ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 952 ผู้หญิงคนนี้ไม่เป็นระเบียบจริงๆ
คนขับรถ “คุณหมายถึงอะไร คุณหนูใหญ่”
“ไอ้แก่นั้นไม่ใช่ให้นังสารเลวนั่นเป็นสะใภ้ตระกูลเทวเทพแล้วหรอ งั้นงานนี้ก็รอดูวิธีการจัดการปัญหาของเธอในงานนี้สักหน่อย โอกาสนี้หายากมาก ตายทีเดียวถึงสองคน ถ้าเธอจัดการมันได้ก็จะเป็นตำนานแน่นอน”
เธอเล่นสร้อยข้อมือหยกที่ข้อมือซ้ายของเธออย่างช้าๆ และคิ้วของเธอซึ่งคล้ายกับวุฒิพลมากก็เต็มไปด้วยร่องรอยมืดมน
คนที่ขับรถเห็นใบหน้านี้ในกระจกมองหลัง และทันใดนั้นขนหัวเขาก็ลุก
นี่เรียกโอกาสที่หายากหรอ
การตายของคนสองคนในเรด พาวิเลี่ยนเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับตระกูลเทวเทพ ตอนนี้ทั้งครอบครัวเทวเทพกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วเธอจะพูดได้อย่างไรว่านี่เป็นโอกาสที่หายาก
คำอธิบายเดียวคือเธอต้องการใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้คือดึงผู้หญิงคนนั้นลงมา
นอกจากนี้ ในสถานการณ์ปัจจุบัน หากสมรมณ์วัลย์ ต้องการกลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ และครอบครองสิทธิในตระกูลเทวเทพ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะได้รับแรงสนับสนุนจากภายใน
ในเวลานี้ เมื่อไชกุและภรรยาของเขาเสียชีวิต พลังจากสายตรงก็ลดลงครึ่งหนึ่งเช่นกัน
ถ้าเส้นหมี่ถูกดึงลงมาอีก ไชยันต์ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเลือกคนที่อยู่ลำดับต่อมา ในเวลานั้นสมรมณ์วัลย์จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกนั้น
ในที่สุดคนขับก็เข้าใจ เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถาม “แต่พิมเจ้า อยู่ที่นั่น ฉันเกรงว่าเธอจะช่วยเธอถ้าเกิดอะไรขึ้น”
“พิมเจ้า”
หญิงวัยกลางคนเยาะเย้ยอีกครั้ง “เธอจะทำอะไรได้ เธอก็แค่แสร้งทำเป็นอ่อนแอและรับใช้ผู้อื่นได้ ไอ้แก่ไม่ยอมตายนั่นถึงได้เรียกเธอไปที่เดอะวิวซี เธอคิดว่าเธอจะควบคุมปัญหาใหญ่ได้จริงหรอ”
คนขับรถ “…”
หญิงวัยกลางคน “คอยดูนะ การแสดงวันนี้จะน่าตื่นเต้นมาก มันคือไฮไลท์เลย!”
ในท้ายที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็พูดประโยคนี้ออกไปอย่างร้านกาจ จากนั้นเธอก็ปล่อยให้คนขับรถขับออกไป
สู้รบปรบมือกับนีรวรรณ?
พูดตามจริง ถ้าไม่ใช่เพราะถูกหมูโง่ๆอย่างทรงกลดลากลงมา ด้วยความสามารถของเธอ เธอคงจะฆ่าสุนัขชายหญิงคู่นี้ไปนานแล้ว!
——
เส้นหมี่และพรรคพวกกำลังจะมาถึงเรด พาวิเลี่ยน
แต่ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น…
“ฮัลโหล สามี”
“คุณไปทำอะไรที่เรด พาวิเลี่ยน กลับมาเดี๋ยวนี้!”
เสียงของผู้ชายจากโทรศัพท์มือถือนั้นดูโกรธอย่างเห็นได้ชัด และสั่งให้เธอกลับเดอะวิวซีทันที
เส้นหมี่ตกตะลึง
หลังจากได้สติ เธอด็รีบหยิบโทรศัพท์ เหลือบมองชายชราที่นั่งข้างหน้าเธอ และเด็กๆข้างๆ จากนั้นก็ลดเสียงของเธอลง “สามีฉันกลับไปไม่ได้ เป็นคุณท่านกมลภพที่อยากไปเรด พาวิเลี่ยน”
“!!!”
พูดได้คำเดียวว่าชายคนนั้นโกรธมากจนกัดฟัน
แต่สุดท้ายเขาก็ยังไม่ตำหนิ หลังจากหายใจเข้าลึกๆ เขาก็สงบลง “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน คุณถึงเรด พาวิเลี่ยนแล้วหรอ”
เส้นหมี่รีบชำเลืองมองออกไปนอกรถ “ยังไม่ถึง ตอนนี้อยู่ข้างโฮมโปรแค่ข้ามสะพานไปก็ถึงแล้ว”
“งั้นก็รอผมอยู่ที่นั่น ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”
จากนั้นชายคนนั้นก็วางสายไป
เส้นหมี่ “…”
ไม่ใช่มั้ง แค่นี้เลยหรอ
เธอจ้องไปที่โทรศัพท์ที่วางสายไปแล้วอย่างว่างเปล่า ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็มองไปข้างหน้า “คือ…รองผู้นำเดชา คุณชายโทรมาบอกว่าให้รอเขาด้วย เขาก็จะมาเหมือนกัน”
“หืม”
แน่นอนว่ารองผู้นำเดชาซึ่งกำลังขับรถอยู่ก็แสดงความประหลาดใจเช่นกัน
ตรงกันข้าม เมื่อไชยันต์ได้ยิน เขาก็แสดงความดีใจออกมา “งั้นก็จอดรถข้างๆตรงนี้ก่อน รอให้เขามา”
เขาชี้ไปที่ข้างถนน
รองผู้นำเดชาขับรถมาหยุดในที่สุด
เกี่ยวกับว่าคุณชายจะเข้าร่วมงานศพนี้หรือไม่ รองผู้นำเดชาและไชยันต์หมดหวังจริงๆ เพราะพวกเขารู้ดีว่าไชกุผู้ล่วงลับและภรรยาของเขามีความคับข้องใจอย่างไรกับเขา
แต่จู่ๆผู้ชายคนนี้ก็จะมา…
เมื่อไชยันต์เห็นรถออฟโรดสีเขียวทหารที่คุ้นเคยเข้ามาใกล้รถ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย และใบหน้าที่แก่ของเขาก็ดีขึ้นมากเช่นกัน
“ว้าว แด๊ดดี้มาแล้ว หม่ามี๊ แด๊ดดี้มาแล้ว”
“แด๊ดดี้-”
เด็กน้อยน่ารักสามคนก็เห็นรถของแด๊ดดี้จากในรถด้วย และทุกคนก็ส่งเสียงเชียร์ราวกับเป็นนกตัวน้อย
เส้นหมี่ก็เห็นเช่นกัน และในทันทีเธอเปิดประตูรถและรีบออกไป
“สามี คือ…รองผู้นำเดชามาหาฉัน เขาบอกว่าคุณท่านต้องการไปที่เรด พาวิเลี่ยน เขากังวลว่าอาการจะไม่ดีเลยมาขอให้ฉันไปด้วย”
เธอวิ่งเหยาะๆไปที่รถออฟโรด และก่อนที่ชายคนนั้นจะลงจากรถ เธอเริ่มอธิบายอย่างรีบร้อนที่หน้าต่างรถ
เธอกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด
เหตุผลก็เพราะความคับข้องใจระหว่างพ่อแม่ของไชกุกับเขา เธอกลัวว่าเขาจะไม่ชอบที่เธอไปช่วยงานศพพวกเขา
แต่หลังจากพูดจบ เขาก็ลงจากรถ และไม่พูดอะไรเลยนอกจากเปิดประตูท้ายรถออฟโรด และอุ้มเธอเข้าไปในรถ
“สามี!!!”
“อยู่ข้างในรอผม!” ใบหน้าหล่อเหลามืดมน เขาไม่ต้องการพูดเรื่องไร้สาระกับเธอจึงปิดประตู ‘ปัง’ และเดินออกไป
เส้นหมี่นิ่งอึ้ง