ตอนที่ 992 ปลดปล่อยพวกผีดิบไปจากความทุกข์

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ลั่วเฟิงและซิวรวมพลังกันเพื่อต่อสู้กับมังกรกระดูกดำกลางอากาศและโจมตีมันอย่างต่อเนื่อง

เดิมทีมังกรกระดูกดำเป็นฝ่ายได้เปรียบเหนือกว่า ทว่าเมื่อทั้งสองร่วมมือกันก็สามารถทำให้มันตกอยู่ในสภาวะที่ตึงมือไม่น้อย

ความแข็งแกร่งของมังกรกระดูกดำอยู่ในระดับที่ไล่เลี่ยกับลั่วเฟิง ก่อนหน้านี้สาเหตุที่ลั่วเฟิงเอาชนะมันไม่ได้ก็เนื่องจากมังกรกระดูกดำมีพลังของเขตแดนอยู่ ทว่าตอนนี้เมื่อมีซิวเข้ามาร่วมด้วย พลังของเขตแดนก็ถูกเพลิงของซิวทำลายไป ลั่วเฟิงจึงแสดงพลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ยิ่งไปกว่านั้น การที่มีซิวซึ่งมีความแข็งแกร่งที่ไม่ต่างกันนักและมีเพลิงทรงพลังที่ทำให้มันหวาดหวั่นได้ มังกรกระดูกดำจึงไม่กล้าประจันหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างซึ่ง ๆ หน้าและการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายในตอนนี้ก็ถือว่าอยู่ในสภาวะที่สมดุลเท่าเทียมกัน

อย่างไรก็ตาม ด้วยการร่วมมือกันของซิวและลั่วเฟิง แม้จะค่อย ๆ ได้เปรียบมากขึ้นเล็กน้อย ทั้งสองก็ยังไม่สามารถสังหารมังกรกระดูกดำได้ในเวลาสั้น ๆ

บนพื้นดิน อสูรมายาหลายตัวของฉินอวี้โม่ก็กำลังร่วมมือกันและช่วยให้สถานการณ์บนพื้นดินดีขึ้นในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ผีดิบเงามืดก็มีเป็นจำนวนหลายสิบตน บรรดาอสูรมายาของฉินอวี้โม่ ฮวาหรงและคนอื่น ๆ จึงทำได้เพียงรับมือกับผีดิบเหล่านั้นอย่างสุดความสามารถเท่านั้นโดยที่ไม่สามารถกำจัดพวกมันได้สำเร็จ

ผีดิบเหล่านั้นเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก อีกทั้งพวกมันก็ยังมีกระบวนท่าโจมตีที่แปลกประหลาดและไม่หวั่นกลัวต่อความตายแม้แต่น้อย หลังจากการตอบโต้อย่างสุดความสามารถเพียงไม่นาน หลายคนก็เริ่มได้รับบาดเจ็บตาม ๆ กัน

“นายหญิง ท่านไปจัดการกับผีดิบพวกนั้นก่อนเถอะ ตอนนี้เรายังกำจัดเจ้ามังกรกระดูกดำไม่ได้ชั่วคราว”

เสียงของซิวดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่ ด้วยความสามารถของฮวาหรงและจอมยุทธ์คนอื่น ๆ พวกนางยังไม่สามารถกำจัดผีดิบเหล่านั้นไปได้และฉินอวี้โม่จะต้องลงมือด้วยตัวเอง

“เพลิงแห่งชีวิตของข้า บุปผาแห่งแสงและไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่สามารถช่วยปลดปล่อยวิญญาณที่ตายไปแล้วได้ และทำให้พวกมันเข้าสู่วัฏจักรการเกิดใหม่อีกครั้ง”

มันกล่าวบอกกับฉินอวี้โม่เพื่อให้นางเลือกใช้หนึ่งในสิ่งเหล่านี้

ในเวลานี้ ไพ่ตายหลายอย่างของฉินอวี้โม่ก็ถูกนำออกมาใช้แล้วและเป็นธรรมดาที่นางจะไม่ต้องการเปิดเผยไพ่ตายเพิ่มเติมอีก อย่างไรก็ตาม ซิวและมังกรกระดูกดำก็ยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด นางจึงไม่ต้องการพึ่งพาอาศัยพลังของซิวและเลือกใช้ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในที่สุด

ถึงอย่างไรฮวาหรงก็ทราบเกี่ยวกับไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของนางมาก่อนแล้ว ฉินอวี้โม่จึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าสตรีผู้นั้นจะทราบสิ่งใดมากจนเกินไป

นางไม่รอช้าและตรงเข้าไปใกล้ฮวาหรงอย่างรวดเร็ว จากนั้นไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏในมือของนางพร้อมกับกลิ่นอายของพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ไปทั่วอากาศและครอบคลุมผีดิบตนหนึ่งที่กำลังมุ่งหน้าเข้าโจมตีฮวาหรง

“อึก…”

พลังของไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมร่างของผีดิบตนนั้นส่งผลให้มันส่งเสียงร้องประหลาดออกมา ราวกับมันกำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดและพยายามกล่าวบางสิ่งบางอย่างออกมา

แม้ผีดิบตนนี้จะสูญเสียสติรับรู้ทุกอย่างไป ทว่ามันก็ไม่มีท่าทีต่อต้านพลังของไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย ราวกับว่ามันไม่ต้องการเป็นทาสรับใช้ของมังกรกระดูกดำอีกต่อไป

ภายในเวลาเพียงสั้น ๆ ผีดิบตนนั้นก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่านและล่องลอยหายไปในอากาศ ซึ่งหมายความว่ามันมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง

“ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มีพลังประเภทนี้ด้วยรึ…”

ฮวาหรงขมวดคิ้วเล็กน้อยทันที คิดไม่ถึงเลยว่าไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะมีพลังในการชำระล้างวิญญาณที่ตายไปแล้ว หากเป็นเช่นนั้น ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็จะกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อกองทัพผีดิบของจอมยุทธ์ปีศาจมิใช่หรือ ?

ฉินอวี้โม่ไม่สนใจสีหน้าท่าทางของนางแม้แต่น้อยขณะพุ่งตัวออกไปรอบ ๆ และแผ่พลังศักดิ์สิทธิ์ออกไปเพื่อปลดปล่อยผีดิบเหล่านี้ให้เป็นอิสระอีกครั้ง

“ขอบคุณ…”

น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่และมันเป็นเสียงที่มาจากหนึ่งในผีดิบที่ยังมีเศษเสี้ยวจิตวิญญาณหลงเหลืออยู่

“พวกเราทนทุกข์ทรมานมานานและในที่สุดตอนนี้ก็เป็นอิสระเสียที มังกรกระดูกดำบัดซบนี่และจอมยุทธ์ปีศาจต่างก็มีเลือดชั่วอยู่ในตัวและถือว่าเป็นภัยร้ายต่อทั่วทั้งดินแดน ท่านต้องกำจัดพวกมันให้ได้ อย่าให้พวกมันได้มีโอกาสทำลายความสงบสุขของดินแดนมหาเทพเป็นอันขาด !”

หลังจากกล่าวทิ้งท้าย จิตวิญญาณผีดิบก็สลายหายไปและเข้าสู่กระบวนการสังสารวัฏ

ผีดิบได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระทีละตน ๆ และตอนนี้ก็เหลือเพียงไม่กี่ตนเท่านั้นซึ่งไม่มากพอที่จะเป็นภัยคุกคามแต่อย่างใด

“อวี้โม่ ขอบคุณเจ้ามาก หากไม่ได้เจ้าช่วยไว้…เกรงว่าเราคงต้องตายอยู่ที่นี่แน่”

ไป๋ซูกล่าวขอบคุณฉินอวี้โม่ด้วยน้ำเสียงจริงใจ คนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็กล่าวขอบคุณฉินอวี้โม่เช่นกัน หากปราศจากนาง ผีดิบเงามืดเหล่านี้ก็ถือว่ามากพอที่จะทำให้พวกเขาจบชีวิตอยู่ที่นี่ได้

“ด้วยความยินดีเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรเราก็เป็นคนของฝ่ายเดียวกัน”

ฉินอวี้โม่ไม่รู้สึกว่าตนเองควรได้รับคำขอบคุณ ถึงอย่างไรคนเหล่านี้ก็เดินทางมาช่วยเหลือพวกนางที่นี่ทันทีที่ได้รับข่าวจากนิกายหมื่นบุปผา หากได้บรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

“ฮ่า ๆ ๆ เป็นอย่างไร ? ดูเหมือนว่าบรรดาทาสรับใช้ของเจ้าจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก”

ซิวยังคงโจมตีมังกรกระดูกดำในขณะที่กล่าววาจายั่วยุมัน

“เจ้าพวกขยะไร้ประโยชน์ ทว่านายหญิงของเจ้าก็แปลกยิ่งนัก นอกจากเจ้า นางยังมีสมบัติพลังฟ้าดินอย่างไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อีกรึ !”

มังกรกระดูกดำเริ่มหวาดหวั่นต่อฉินอวี้โม่มากขึ้นเรื่อย ๆ นอกเหนือจากซิวที่เป็นอสูรแห่งโชคชะตา คิดไม่ถึงเลยว่านางจะยังมีสมบัติล้ำค่าที่ทรงพลังเช่นไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่กับตัว

ด้วยการที่มีไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ในการครอบครอง นางก็จะมีความได้เปรียบอย่างมหาศาลเมื่อเผชิญหน้ากับพวกผีดิบ ต่อให้ซิวไม่ร่วมมือกับลั่วเฟิง การต่อสู้ในวันนี้ก็จะไม่ทำให้ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เผชิญวิกฤตร้ายแรงใด ๆ

“ฮ่า ๆ ๆ ยังมีมากกว่านั้นเสียอีก นายหญิงของข้ายังมีสิ่งที่วิเศษหลายอย่างที่เจ้าไม่มีวันได้เห็น”

ซิวหัวเราะอย่างเย็นชาขณะปล่อยเพลิงลุกโชนตรงไปที่มังกรกระดูกดำอีกครั้ง ส่งผลให้มันบาดเจ็บในทันที

“สหายน้อยเอ๋ย มังกรกระดูกดำมีความทรหดอดทนที่น่าทึ่งและมันก็เจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่ง เราต้องกำจัดมันไปโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้น เกรงว่าอาจจะเกิดความเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้ได้”

ลั่วเฟิงกล่าวกับซิวก่อนเพิ่มพลังของตนเองจนถึงขีดจำกัดสูงสุดและปลดปล่อยการโจมตีใส่มังกรกระดูกดำ

ซิวก็พยักศีรษะตอบรับทันที มันเองก็เคยต่อสู้กับมังกรกระดูกดำมาก่อนและรู้จักคู่ต่อสู้ผู้นี้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม มันรู้สึกเสมอว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ จากความเข้าใจที่ซิวมีเกี่ยวกับมังกรกระดูกดำ ในเวลานี้เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ มันก็ควรที่จะเลือกหลบหนีออกไปแล้ว ทว่าเหตุใดมันจึงมีไม่มีทีท่าว่าจะทำเช่นนั้น ?

“เหอะ คิดจะกำจัดข้าผู้นี้งั้นรึ ? ฝันไปเถอะ ! ซิว เจ้าน่าจะรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างข้าและจอมยุทธ์ปีศาจดี เดิมทีข้าไม่อยากกลับไปที่นั่น ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเลือกอื่นอีกต่อไป วันนี้พวกเจ้าทุกคนจะต้องถูกฝังอยู่ที่นี่ตลอดไป !”

มังกรกระดูกดำแค่นเสียงเย็นชาและจู่ ๆ มันก็แผ่พลังประหลาดบางอย่างออกไปก่อนเกิดคลื่นความผันผวนในอากาศอย่างรุนแรงและร่างของจอมยุทธ์นับร้อยคนก็ปรากฏขึ้นรอบตัวโดยที่ล้อมรอบฉินอวี้โม่และจอมยุทธ์คนอื่น ๆ ไว้

“ท่านอสูรศักดิ์สิทธิ์ ท่านยินดีจะกลับมาหาพวกเราจอมยุทธ์ปีศาจแล้วใช่หรือไม่ ?”

ผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มคนเหล่านั้นแข็งแกร่งอย่างมากและเหมือนจะเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของจอมยุทธ์ปีศาจ เขาเอ่ยถามมังกรกระดูกดำอย่างเคารพพร้อมกับมีสีหน้าที่ระแวดระวัง

“ช่วยข้ากำจัดคนพวกนี้ก่อนและข้าจะกลับไปที่ฐานทัพของจอมยุทธ์ปีศาจกับพวกเจ้า ไม่เช่นนั้น มันก็จะพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเจ้าไม่คู่ควรพอให้ข้าผู้นี้ร่วมมือด้วยและข้าไม่จำเป็นต้องกลับไปอีก !”

มังกรกระดูกดำออกคำสั่งทันที เดิมทีคนเหล่านี้เดินทางมาที่ภูเขาจันทราเมื่อประมาณสิบวันก่อนเพื่อพยายามโน้มน้าวใจให้มันกลับไป ในตอนที่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ โจมตีมันก่อนหน้านี้ คนเหล่านี้ก็ไม่ได้ลงมือทำสิ่งใดและต้องการรอหยั่งเชิง อย่างไรก็ตาม หากฉินอวี้โม่และทุกคนมีไพ่ตายที่สามารถทำให้มังกรกระดูกดำรับมือต่อไปไม่ได้ มันก็จะขอความช่วยเหลือกับพวกเขาอย่างแน่นอนและพวกเขาก็จะใช้เรื่องนี้เป็นเงื่อนไขสำหรับการพามันกลับไปที่จอมยุทธ์ปีศาจ

“ไม่มีปัญหาขอรับ ต่อให้ท่านอสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่กล่าวสิ่งใด คนพวกนี้ก็ถือว่าเป็นศัตรูของเราอยู่แล้ว !”

ผู้อาวุโสที่เป็นผู้นำกลุ่มก็พยักศีรษะรับคำอย่างไม่ลังเลก่อนกวาดสายตามองฝ่ายตรงข้ามและออกคำสั่งกับลูกน้องของตน

จากนั้นสมาชิกจำนวนนับร้อยคนของจอมยุทธ์ปีศาจที่กำลังล้อมรอบฉินอวี้โม่และคณะจอมยุทธ์ก็เริ่มปลดปล่อยการโจมตีใส่อีกฝ่ายทันที…