก เผิงไหล ที่ได้เห็นต้วนหลิงเทียนออกจากการปิดด่านแล้ว แววตาก็อดฉายถึงความซับซ้อนออกมาไม่ได้

 

เป็นนายท่านผู้นี้ ที่ช่วยยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของมันให้บรรลุถึงรากวิญญาณสีคราม…

 

กระทั่งยังเป็นรากวิญญาณสีครามเข้ม!

 

ในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา พลังฝึกปรือของมันก็สามารถทะลววงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนได้ในที่สุด กลายเป็น 1 ในอาวุโสระดับแนวหน้าไม่กี่คนของวังเซียนสัญจรที่มีพลังฝึกกปรือบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน

 

หากเป็นในสถานการณ์ปกติ มันย่อมบังเกิดความยินดีถึงขีดสุดที่สามารถทะลวงผ่านด่านพลังจนนบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนได้…

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกลับไร้ซึ่งความสุขใดๆเพียงเสี้ยว

 

เพราะมันรู้ดีว่าต่อให้พลังฝึกปรือจะบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนแล้ว แต่อย่าได้กล่าวถึงเรื่องที่มันจะได้เลื่อนขั้นเป็นชนชั้นรองจ้าววังอันใด บัดนี้มันไม่อาจถูกนับให้เป็นคนของวังเซียนสัญจรได้อีกแล้วด้วยซ้ำ กระทั่งชีวิตของมันยังไม่แน่วว่าจะรอดพ้นความตายไปได้!

 

หากไม่มีคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า มันคงยังเหลือหนทางให้เลือกเดิน

 

หากทว่าบัดนี้มันไร้ซึ่งหนทางอื่นใด มีแต่ต้องร่วมหัวจมท้ายเดินไปกับนายท่านผู้นี้จนสุดทาง ต่อให้ปลายทางเบื้องหน้าจะมืดมิดไร้แสงใดๆก็ตามที…

 

‘ข้าหวังเพียงให้นายท่านที่ปิดด่านมา 3 ปีบังเกิดความสำเร็จเลิศล้ำ จนสามารถสร้าง ‘ปาฏิหาริย์’ได้…แบบนั้นข้าจึงจักมีหนทางรอด’

 

ความตายนั้น ไม่ว่าใครก็หวาดกลัว

 

กระทั่งเผิงไหลก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

 

หากมันสามารถรอดชีวิตไปได้ ต่อให้มันจะต้องออกจากวังเซียนสัญจร และถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศต่อเผ่าปีศาจ ได้แต่ระหกระเหินท่องโลกไปพร้อมนายท่านที่เป็นมนุษย์เบื้องหน้ามันก็เต็มใจ!

 

ยิ่งไปกว่านั้นมันบังเกิดสังหรณ์อันแรงกล้าประการหนึ่ง…

 

หากนายท่านของมันผู้นี้สามารถรอดพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้ มันที่ติดตามนายท่านผู้นี้ไป…ความสำเร็จในภายภาคหน้าย่อมสูงล้ำยิ่งกว่าจมปลักอยู่ในวังเซียนสัญจรหลายขุม!

 

‘กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาจากร่างมัน…ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเมื่อ 3 ปีก่อนมาก’

 

ก่านหรูเยี่ยนที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนนั้น ตอนแรกสาตาของนางก็ฉายถึงความซับซ้อนนัก แต่ครู่ต่อมานางก็เริ่มหันความสนใจไปยังกลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียนอย่างเป็นธรรมชาติ

 

‘เมื่อ 3 ปีที่แล้วพลังฝึกปรือของมันมีเพียงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเท่านั้น…’

 

เผิงไหลนั้นไม่ได้รู้เลยว่าพลังฝึกปรือก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียนอยู่ในขอบเขตขีดขั้นอะไร หากทว่าก่านหรูเยี่ยนในฐานะพี่สาววฝาแฝดของเค่อเอ๋อย่อมล่วงรู้กระจ่างชัด!

 

ถึงแม้ว่าพลังฝีมือก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียนนั้น จะแข็งแกร่งทัดเทียมกับตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยน

 

ทว่าก่านหรูเยี่ยนรู้ดีแก่ใจ…

 

ว่าตอนนั้นพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน ยังพึ่งอยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเท่านั้น!

 

‘ด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณสูงสุดอย่างรากวิญญาณสีดำ…ผ่านไปถึง 3 ปีแบบนี้ อย่างน้อยๆพลังฝึกปรือของมันสมควรทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนใช่หรือไม่?’

 

จะอย่างไรก่านหรูเยี่ยนก็ไม่ทราบถึงความเลิศล้ำของพรสวรรค์รากวิญญาณสีดำที่แท้จริง ทำให้นางได้แต่คาดเดาไปทำนองนี้

 

‘งั้นหมายความว่าตอนนี้พลังฝีมือของมันสมควรสูงพอจะทัดเทียมกับจ้าววังเซียนสัญจรแล้วสิ?’

 

ก่านหรูเยี่ยนได้แต่ลอบตั้งคำถามในใจ

 

“ลุงเผิงไหล เมฆสีดำนั่นมันอะไรเหรอ ไฉนคล้ายมันเคลื่อนที่ไปรวมกันตรงนั้นล่ะ? เอ๊ะ เหมือนด้านหลังเมฆสีดำนั่นจะมีประกายแสงวูบวาบหลายสีด้วย สวยจังเลย…”

 

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร หากทว่าตอนนี้ต้วนซือหลิงพลันสังเกตเห็นเมฆดำทะมึนที่กำลังเคลื่อนไปบรรจบเหนือฟ้าทิศทางหนึ่ง จึงกล่าวถามเผิงไหลออกมาทันที

 

ได้ยินคำของต้วนซือหลิง เผิงไหลก็แหงนขึ้นไปมองเมฆดำที่กำลังเคลื่อนตัวด้วยความเร็วผิดปกติบนฟ้า และดูเหมือนเมฆจากทุกสารทิศจะเคลื่อนตัวไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกัน

 

ไปบรรจบเหนือฟ้า ณ จุดนั้น จุดที่มีแพเมฆทะมึนอันหนาแน่น!

 

นอกจากนี้เบื้องหลังแพเมฆดำนั่นกลับมีประกายแสงหลากสีสันสาดดส่องลอดความมืดมิดออกมาให้เห็นเป็นครั้งคราว

 

“นี่มัน…”

 

ทันใดนั้นลูกตาเผิงไหลก็หดหยีลงทันที สีหน้ายังเปลี่ยนไปอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะโพล่งอุทานออกมาด้วยความตกใจ “มะ…เมฆหายนะทัณฑ์สวรรค์ของครึ่งก้าวเซียนอมตะ!!”

 

ทว่าอย่างไรก็ตามเผิงไหลคล้ายตระหนักได้ว่าไม่ควรรบกวนนายท่านของมันกับนายหญิง เสียงโพล่งอุทานจึงถูกมันลดความดังลงไปหลายส่วน ทำให้ไม่รบกวนเค่อเอ๋อกับต้วนหลิงเทียนที่กำลังกอดกันอย่างหวานชื่นแต่อย่างใด…

 

อย่างไรก็ตามก่านหรูเยี่ยนที่อยู่ใกล้กับมัน ย่อมได้ยินเสียงอุทานของมันชัดถนัดหู

 

“เมฆหายนะทัณฑ์สวรรค์ของครึ่งก้าวเซียนอมตะหรือ?”

 

ทันใดนั้นสายตาของก่านหรูเยี่ยนก็หันไปมองตามทิศทางสายตาของเผิงไหลทันที

 

พอได้เห็นว่าเมฆดำทะมึนกำลังแห่แหนกันมาจากทุกทั่วสารทิศและไปบรรจบกัน ณ จุดๆหนึ่ง สีหน้านางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก “เป็นเมฆหายนะทัณฑ์สวรรค์ของครึ่งก้าวเซียนอมตะจริงๆ!”

 

ในฐานะอดีตศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่งของลัทธิบูชาไฟ ก่านหรูเยี่ยนย่อมเคยได้ยินเรื่องราวของเมฆหายนะทัณฑ์สวรรค์ของครึ่งก้าวเซียนอมตะดี ยังรับรู้ถึงลักษณะของมันชัดเจน

 

ดังนั้นทันทีที่นางได้เห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเหนือฟ้าทางฟากนั้น นางจึงยืนยันได้ทันที

 

ว่าเมฆดำทะมึนที่กำลังเคลื่อนที่มาบรรจบกัน ณ จุดนั้นจากทั่วสารทิศ…เป็นเมฆหายนะทัณฑ์สวรรค์ของครึ่งก้าวเซียนอมตะ…หายนะสู่สวรรค์!

 

“เมฆหายนะสู่สวรรค์พวกนี้มันไปบรรจบกันตรงนั้น แล้วตรงนั้นเป็นที่ใด?”

 

ถึงแม้ในใจจะสั่นสะท้านเพราะคาดเดาได้ถึงบางสิ่งรางๆ หากแต่ก่านหรูเยี่ยนก็เลือกจะถามเผิงไหลเพื่อยืนยันความคิด

 

“ทิศทางนั้น…เป็นทิศทางที่ตั้งของคฤหาสน์ท่านจ้าววัง อวี่เหวินฮ่าวเฉิน!”

 

เผิงไหลเผยยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “ข้าเองก็สงสัยแต่แรกแล้ว ว่าด้วยความแค้นที่ ฉีหนานฟง จ้าววังวิญญาณอสุราผู้นั้นมีต่อตำหนักเมฆาคราม มันสมควรฉวยโอกาสลงมือกับนายท่านอย่างไร้เหตุผลแต่แรก เมื่อได้รู้ว่าท่านจ้าววังกำลังปิดด่านบ่มเพาะอยู่แบบนี้…”

 

“แต่ทว่ามันกลับเลือกที่จะรอคอยอยู่อย่างสงบเสงี่ยม…”

 

“ก่อนหน้าเป็นข้าสงสัยและไม่เข้าใจในเรื่องนี้มาโดยตลอด…”

 

“ทว่ามาตอนนี้ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว…ที่แท้ท่านจ้าววังกำลังพยายามคว้าโอกาสทะลวงถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะในการปิดด่านบ่มเพาะครั้งนี้นี่เอง!”

 

“พอได้รับทราบว่าท่านจ้าววังกำลังจะกลายเป็นตัวตนขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะ…ฉีหนานฟง ผู้นั้นแน่นอนว่าย่อมไม่กล้าเคลื่อนไหวบุ่มบ่าม ไร้ความกล้าจะก้าวก่ายหน้าที่ของจ้าววังเซียนสัญจร!”

 

จังหวะนี้เผิงไหลเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้กระจ่าง

 

อย่างไรก็ตาม ในขณะมันที่เข้าใจเรื่องราวได้กระจ่าง ใจของมันก็ยิ่งสะท้านสั่นไหวมากขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มบนหน้ายิ่งมายิ่งขื่นขมปานจะร่ำไห้!

 

“เป็นที่อยู่ของจ้าววังเซียนสัญจรจริงๆ…!”

 

ถึงแม้จะเตรียมใจไว้แล้วแต่แรก แต่พอได้ยินคำยืนยันของเผิงไหล ใจของก่านหรูเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะสะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ!

 

“กล่าวได้ว่า…จ้าววังเซียนสัญจรนั่น ในอีกไม่กี่วันหลังจากนี้หากมันเอาชนะหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ มันก็จะกลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้วสิ?!”

 

คิดถึงจุดนี้ ความหวังที่พึ่งก่อเกิดได้ไม่นานในใจของก่านหรูเยี่ยน ก็ถูกความจริงบดขยี้ให้พังทลายลงอย่างไร้ปราณี!

 

ก่อนหน้านี้นางคาดว่าพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนสมควรทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 8เปลี่ยนแล้ว

 

ต้วนหลิงเทียนตอนมีพลังฝึกปรือเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าววังเซียนสัญจร

 

ทว่าแล้วต้วนหลิงเทียนในขอบเขตเซียนสวรรค์ 8เปลี่ยนเล่า?

 

เนื่องจากก่านหรูเยี่ยนนั้นไม่รู้ว่าพลังเซียนต้นกำเนิดนั้นมีขีดจำกัด ทำให้นางไม่ได้รู้เลยว่าแม้ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนจะทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว ไม่ใช่เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนอย่างที่นางคิด หากแต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าววังเซียนสัญจรในตอนนั้นอยู่ดี!

 

แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวต้องขึ้นอยู่กับกรณีที่ว่า ตราผนึกมาร ไม่อาจสยบจ้าววังเซียนสัญจรในวันนั้นที่มีพลังฝึกปรือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนชนชั้นยอดฝีมือได้ด้วย

 

มาตอนนี้พอรู้ว่าจ้าววังเซียนสัญจรกำลังจะเผชิญหน้ากับหายนะทัณฑ์สวรรค์ และหากอีกฝ่ายเอาชนะได้ก็จะกลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ…

 

ทำให้ความหวังในใจของก่านหรูเยี่ยนได้แตกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งๆที่ความหวังดังกล่าวพึ่งจะเริ่มก่อตัวได้ไม่นาน

 

สิ่งนี้ให้ความรู้สึกประหนึ่งคนที่กำลังจะจมน้ำตาย หากทว่าได้พบเจอฟางเส้นสุดท้ายจึงเร่งไขว่คว้าเอาไว้! มิคาดฟางเส้นสุดท้ายที่คิดว่าสามารถช่วยชีวิตได้ กลับขาดผึงลงต่อหน้าต่อตา…!!

 

ความรู้สึกประหนึ่งจะได้ทะยานขึ้นจากขุมนรกสู่สวรรค์ อนิจจากลับต้องร่วงตกลงไปในนรกอีกครั้ง…

 

“ไม่สิ…ไม่แน่ว่ามันจะเอาชนะหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้! มันอาจจะตกตายเพราะก้าวข้ามหายนะทัณฑ์สวรรค์ล้มเหลว!!”

 

พอฉุกคิดถึงความเป็นได้ประการหนึ่งขึ้นมา สองตาก่านหรูเยี่ยนหวนกลับมาทอประกายจ้าอีกครั้ง ใบหน้านางยังเริ่มฉายชัดถึงความหวังขึ้นมาอีกครั้ง

 

เพราะเท่าที่นางทราบ

 

ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนนั้น แม้จะสามารถชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์มาเพื่อก้าวข้ามได้ก็จริง แต่ก็ไม่แน่ว่าจะก้าวข้ามหายนะได้สำเร็จ!

 

“ก้าวข้ามหายนะทัณฑ์สวรรค์ล้มเหลวหรือ?”

 

ได้ยินคำเปี่ยมความหวังของก่านหรูเยี่ยน เผิงไหลได้แต่ส่ายหัวกล่าวพร้อมรอยยิ้มขื่นขม “เป็นไปมิได้ที่จะล้มเหลว…”