ตอนที่ 1183 ให้อยู่เป็นหมอนข้าง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

จิ่วเยี่ยได้แต่โทษตัวเองอยู่ในใจ เขากล่าว “ตอนนี้ซีคงไม่อยากเห็นหน้าข้าแน่นอน เช่นนั้นข้ากลับก่อนดีกว่า”

แพขนตาดุจดั่งปีกผีเสื้อนั้นขยับเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกนั้นเผยความเจ็บปวดออกมา

ทั้ง ๆ ที่นางเป็นยอดดวงใจของเขาเอง และผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายนางได้ แต่สุดท้ายสำหรับนางแล้ว เขาต่างหากที่เป็นคนที่อันตรายที่สุด

ทั้ง ๆ ที่นางสามารถถอยหนีไปได้ แต่เป็นเพราะนางอาลัยอาวรณ์ไม่อยากทิ้งเขาไป เนื้อตัวนางจึงได้เต็มไปด้วยบาดแผลเช่นนั้น

ซีโกรธ กลัวที่จะเจอหน้าเขา การที่นางไม่อยากเห็นหน้าเขา มันก็สมควรแล้ว

เมื่อเห็นเขาเอาแต่โทษตัวเองและมีท่าทางที่กลัดกลุ้มใจเช่นนี้ มู่เฉียนซีก็ตกใจไปเล็กน้อย แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยเห็นท่าทางการแสดงออกเช่นนี้ของจิ่วเยี่ยมาก่อนเลย

สถานการณ์ในตอนนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถควบคุมได้

นางเอ่ยปากกล่าวว่า “ในเมื่อมาแล้วก็อยู่ต่อก่อนเถอะ! หลายวันมานี้ข้านอนหลับไม่ค่อยสบายเลย ข้าต้องการหมอนข้างอยู่พอดี เจ้าก็อยู่เป็นหมอนข้างให้ข้าก็แล้วกัน”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของมู่เฉียนซีแล้วจิ่วเยี่ยก็ลืมตาขึ้นเล็กน้อย และดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกคู่นั้นก็เปล่งประกายออกมาทันที

“ซีเอ๋อร์!” จิ่วเยี่ยเพียงแค่แสร้งทำตัวน่าสงสารเล็กน้อย ซีเอ๋อร์ก็ยอมอภัยในความผิดอันใหญ่หลวงให้เขาแล้ว สุ่ยจิงอิ๋งอดที่จะร้อนอกร้อนใจขึ้นมาไม่ได้

มู่เฉียนซีกล่าว “แต่ข้าพูดกับเจ้าชัดเจนแล้วนะ ข้าให้เจ้าเป็นหมอนข้าง เจ้าก็ต้องเป็นหมอนข้างที่เชื่อฟัง หากว่าเจ้ากล้าทำเรื่องอื่นนอกเหนือจากนี้ละก็ ข้าจะให้สุ่ยจิงอิ๋งส่งเจ้ากลับไปทันที แล้วจากนี้ไปก็อยู่ให้ห่าง ๆ ข้าหน่อย อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก”

ครั้งนี้มู่เฉียนซีกล่าววาจาได้รุนแรงแทงใจมาก และเนื่องจากจิ่วเยี่ยได้รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขาจึงไม่กล้าทำเรื่องนอกเหนือจากคำสั่งของนางจริง ๆ

หญิงสาวผู้เป็นที่รักของตัวเองอยู่ในอ้อมกอดแท้ ๆ แต่กลับไม่สามารถจูบได้ ไม่สามารถลูบไล้สัมผัสนางได้ สิ่งนี้สำหรับจิ่วเยี่ยแล้วช่างเป็นคืนที่ทุกข์ทรมานยิ่งนัก

ต่อให้ทุกข์ทรมานเพียงใดก็ไม่สามารถทำให้ซีโกรธเกรี้ยวได้ในสถานการณ์เช่นนี้ และจิ่วเยี่ยที่ยากจะหลีกเลี่ยงผู้นี้ก็จำต้องกินยาหัวใจโพธิ์เข้าไปหลายเม็ดแต่ก็บรรเทาได้ไม่มากเท่าไรนัก

กลิ่นอายของจิ่วเยี่ยนั้นทำให้นางสบายใจ มู่เฉียนซีที่ได้ประลองกำลังไปกับคัมภีร์หมื่นคำสาปนานเช่นนั้นจึงได้นอนหลับอย่างสบายใจจริง ๆ สักที โดยที่นางไม่รู้ถึงความทรมานของจิ่วเยี่ยเลย

แต่สุ่ยจิงอิ๋งกลับรับรู้ได้ถึงความรู้สึกทรมานนั้นของจิ่วเยี่ยเป็นอย่างดี นางยิ้มขึ้นด้วยความสะใจ ถึงแม้ว่าซีเอ๋อร์จะใจอ่อนกับจิ่วเยี่ยมากถึงเพียงนี้ก็ตาม

ทว่า สถานการณ์ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นการทรมานเขามากกว่าการที่ให้เขากลับไปเสียอีก

เช้าวันต่อมา มู่เฉียนซีตื่นขึ้นมาด้วยความกระปรี้กระเปร่า แต่สีหน้าของจิ่วเยี่ยกลับไม่ค่อยจะดีนัก

มู่เฉียนซีกล่าว “นี่เป็นสิ่งที่เจ้าได้ให้ข้าไว้ ข้าคืนให้เจ้า!”

กลีบดอกกลีบที่สามของสุ่ยจิงอิ๋งถูกมอบให้จิ่วเยี่ย

จิ่วเยี่ยรับกลีบดอกนี้มาและกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าข้าอยากจะให้กลีบดอกบัวหงส์กลีบนี้กับซีเพิ่มอีกกลีบ เพื่อที่จะสามารถปกป้องซีให้ดีกว่านี้ได้! แต่ข้าก็จำเป็นต้องหากลีบดอกส่วนอื่น ๆ อยู่ดี เช่นนั้นกลีบนี้ก็เอาไว้ที่ข้าก่อนก็แล้วกัน”

นอกจากจะหาคัมภีร์หมื่นคำสาปแล้ว เขาก็จำเป็นต้องทำให้สุ่ยจิงอิ๋งฟื้นฟูพลังกลับมาด้วยเหมือนกัน

เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้ซีอาลัยอาวรณ์เขามากเพียงใด สุ่ยจิงอิ๋งก็มีพลังเพียงพอที่จะสามารถส่งเขาไปในที่ที่ห่างไกลจากซีได้

“ต้องรีบหาที่อยู่ของเผ่าหงส์กับเผ่ากิเลนให้เจอโดยเร็วที่สุด เจ้ารีบกลับไปจัดการเถอะ!” มู่เฉียนซีเริ่มขับไล่เขาแล้ว

แสงสลัววาบผ่านดวงตาของจิ่วเยี่ย “นี่ซีใช้ข้าเสร็จก็จะทิ้งข้าอย่างนั้นเหรอ?”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ใช่ ใช้เสร็จแล้วก็ทิ้ง! เจ้ากลับไปได้แล้ว ก่อนที่ข้าจะหายโกรธ บางทีข้าอาจจะเรียกเจ้ามาอีกก็ได้”

จิ่วเยี่ยขยับเข้าใกล้มู่เฉียนซีและได้หอมแก้มนางเบา ๆ

“เช่นนั้นซีก็รีบหายโกรธข้าเร็ว ๆ ล่ะ!”

“หากเจ้าหาข่าวของคัมภีร์หมื่นคำสาปอีกสองส่วนมาได้ ข้าก็อาจจะหายโกรธ”

“อืม!”

ถึงแม้ว่าจะอาลัยอาวรณ์ แต่สุดท้ายจิ่วเยี่ยก็ต้องไปอยู่ดี

หลังจากที่เขาจากไป มู่เฉียนซีก็เกิดความกลัดกลุ้มใจขึ้น “หลงใหลเจ้านั่นจนลืมต่อยเขาไปสักหมัดสองหมัดจนได้ ปล่อยเขาง่าย ๆ เช่นนี้ได้ยังไงกันนะ ตัวข้านะตัวข้า!”

ครั้งนี้พลาดโอกาสไปแล้ว ดูท่าคงต้องหาโอกาสใหม่คราวหน้า

“สาวน้อย สาวน้อย…” หลังจากที่ไล่จิ่วเยี่ยกลับไปได้ไม่นาน จวินโม่ซีก็ตะโกนพรวดพราดมาด้วยความร้อนอกร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง

มู่เฉียนซีคิดว่าเจ้าหมอนี่จะมาทวงขอให้ทำอาหารอันโอชะให้กินเสียอีก กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะกล่าวออกมาว่า “สาวน้อย รีบไปช่วยคนเร็วเข้า”

“เกิดอะไรขึ้น!”

มู่เฉียนซีรีบออกไปและได้เห็นกับร่างร่างหนึ่งอาบไปด้วยเลือดสีแดงสด และคนผู้นี้ก็ถูกเย่เฉินประคองมา

เย่เฉินกล่าว “นายท่าน เซียวโม่จะไม่ไหวแล้วขอรับ”

เซียวโม่ นายน้อยแห่งตำหนักเซียวอวิ๋นได้รับบาดเจ็บสาหัสจนมู่เฉียนซีมองไม่ออกว่าเป็นเขา

เข็มยาเข็มหนึ่งฉีดเข้าตรงหัวใจของเขา ทำให้อาการของเขาอยู่ในขั้นที่คงที่

มู่เฉียนซีกล่าว “เอาเขาขึ้นไปนอนบนเตียง”

นาทีแรกที่เย่เฉินเห็นเซียวโม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นนี้ เขาก็รีบพาตัวมาหามู่เฉียนซีทันที มิเช่นนั้นคาดว่าเขาคงจะไม่รอดแล้วเป็นแน่

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เข็มยาหลายเข็มฉีดเข้าที่ร่างกายของเซียวโม่ จากนั้นก็ให้เขากินยาลูกกลอนเข้าไป

นางเอาขี้ผึ้งออกมาหลายขวด และกล่าวว่า “เย่เฉิน ทายาแล้วก็พันแผลให้เขา อาการของเขาตอนนี้คงที่แล้ว”

เย่เฉิน “ขอรับนายท่าน!”

หลังจากที่เซียวโม่ฟื้นขึ้นมาก็ได้รู้ว่าตนเองนั้นยังไม่ตาย ความรู้สึกเขาราวกับฝันไปก็มิปาน

ร่างในชุดขาวอันคุ้นเคยร่างหนึ่งเดินวนไปวนมาตรงหน้าเขา “สหายเซียว เจ้าฟื้นแล้ว!”

“เย่เฉิน! นึกไม่ถึงเลยว่าข้ายังมีชีวิตรอดมาเจอเจ้าอีกครั้ง” เซียวโม่กล่าวด้วยความตื่นเต้น

“เจ้าถูกหัวหน้าตำหนักเซียวจับกลับไปฝึกฝนแล้วไม่ใช่เหรอ เหตุใดถึงได้บาดเจ็บสาหัสจนถูกเย่เฉินเก็บเจ้ามาได้เช่นนี้ล่ะ” มู่เฉียนซีกล่าวถาม

“เฉียนซี!” เขาได้ยินเสียงนี้ก็ตื่นเต้นจนแทบจะลุกขึ้นมานั่ง

“ข้าขอเตือนเจ้าในฐานะที่เป็นผู้ป่วยว่าอย่าเพิ่งขยับ ประเดี๋ยวเลือดเจ้าจะออกมาหมดตัวเสียก่อน” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเบา

“แต่ว่า…แต่ว่าข้าจำเป็นต้องกลับไป…” เซียวโม่เองก็รู้ดีว่าตนเองนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็จำเป็นต้องกลับไป

เย่เฉินกล่าว “สหายเซียว ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ใครกันที่มันกล้าทำร้ายนายน้อยตำหนักเซียวอวิ๋นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้”

เซียวโม่กล่าว “ก่อนหน้านี้ไม่นาน กองกำลังระดับสองได้จัดการฝึกสร้างประสบการณ์ขึ้น และเพื่อการฝึกฝน ท่านพ่อของข้าก็เลยส่งข้าไปเข้าร่วม แต่นึกไม่ถึงเลยว่าคนของสำนักต้าเหยี่ยนจะใช้กำลังบีบบังคับให้ข้าทำตามพวกมัน”

“ดูเหมือนว่าพวกมันจะใช้ข้าเพื่อขู่บังคับให้ท่านพ่อของข้ามอบของบางอย่างให้พวกมัน ข้าพยายามอย่างสุดชีวิตจนหนีออกมาจากเงื้อมมือของพวกมันได้ ข้าได้สิ้นเปลืองอาวุธวิญญาณไปไม่น้อย ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปที่ไหนแล้วเหมือนกัน ก็เลยมุ่งหน้าหนีไปที่ทุ่งแห่งความโกลาหล คิดไม่ถึงเลยว่าข้าจะโชคดีถูกเย่เฉินเก็บมาได้เช่นนี้”

สำหรับสหายผู้มีพระคุณที่ได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เซียวโม่เชื่อใจพวกเขามาก ไม่คิดปิดบังแม้แต่น้อย

มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจขึ้นเล็กน้อย “ของที่จะเอามาแลกกับชีวิตนายน้อยแห่งตำหนักเซียวอวิ๋น เกรงว่าจะไม่ใช่ของธรรมดา แต่อาการบาดเจ็บของเจ้าตอนนี้เจ้าจะไปไหนไม่ได้เด็ดขาด อย่างน้อยก็ต้องรอวันพรุ่ง”

“ต้องรอถึงวันพรุ่งเลยเหรอ ท่านพ่อข้าคงจะร้อนใจจนเป็นบ้าแน่!”

มู่เฉียนซีกล่าว “วันพรุ่งข้าจะเดินทางไปตำหนักเซียวอวิ๋นพร้อมกับเจ้า ข้ามีเรื่องจะถามหัวหน้าตำหนักเซียวอยู่พอดี”

เซียวโม่กล่าว “ท่านพ่อคงจะดีใจมาก”

เย่เฉินพาเซียวโม่มาที่หอหมอปีศาจ แน่นอนว่าศัตรูต้องไล่ล่าตามมา

แต่การป้องกันของหอหมอปีศาจนั้นไม่ได้จะโจมตีกันได้ง่าย ๆ

“ผู้อาวุโสจ้าว ทำเช่นไรดีขอรับ เจ้าเด็กเซียวโม่นั่นเข้าไปในหอหมอปีศาจแล้ว”

“เข้าไปในหอหมอปีศาจก็ดี หากเซียวโม่ตาย พ่อของมันจะเอาของให้”

“แต่ตอนนี้เราจับมันไม่ได้แล้ว”

“ไปตำหนักตงจี๋ ไปหาหัวหน้าตำหนักไป๋!” ผู้อาวุโสจ้าวกล่าว

นับตั้งแต่การประลองการปรุงยาครั้งใหญ่ในครานั้น หอหมอปีศาจก็ได้แข็งแกร่งขึ้นมาก ทั่วทั้งแดนตะวันออกไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุหอหมอปีศาจ และไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุหมอปีศาจเลย

“ขอรับ!”

มู่อีเข้ามารายงาน “ท่านผู้นำตระกูล คนของสำนักต้าเหยี่ยนมาที่นี่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือแต่อย่างใดขอรับ และตอนนี้พวกมันก็กำลังไปที่ตำหนักตงจี๋แล้ว”

.