บทที่ 986 ภารกิจใหม่จากแอปพลิเคชัน Keep

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 986 ภารกิจใหม่จากแอปพลิเคชัน Keep

เมื่อนึกถึงแรงบีบรัดจากสองอกอวบอึ๋มของเด็กสาว หัวใจของหลินเป่ยเฉินก็เต้นรัวเร็วโดยไม่รู้ตัว

เอ่อ

พี่สาวจูบเขา

น้องสาวก็ใช้หน่มน้มหนีบแขนเขา

คนหนึ่งผิวขาว คนหนึ่งผิวเข้ม ต่างมีใบหน้าที่สวยงามทั้งคู่

หลินเป่ยเฉินไม่รู้เลยว่าตนเองสมควรเลือกไป๋ชินหยุนหรือไป๋เสี่ยวเซียวมากกว่ากัน?

หากยึดตามกฎเกณฑ์ที่ว่าใครมาก่อนย่อมได้ก่อน ถ้าอย่างนั้น เขาก็คงต้องเลือกไป๋ชินหยุน

สถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจเช่นนี้ หลินเป่ยเฉินเคยพบเห็นก็แต่ในพล็อตนิยายรักน้ำเน่าในอินเทอร์เน็ตเท่านั้น…

แต่เขาจะคิดถึงเรื่องนี้ทำไมเนี่ย

หลินเป่ยเฉินคนนี้เป็นคนดีมีศีลธรรม

เขาจะรวบหัวรวบหางทั้งพี่ทั้งน้องได้อย่างไร?!

แต่รู้ตัวอีกที ขณะนี้มือของเขาก็กำลังโอบเอวไป๋เสี่ยวเซียวอยู่เสียแล้ว

จริงอยู่ที่ไป๋ชินหยุนเป็นฝ่ายมาก่อน แต่ระหว่างเขากับนางไม่เคยพูดคุยอะไรกันอย่างจริงจัง

และข้อมูลที่หลินเป่ยเฉินได้รับฟังจากปากคำของไป๋เสี่ยวเซียว ดูเหมือนชาวเผ่าจันทราขาวจะไม่ทราบว่าไป๋ชินหยุนได้เดินทางไปอยู่ที่แผ่นดินตงเต้าแล้ว

นางอาจแฝงตัวไปทำภารกิจอะไรบางอย่างตามแผนการของผู้คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์

ทีนี้ หากข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับไป๋ชินหยุนรั่วไหลรู้ไปถึงหูผู้คนดินแดนอื่น ๆ ในอาณาเขตดวงดาว ไป๋ชินหยุนอาจจะต้องได้รับความเดือดร้อนก็เป็นได้

เรื่องราวที่วุ่นวายเช่นนี้ ปล่อยให้ชาวเผ่าจันทราขาวรู้กันเอาเองก็แล้วกัน

อีกอย่าง ตัวตนของเขาในตอนนี้คือผู้อาวุโสจู หาใช่หลินเป่ยเฉิน และนั่นเท่ากับว่าเขากับไป๋ชินหยุนไม่เคยพบกันมาก่อน

เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินเป่ยเฉินก็นึกชื่นชมที่ผู้อาวุโสไป๋ซานเยว่แปลภาษามือของเขาผิดเพี้ยนไปทั้งหมด

ในไม่ช้า พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ในการลงนามสาบานตนก็ถูกเตรียมพร้อม

ขั้นตอนการทำพิธีไม่มีอะไรซับซ้อน

หลินเป่ยเฉินได้รับม้วนกระดาษหนังสัตว์แผ่นหนึ่ง ด้านในเป็นสัญญาการสาบานตนที่จะดูแลกันและกันตลอดไป

เมื่อพิธีการผ่านพ้น

หลินเป่ยเฉินก็นำชาวเผ่ามุ่งหน้าไปยังพื้นที่เพาะปลูกและช่วยเหลือทุกคนชุบชีวิตต้นกวนเจี๋ยให้ได้เยอะมากที่สุด

ณ เวลาเดียวกันนี้ ในใจเด็กหนุ่มก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเล่นลงนามกันเสียใหญ่โต เมื่อถึงเวลาที่ต้องแยกจากกันขึ้นมาจริง ๆ เขาจะบอกกับชาวเผ่าจันทราขาวว่าอย่างไรดี?

ทันใดนั้น ท้องฟ้าพลันกลับกลายเป็นสีแดงเข้ม

ดูเหมือนจะถึงเวลากลางคืนอีกแล้วสินะ

หลินเป่ยเฉินกลับมาที่กระท่อมหินของตนเอง

เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้หน้ากระท่อม ใช้เวลาว่างวางแผนการขั้นต่อไปอยู่ในใจเงียบ ๆ

พลัน เงาดำเคลื่อนไหวบนพื้นดินไม่ต่างจากอสรพิษตัวหนึ่ง

“กงกงกลับมาแล้วขอรับ นายท่าน”

เงาดำนั้นเปลี่ยนร่างกลายเป็นชายฉกรรจ์รผู้ไว้ผมจุกบนศีรษะ ซึ่งขณะนี้ เขากำลังประสานมือคำนับเด็กหนุ่มด้วยความนอบน้อม

“กลับมาก็ดีแล้ว ได้ความว่าอย่างไรบ้าง”

หลินเป่ยเฉินถามกลับไปด้วยความกระตือรือร้น

ถึงเขาจะรู้สึกไม่คุ้นหน้าชายฉกรรจ์คนนี้เลยก็ตาม แต่หลินเป่ยเฉินก็เกิดความรู้สึกจากส่วนลึกในหัวใจว่าชายฉกรรจ์ผู้นี้สามารถไว้ใจได้

กงกงรายงานข้อมูลอย่างละเอียด

บัดนี้ กองทัพเป่ยไห่ต้องรับมือการโจมตีจากสัตว์อสูรถึงเจ็ดสายพันธุ์ พวกเขาได้รับความเสียหายใหญ่หลวง หัวหน้าหน่วยองครักษ์โหลวซานกวนได้รับบาดเจ็บ แต่โชคดีที่สามารถหลบหนีกลับมายังกำแพงเมืองได้อย่างปลอดภัย

องค์จักรพรรดิ อัครเสนาบดีจั่วเซียง เกาเฉิงฮั่นและแม่ทัพใหญ่คนอื่น ๆ ล้วนต้องออกไปแสดงฝีมือแล้วเช่นกัน

หากไม่ใช่เพราะว่าพวกเขามีนักรบเกราะเงิน ซึ่งเคยเป็นนายทหารคนงานขุดเหมือง มีอากวง เซียวปิง สองสาวเฉียนเหมยเฉียนเจินคอยช่วยเหลือ เกรงว่าบัดนี้เมืองโบราณของพวกเขาคงถูกบุกยึดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คิด

แค่ต้องป้องกันกำแพงเมืองเพียงอย่างเดียว กองทัพเป่ยไห่ก็อยู่ในสภาพย่ำแย่สาหัส

ดังนั้น การยกกำลังพลบุกไปโจมตีเมืองอื่น ๆ จึงถือเป็นความเพ้อฝันอย่างยิ่ง

หากไม่ได้มีความช่วยเหลือจากกลุ่มคนของหลินเป่ยเฉิน เกรงว่านายทหารชั้นนำของกองทัพเป่ยไห่ก็คงถูกสังหารหมดสิ้นแล้ว

นี่คือการรายงานสถานการณ์จากกงกง

หลินเป่ยเฉินรับฟังแล้วก็รู้สึกหนักใจนัก

ด้วยข้อมูลที่กงกงบอกมา ถึงเขากลับไปตอนนี้ ก็คงช่วยเหลืออะไรไม่ได้

คงต้องคิดหาวิธีอื่นแล้วสิ

ฉับพลันนั้น เสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกลานบ้าน ตามมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานเรียกหาว่า “พี่จู อยู่บ้านหรือเปล่าจ๊ะ?”

แน่นอนว่าหลินเป่ยเฉินย่อมฟังคำเรียกหาเหล่านี้ไม่ออก

แต่เขาจำได้ดีว่านี่เป็นเสียงของยอดหญิงงามประจำเผ่าไป๋เสี่ยวเซียว ดังนั้น เขาจึงหันหน้าไปโบกมือทักทายด้วยความเป็นมิตร

กงกงรีบถอยไปด้านหลัง

ร่างของเขาจมหายลงไปในเงาของหลินเป่ยเฉินบนพื้นดิน

ขณะนี้ ไป๋เสี่ยวเซียวได้ผลักประตูรั้วเปิดออกและเดินเข้ามาแล้ว

“ท่านปู่สั่งให้ข้านำผลกวนเจี๋ยมามอบให้กับท่าน”

แขนของเด็กสาวคล้องตะกร้าใส่ผลไม้มาด้วย

แต่ความจริง นางแค่อยากหาข้ออ้างมาพบหลินเป่ยเฉินเท่านั้น

หลินเป่ยเฉินโบกมือวูบ ผลกวนเจี๋ยลูกหนึ่งลอยเข้ามาอยู่ในมือ เขากัดกินมันคำหนึ่งก่อนจะใช้กิ่งไม้เขียนบนพื้นดินว่า ‘น้องสาวนั่งลงก่อน ข้ามีอะไรอยากสอบถามเจ้าสักหน่อย’

เด็กสาวเสือดาวน้อยกระโดดมานั่งบนเก้าอี้ข้างหลินเป่ยเฉินอย่างรวดเร็ว

‘ข้าอยากรู้ว่าสถานการณ์ของอีกสองเมืองในดินแดนแห่งนี้เป็นอย่างไรบ้าง’

หลินเป่ยเฉินเขียนคำถามบนพื้นดิน

“ได้เลยเจ้าค่ะ”

ไป๋เสี่ยวเซียวไม่สงสัยสักนิดและเขียนคำตอบให้เขาบนพื้นดินเช่นกัน

อีกสองเมืองในอาณาเขตสนธยาแห่งนี้ ปกครองโดยเผ่าพันธุ์กิ้งก่าวายุและเผ่าพันธุ์คนแคระเขียวตามลำดับ

แรกเริ่มเดิมทีนั้น อาณาจักรแห่งนี้ชาวเผ่าจันทราขาวเป็นผู้ค้นพบเป็นคนแรก และพวกเขาก็ตั้งชื่อที่นี่ว่าอาณาจักรจันทราขาว

ที่นี่จึงเป็นดินแดนของเทพเจ้าแห่งแดนรกร้างไปโดยปริยาย

แต่หลังจากนั้น เผ่ากิ้งก่าวายุและเผ่าคนแคระเขียวก็ค้นพบที่นี่เช่นกัน

ตอนแรกที่ทั้งสองเผ่าพันธุ์มาตั้งรกรากที่นี่ พวกมันล้วนมาในสภาพร่อแร่ไร้กำลังและถูกสัตว์อสูรไล่ฆ่าจนเกือบสูญพันธุ์

สุดท้าย เผ่ากิ้งก่าวายุและเผ่าคนแคระเขียวก็มาขอความช่วยเหลือจากเผ่าจันทราขาว

หัวหน้าเผ่าในสมัยนั้นใจดีมาก ยอมเปิดรับสิ่งมีชีวิตต่างสายพันธุ์ให้เข้ามาอยู่ในเมืองของพวกเขาเพื่อตั้งหลักเป็นระยะเวลานาน

ใครเลยจะไปคิดว่าทั้งสองเผ่าพันธุ์นี้กลับไม่ยอมจากไป

แม้ปากพวกมันจะบอกว่าตนเองได้รับความช่วยเหลือจากเผ่าจันทราขาว

แต่เผ่าพันธุ์กิ้งก่าวายุและเผ่าพันธุ์คนแคระเขียวมีจิตใจชั่วร้ายอำมหิตมากเกินไป

เมื่อพวกมันสามารถตั้งหลักได้แล้ว สัญชาตญาณดิบก็ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง

เผ่าพันธุ์กิ้งก่าวายุและเผ่าพันธุ์คนแคระเขียวถึงกับร่วมมือกันตลบหลังเผ่าจันทราขาว ยึดครองเมืองทั้งสองแห่งนั้นไปเป็นของตนเอง การต่อสู้ในครั้งนั้นทำให้หัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโสของเผ่าจันทราขาวต้องเสียชีวิตลงเป็นจำนวนมาก

การต่อสู้ในค่ำคืนแห่งการทรยศ พื้นดินถูกย้อมด้วยโลหิตสีแดงสด

ชาวเผ่าจันทราขาวจำนวนมากต้องตายด้วยความโศกเศร้า

นับตั้งแต่นั้น เมืองทั้งสองแห่งซึ่งเคยเป็นของเผ่าจันทราขาว ก็ถูกผู้บุกรุกยึดครองโดยสมบูรณ์

ทางด้านเผ่าจันทราขาวเองก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก สถานะเปลี่ยนจากเผ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด กลายเป็นเผ่าที่เล็กจ้อยที่สุดในดินแดนนี้เพียงชั่วข้ามคืน

เมื่อเขียนตัวอักษรสุดท้ายจบลง ร่างของไป๋เสี่ยวเซียวก็สั่นเทา

หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจน

เนื่องจากมือของเขายังเกาะอยู่รอบเอวนางไม่ได้ปล่อย

“ชั่วร้ายเกินไปแล้ว พวกมันไม่ใช่คน…สิ่งมีชีวิตที่ชั่วช้าสามานย์เช่นนี้ สมควรถูกฆ่าตายไปให้หมด”

หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น

ไป๋เสี่ยวเซียวส่งเสียงครางในลำคอ ก่อนถอนหายใจ เขียนข้อความว่า ‘น่าเสียดายที่เผ่าจันทราขาวของพวกเราอ่อนแอมากเกินไป อย่าว่าแต่จะให้เราไปแก้แค้นพวกมัน แค่ดูแลตัวเองให้อยู่รอดก็ทำแทบไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ ข้าไม่รู้เลยว่าพวกเราจะต้องรออีกนานแค่ไหน…’

หัวใจของเด็กหนุ่มกระตุกวูบ

‘ในเมื่อไป๋ชินหยุนได้เป็นถึงผู้ที่ถูกเลือกแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เหตุไฉนนางถึงไม่กลับมาแก้แค้นให้พวกเจ้าล่ะ?’

หลินเป่ยเฉินเขียนข้อความสอบถาม

ไป๋เสี่ยวเซียวเขียนข้อความตอบกลับว่า ‘พี่สาวของข้าจำเป็นต้องเก็บตัวฝึกวิชา นับตั้งแต่ที่นางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเราก็ไม่เคยพบเจอนางอีกเลย…’

หลินเป่ยเฉินพยักหน้าหงึกหงัก

ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจใยดีเผ่าจันทราขาวอีกแล้ว

ตอนแรก หลินเป่ยเฉินต้องการรวบรวมกำลังพลเผ่าจันทราขาวเข้ากับกองทัพเป่ยไห่ เพื่อบุกโจมตีอีกสองเมืองที่เหลือด้วยกัน

แต่หากทำเช่นนั้น เมื่อการต่อสู้จบลง เผ่าจันทราขาวก็คงได้รับความเสียหายใหญ่หลวงอีกครั้ง

พวกเขาเป็นชาวเผ่าที่มีจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์มากเกินไป

ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าเผ่าไป๋ไห่เฉา ผู้อาวุโสไป๋ซานเยว่ เด็กสาวไป๋เสี่ยวเซียว…

ถึงเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ทุกคนก็เปรียบเสมือนญาติพี่น้องของหลินเป่ยเฉินไปแล้ว

อีกอย่าง พวกเขาคือครอบครัวของไป๋ชินหยุน

ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงต้องคิดหาทางอื่น

เขายกมือลูบศีรษะไป๋เสี่ยวเซียวและกระซิบกว่า “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวข้าจะหาวิธีแก้แค้นให้แก่เผ่าจันทราขาวเอง”

นี่เป็นเพียงคำปลอบโยนเท่านั้น

เพราะคุณชายหลินยังไม่มีแผนการใด ๆ อยู่ในหัวสักนิด

แน่นอนว่านางคงฟังไม่รู้เรื่อง

แต่ในลมหายใจต่อมานั้น เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นในหัว

หลินเป่ยเฉินสะดุ้งโหยง

มันเป็นเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชัน Keep

อย่าบอกนะว่ามีภารกิจใหม่?