อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1159 ทำลายค่ายกล

หนึ่งวันหนึ่งคืนผ่านไปแล้ว การรบรายังคงดำเนินต่อ

เวินเส้าหยีเอ่ย “ไปเอาตัวซือโม่เฟยมา”

“หัวหน้าเผ่า…”

“จอมมารเชี่ยวชาญค่ายกล ความสามารถด้านค่ายกลของเขาเหนือชั้นกว่าข้าและเย่จิ่งหาน และยังเหนือชั้นกว่ากู้ชูหน่วนด้วย มีเขาอยู่ จะประหยัดเวลาอีกมาก

เวินเส้าหยีคิดไม่ถึง

เขารู้ว่าตระกูลไป๋หลี่ไม่ธรรมดา แต่อย่างไรก็คิดไม่ถึง ค่ายกลของตระกูลไป๋หลี่จะร้ายกาจถึงเพียงนี้

หากไม่ทำลายค่ายกลเหล่านี้ ก็อย่าหวังจะได้เข้าส่วนลึกที่สุดในเขตต้องห้ามของตระกูลไป๋หลี่เลย

วิธีการทำลายค่ายกลของมู่หน่วนทำให้เขาประหลาดใจ หลายๆ ค่ายกลที่เขาทำลายไม่ได้ มู่หน่วนกลับทำลายได้หมด แต่นางจะเก่งอย่างไร หากอยากทำลายค่ายกลทั้งหมด น่ากลัวว่ายังต้องเสียเวลาอีกมาก

“ขอรับ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้”

พรึ่บ ผู้อาวุโสสวี่หายตัวไปท่ามกลางแสงตะวันย่ามรุ่ง

ในเขตต้องห้ามตระกูลไป๋หลี่

ไป๋หลี่ป้าและสุดยอดผู้อาวุโสหลายคนกำลังล้อมค่ายกลเจ็ดดาวร่ายคาถาอยู่

ในค่ายกลเจ็ดดาวมีวิญญาณกึ่งโปร่งแสงดวงหนึ่ง

พวกเขากำลังล้วงสำนึกใยวิญญาณอยู่

ทันใดนั้นผู้ดูแลเฉินก็รีบร้อนเข้ามารายงานอีกครั้ง

“เจ้าบ้าน คนในตระกูลจะต้านทานไม่ไหวแล้วขอรับ สัตว์อสูรมีจำนวนมากขึ้นทุกที ไม่เพียงแต่แคว้นเย่ แต่เกรงว่าสัตว์อสูรทั้งทวีปปิงหลิงก็ยกขบวนมากันหมด ผู้อาวุโสหลายท่านเชิญท่านออกจากด่านกักตนไปบัญชาการเดี๋ยวนี้ขอรับ”

ไป๋หลี่ป้าและสุดยอดผู้อาวุโสทั้งหลายพยายามอย่างหนัก กว่าจะหาวิธีล้วงสำนึกได้

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่นังแพศยามู่หน่วนนั่นกลับพาสัตว์อสูรฆ่ามาถึงตระกูลไป๋หลี่

ตามเคล็ดวิชาลับที่บรรพชนตกทอดมา ตอนนี้น่าจะล้วงสำนึกได้นานแล้ว

แต่ไม่รู้เพราะสาเหตุใด นานขนาดนี้แล้ว ยังสยบสำนึกดวงนี้ของนางไม่ได้สักที

เวลาผ่านไปทุกที ไป๋หลี่ป้าและคนอื่นๆ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

ครั้นได้ยินถ้อยคำของผู้ดูแลในตอนนี้ ก็อดด่าทอไม่ได้ “กับอีแค่สัตว์อสูรจำนวนหนึ่งก็ทำพวกเจ้าเป็นอย่างนี้แล้วหรือ นักฝึกสัตว์ล่ะ หายหัวไปไหนกันหมด”

“เจ้าบ้าน ราชางูเก้าหัวมรกตร้ายกาจยิ่งนัก นักฝึกสัตว์หลายคนล้วนตายด้วยน้ำมือของมัน แล้วยังมี…เด็กหนุ่มพลังระดับห้าสองคนมาร่วมช่วยด้วย พวกมันสู้กับนักฝึกสัตว์โดยเฉพาะ ที่น่าแค้นกว่านี้ สัตว์อสูรเหล่านั้นก็ไม่รู้ว่าไปเรียนค่ายกลมาจากไหน ถึงกับวางค่ายกลเอาไว้มากมาย ก็คือ…ก็คือค่ายกลที่จัดการนักฝึกสัตว์โดยเฉพาะนั่นแหละขอรับ”

“นักฝึกสัตว์ตระกูลไป๋หลี่ของพวกเราบาดเจ็บล้มตายไปสองในสามแล้ว”

“แล้วพวกผู้อาวุโสล่ะ พวกเขาทำอะไรกันอยู่”

“พวกผู้อาวุโสกำลังป้องกันอย่างสุดความสามารถขอรับ แต่…แต่…”

จู่ๆ ก็มีผู้ดูแลอีกคนเข้ามารายงานด้วยความรีบร้อน

“เจ้าบ้าน เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ มู่หน่วนมาทางตำหนักหานเฉินแล้วขอรับ”

อะไรนะ…

ตำหนักหานเฉินอยู่ใกล้กับเขตต้องห้ามมากที่สุด แค่ทลายอีกไม่กี่ค่ายกลก็มาถึงที่นี่ได้แล้ว

เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลไป๋หลี่จะไม่ยอมให้คนนอกเข้าตำหนักหานเฉินเด็ดขาด

เวลาแค่ไม่นาน พวกเขาเข้ามาได้อย่างไร

เจ้าบ้านไป๋หลี่เอ่ย “บัดซบ ต่อให้นักฝึกสัตว์กับผู้อาวุโสสู้ไม่ได้ แต่ตระกูลไป๋หลี่นับจากบรรพชนก่อตั้งมา ก็สร้างค่ายกลพิฆาตตั้งมากมาย พวกผู้อาวุโสไม่ได้เปิดใช้หรือ”

“เปิดแล้วขอรับ…แต่…แต่ถูกทลายไปหมดแล้วขอรับ”

“ทักษะค่ายกลของมู่หน่วนสูงส่งมาก นางทำลายค่ายกลหลายๆ ค่ายกลได้ง่ายชนิดปอกกล้วยเข้าปาก”

“ผู้อาวุโสเฟิงถึงกับใช้ค่ายกลพิทักษ์ตระกูลทั้งหมดแล้ว แล้วยังเรียกผู้อาวุโสยี่สิบสี่ท่านมาควบคุม แต่ไม่รู้มีเจ้าโง่มาจากที่ไหน มีทักษะค่ายกลระดับสูงยิ่งกว่ามู่หน่วน ค่ายกลที่ไม่มีคนทำลายได้ในหลายร้อยปีก็ถูกเจ้าโง่นั่นทำลายไปหมดขอรับ”

“แล้ว…แล้วผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่ท่านยังใช้ชีวิตตั้งค่ายกล พอค่ายกลถูกทำลาย พวกเขาก็…ก็เสียชีวิตกันหมดขอรับ”

เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ เจ้าบ้านไป๋หลี่และสุดยอดผู้อาวุโสก็ตะลึงงัน