บทที่ 1737 มองใต้หล้าเป็นกระดานหมากล้อม

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

และตอนที่จวนตระกูลโจวโดนล้างเลือด พวกเทพประจำดาว ท่านโหวใต้สังกัดโจวจ้าวก็แทบจะถูกทหารก่อกบฏทั้งหมด แม่ทัพคนสำคัญของสายมะแมถูกฆ่าล้างตระกูลแทบหมดสิ้น คลื่นลมระลอกนี้ก็พัดผ่านไปเร็วเช่นกัน เกิดขึ้นเพียงภายในวันเดียว ทั้งสายมะแมเปลี่ยนเจ้าบ้านใหม่ เป็นปฏิบัติการที่รวดเร็วมาก กันทันหันราวกับฟ้าผ่า ทำให้คนไหวตัวไม่ทัน

ไม่นานทัพตะวันตกก็ประกาศอย่างชัดเจนว่า โจวจ้าวนำทัพใหญ่ล้อมโจมตีจวนอ๋องสวรรค์ก่วง วางแผนก่อการกบฏ ตอนนี้ถูกจัดการแล้ว กำลังพลของเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและถูกประหารไปพร้อมกัน!

ใครก็รู้ว่านี่คือข้ออ้าง นำทัพใหญ่ล้อมโจมตีจวนท่านอ๋องงั้นเหรอ? แบบนั้นแปลว่าโจวจ้าวรนหาที่ตายแล้ว เห็นได้ชัดว่าจงใจจะกำจัดกำลังพลสายโจวจ้าว ขณะเดียวกันก็มีข่าวลือแพร่ออกไปด้วยว่า สาเหตุที่อ๋องสวรรค์ก่วงกำจัดโจวจ้าวทิ้ง ก็เพราะเรื่องที่หลงซิ่นไปขอพึ่งพาจวนแม่ทัพภาคตลาดผีทำให้อ๋องสวรรค์ก่วงเดือดดาล อ๋องสวรรค์ก่วงนึกไม่ถึงว่าตระกูลโจวจะกล้าทำเรื่องแย่งผู้หญิงของลูกน้องได้ ถึงได้กำจัดโจวจ้าวเพื่อปรับปรุงจิตใจทหารให้เที่ยงธรรม

ขณะเดียวกันทัพตะวันตกก็ประกาศอย่างชัดเจนด้วยว่า กูอวี้เฉิงเทพประจำดาวฟ้ามะแมจะรับตำแหน่งจอมพลสายมะแมแทนชั่วคราว

คนที่รู้อยู่แก่ใจล้วนเข้าใจแจ่มแจ้ง ว่ามีอ๋องสวรรค์ก่วงคุ้มกะลาหัวอยู่ ไม่ช้าก็เร็วที่กูอวี้เฉิงจะได้นั่งตำแหน่งจอมพลสายมะแม ถ้าเปลี่ยนให้คนอื่นไปแทนก็เท่ารนหาที่ตาย

สรุปก็คือเมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น ข่าวก็กระพือไปทั้งใต้หล้าอย่างรวดเร็ว ทั้งทัพตะวันตกสั่นสะเทือน ทั้งใต้หล้าสะท้านฮือฮา สะเทือนถึงความสามารถอันยอดเยี่ยมในการคุมทัพใหญ่ของอ๋องสวรรค์ก่วง ไม่น่าเชื่อว่าจอมพลผู้สง่าผ่าเผยคนหนึ่ง บทจะถูกกำจัดก็ถูกกำจัดไปอย่างนี้แล้ว  ต้องทราบไว้ว่าสมาชิกที่เกี่ยวข้องกับจอมพลหนึ่งสายมีขอบเขตกว้างไม่ธรรมดา ถ้าไม่ระวังก็จะทำให้ทัพตะวันตกวุ่นวายได้ แต่อ๋องสวรรค์ก่วงก็จะทำอย่างนี้ ทั้งยังทำให้คลื่นลมทั้งหมดสงบลงเร็วมากด้วย

เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น ประมุขชิงที่หลบอยู่ในจวนท่านโหวจ้านผิงก็อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว รีบกลับไปที่วังสวรรค์ ขณะเดียวกันก็สั่งให้คนไปตรวจสอบเรื่องนี้

ทว่าสมาชิกของหน่วยตรวจการขวายังไม่ทันได้เห็นหน้าของโจวจ้าว โจวจ้าวก็ ‘ปลิดชีพตัวเองเพรากลัวความผิด’ อยู่ในคุกเสียแล้ว เอาศีรษะโขกกำแพงฆ่าตัวตาย

คนส่วนใหญ่ล้วนเดาออกว่าก่วงลิ่งกงออกคำสั่งให้ฆ่าโจวจ้าว แต่ความจริงต่างออกไปนิดหน่อย โกวเยว่เพียงพูดกับโจวจ้าวที่อยู่ในคุกประโยคเดียวเท่านั้น หลังจากบอกเรื่องที่หลันหลิงฮูหยินของเขาใช้ดาบปลิดชีพตัวเองแล้ว ก็ถามเขาว่า เจ้าจะเขียนรายงานความผิดตัวเองหรือจะให้พวกเรากดดันให้เจ้าเขียน?

“ฮูหยิน…” โจวจ้าวเงยหน้าร่ำร้องอย่างทุกข์ระทม แล้วหันตัวไปเอาหัวพุ่งชนกำแพง ชนจนกะโหลกแตกตายคาที่

มาถึงขั้นนี้แล้ว มีหรือที่เขาจะเขียนรายงานความผิดให้สมปรารถนาก่วงลิ่งกงอีก ขนาดเมียของเขายังไม่ยอมรับความอัปยศ แล้วเหตุใดเขาต้องรับความอัปยศนี้ด้วย รู้ตัวว่าต้องตายแน่นอนอยู่แล้ว ไม่สู้ตายอย่างมีศักดิ์ศรีสักหน่อยดีกว่า เดินตามรอยฮูหยินของเขาไป

โกวเยว่ที่ยืนเฝ้าอยู่นอกกรงไม่ได้ห้าม กวาดแขนเสื้อเบาๆ แล้วหันตัวเดินจากไป รอให้คนของหน่วยตรวจการขวามาตรวจสอบ เรียกได้ว่าฆ่าคนแบบล่องหน

จอมพลสายมะแมที่เรืองอำนาจเพียงชั่วครู่กลายเป็นอดีตที่ลอยไปกับสายลมโดยสิ้นเชิง ความเฟื่องฟูทุกอย่างของครอบครัวสลายหายไปราวกับเมฆควัน

จวนท่านปู่สวรรค์ ในสวนต้องห้าม ใต้ต้นไม้ใหญ่สูงระฟ้า เซี่ยโห้วท่าเอนกายงีบอยู่บนเก้าอี้นอน มีใบไม้ร่วงตกพื้นเป็นระยะ

เว่ยซูเดินมาข้างๆ เห็นเขาเหมือนหลับลึก จึงไม่อยากรบกวน หันตัวเตรียมจะเดินออกไป แล้วจู่ๆ ก็ได้ยินเซี่ยโห้วท่าถามเบาๆ ว่า “มีเรื่องอะไร?”

เว่ยซูหันตัวมาอีกครั้ง มอบแผ่นหยกให้พร้อมบอกว่า “รายชื่อผู้ที่มาแทนที่ตำแหน่งในสายมะแมออกมาแล้วขอรับ”

หลังจากยื่นมือรับแผ่นหยกมา แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจอ่านรายชื่อรอบหนึ่ง เซี่ยโห้วท่าถึงได้ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ถอนหายใจแล้วบอกว่า “ข้างบนต้านเดชานุภาพสวรรค์ ข้างล่างกดขี่กลุ่มแม่ทัพ ฆ่าโดยไม่ลังเล! คนแก่ที่บุกยึดใต้หล้าในปีนั้นผ่านอุปสรรคคลื่นลมมายาวนาน คนรุ่นหลังเทียบไม่ติดเลยจริงๆ” ความรู้สึกปลงเล็กน้อยที่แสดงออกในน้ำเสียง ไม่รู้ว่าสื่อความถึงอย่างอื่นด้วยหรือเปล่า เขาพูดต่อว่า “การกระทำของก่วงลิ่งกง ไม่มีทางที่อีกสามอ๋องจะไม่เห็น ดูท่าสี่ท่านนั้นจะต้องเริ่มปรับปรุงสี่ทัพแล้ว ตอนนี้ขาดแค่โอกาสเท่านั้น”

“โอกาสอะไรขอรับ?” เว่ยซูถาม

“ถ้าจะก่อเรื่องก็ต้องหาข้ออ้างที่สามารถพูดได้อย่างชอบธรรมสิ ไม่อย่างนั้นจะคุมคนได้ยังไง? ขาดแค่รายชื่อเท่านั้น ขาดรายชื่อทัพเกรียงไกรหนึ่งแสนจากจวนแม่ทัพภาคตลาดผี ถ้ารายชื่อออกมาเมื่อไร ก็จะถึงเวลาที่สี่อ๋องจะตบโต๊ะใส่เบื้องล่างแล้ว สรุปก็คือหนิวโหย่วเต๋อเดิมพันชนะแล้ว สำหรับสี่ท่านนั้น ตำแหน่งโหวสี่ตำแหน่งไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือฉวยโอกาสนี้ทำรากฐานของตัวเองให้มั่นคง ไม่อย่างนั้นในภายหลังก็หาข้ออ้างไม่ได้แล้ว เพียงแต่ฮ่าวเต๋อฟางอาจจะต้องปวดหัวแล้ว เฮ่อๆ!” เซี่ยโห้วท่าอธิบาย

เว่ยซูเข้าใจเร็วมากว่าเขาหมายถึงอะไร กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ก็ใช่ขอรับ ถึงยังไงเรื่องของหลงซิ่นก็เกิดขึ้นเพราะโจวจ้าว ตอนนี้โจวจ้าวถูกก่วงลิ่งกงกำจัดเร็วมาก แต่เรื่องฝั่งฮ่าวเต๋อฟางกลับเกี่ยวข้องกับตัวเขาเอง ถ้านำเรื่องรับสมัครที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผีมาอ้าง เกรงว่าแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่มีความมั่นใจเลย ส่วนชิงเยว่ก็สะดุดตาขนาดนั้น เขาเองก็เป็นหนังหน้าไฟ ทำให้เขาลำบากใจจริงๆ”

เซี่ยโห้วท่ากล่าวกลั้วหัวเราะ “นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเรากังวลแล้ว พวกเราดูเอาสนุกต่อไปก็พอ”

“ประมุขชิงจะยอมให้พวกเขาปรับปรุงสี่ทัพให้แข็งแรงเป็นผึกแผ่นหรือขอรับ?” เว่ยซูถาม

เซี่ยโห้วท่าหัวเราะเบาๆ “อย่างมากก็หาเรื่องนิดหน่อย ไม่ทำลายรากฐานของสี่อ๋องหรอก ท่านนั้นที่วังสวรรค์เป็นพวกชอบดูเอาสนุก”

“เขาไม่กลัวว่าถ้าสี่อ๋องควบคุมกำลังพลเบื้องล่างได้ดีเกินไปแล้วจะเป็นภัยคุกคามต่อเขาหรือขอรับ?” เว่ยซูสงสัย

เซี่ยโห้วท่าค่อยๆ หลับตาพร้อมยิ้มบางๆ “เขามีวิธีการรักษาสมดุลอยู่แล้ว กำลังที่เห็นกันภายนอกไม่มีใครสู้เขาได้ เขาก็แค่เลอะเลือนเพราะคิดว่าตัวเองเข้าใจดีก็เท่านั้นแหละ ไม่อย่างนั้นตอนแรกตระกูลเซี่ยโห้วจะสนับสนุนให้เขาขึ้นตำแหน่งได้ยังไงล่ะ? ไม่ใช่ว่าชอบในความสามารถของเราหรอก คนที่คิดว่าจะตบตาเขาได้ คนนั้นต่างหากที่โง่เอง สถานการณ์โดยรวมของใต้หล้าทุกวันนี้ ล้วนเป็นเขาที่สร้างขึ้นมาด้วยมือตัวเอง การที่สี่อ๋องรักษาความสัมพันธ์กึ่งแข่งขันกึ่งร่วมมือระหว่างกันมาตลอดก็เพื่อจะปกป้องตัวเอง หารู้ไม่ว่าสิ่งที่มีประโยชน์ต่อพวกเขาที่สุดอยู่ในกระดานหมากของประมุขชิงหมดแล้ว เฮ้อ! เหมือนช้างล่องหน ท่านนั้นปกครองใต้หล้าโดยมองใต้หล้าเป็นกระดานหมากล้อม!”

เว่ยซูมองเขาด้วยแววตาสับสนเล็กน้อย พบว่านายท่านเริ่มคุยกับตนในขอบเขตประเด็นสนทนาที่ลึกขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จึงเริ่มสงสัยว่านายท่านกำลังเริ่มวางแผนเตรียมการเพื่อสั่งเสียแล้วหรือเปล่า เขาจึงถามว่า “เพราะอะไรขอรับ?”

เซี่ยโห้วท่ากล่าวอย่างเชื่องช้า “ตราบใดที่สี่อ๋องส่งมอบผลประโยชน์ในใต้หล้าให้ประมุขชิงไว้ได้ตลอด ประมุขชิงก็จะไม่ทำลายพวกเขาให้สิ้นหรอก เจ้าไม่เห็นเหรอว่ากองทัพองครักษ์ในมือประมุขชิงยิ่งนับวันก็ยิ่งมีกำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ?”

“เวลานานไป วรยุทธ์ก้าวหน้า กำลังของกองทัพองครักษ์ก็ย่อมแข็งแกร่งขึ้น” เว่ยซูกล่าว

“แล้วทำไมกำลังของสี่ทัพถึงไม่เติบโตล่ะ?” เซี่ยโห้วท่าถาม

เว่ยซูเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า “ปัดแข้งปัดขากันไม่หยุดขอรับ คนระดับล่างอยากจะขึ้นข้างบน คนระดับบนไม่ยอมลงข้างล่าง ก็ย่อมเกิดความขัดแย้งอยู่แล้ว เพื่อที่สี่อ๋องสวรรค์จะปกป้องผลประโยชน์ตัวเองเอาไว้ กลัวว่าคนระดับล่างจะเป็นภัยคุกคามต่อตัวเอง และจำเป็นต้องมีการให้คนใหม่มาแทนคนเก่า ยกตัวอย่างเช่นครั้งนี้ที่โจวจ้าวลงจากตำแหน่ง กูอวี้เฉิงขึ้นแทน”

เซี่ยโห้วท่าตอบว่าใช่ แล้วอธิบายต่อ “นี่ก็คือประเด็นสำคัญของปัญหา และเป็นจุดที่ร้ายกาจที่สุดที่ประมุขชิงใช้ควบคุมสถานการณ์โดยรวม ประมุขชิงไม่จำเป็นต้องแยแสปัญหาจุกจิกอย่างอื่นเลย แค่ต้องกุมกองทัพองครักษ์กลุ่มนี้เอาไว้ให้แน่นก็พอ เขาไม่ครอบครองอาณาเขตในใต้หล้า เขายกให้สี่ทัพทั้งหมด ทั้งได้โยนปัญหาจุกจิกเรื่องการปกครองให้สี่อ๋องสวรรค์ ทั้งได้เอาผลประโยชน์มาหลอกล่อให้ภายในสี่ทัพขัดแข้งขัดขากันเองได้ ส่วนกองทัพองครักษ์ไม่ได้ครอบครองอาณาเขต จึงตัดผลประโยชน์บางด้านออกไปได้ ทีนี้พอพวกเขาพึ่งพาทรัพยากรจากมือประมุขชิงอย่างเดียว ก็ย่อมถูกประมุขชิงควบคุมได้สะดวก แล้วสี่อ๋องสวรรค์ก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง จึงก็ไม่ใช่แค่ต้องลำบากลำบนช่วยประมุขชิงปกครองใต้หล้า ทั้งยังส่งผลประโยชน์ในใต้หล้าให้ประมุขชิงเรื่อยๆ ด้วย ประมุขชิงนำผลประโยชน์ที่มีใช้ไม่หมดไม่สิ้นพวกนี้ไปเลี้ยงกองทัพองครักษ์ได้อย่างสบายใจ แล้วก็ใช้กองทัพองครักษ์มาข่มสี่อ๋องสวรรค์อีกที เรื่องน่ายินดีแบบนี้ทำไมจะไม่ทำล่ะ?”

เว่ยซูตกใจ “ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป สักวันกองทัพองครักษ์ก็ต้องเติบโตขึ้น ถึงตอนนั้นเขาจะคุมหรือขอรับ?”

เซี่ยโห้วท่าหัวเราะเบาๆ “นั่นก็ไม่ธรรมดาไง เมื่อกำลังของกองทัพองครักษ์ไปถึงขั้นนั้นจริงๆ ก็จะถึงเวลาที่ประมุขชิงจะชำระบัญชีทั้งหมดกับสี่อ๋องสวรรค์แล้ว มีกำลังอยู่ในมือแล้วมั่นใจ สามารถสร้างความขัดแย้งให้ถึงจุดแตกหักได้ทุกเมื่อ หาข้ออ้างกำจัดอำนาจของสี่อ๋องสวรรค์ แล้วค่อยเอาผลประโยชน์ของใต้หล้ามาหลอกล่อ จากนั้นกระจายกองทัพองครักษ์ที่ใหญ่คนใครก็ล้มไม่ได้ สร้างรูปแบบสี่อ๋องสวรรค์ขึ้นมาใหม่ ให้พวกเขากึ่งแข่งขันกึ่งร่วมมือกันต่อไป เหลือกองทัพองครักษ์ส่วนหนึ่งเอาไว้สร้างกองทัพองครักษ์ใหม่ต่อไป คนที่วนเวียนอยู่ในวัฎจักรนี้มีแต่คนในใต้หล้า ส่วนประมุขชิงก็นั่งอยู่เบื้องสูงตลอดไป เจ้าว่าใครกันแน่ที่ฉลาด ใครกันแน่ที่โง่?”

เว่ยซูฟังแล้วสูดหายใจเฮือก รีบถามว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเขายังชอบหาโอกาสยัดคนเข้าสี่ทัพอีก ทำไมยังต้องใช้เดิมพันนี้มาชิงตำแหน่งโหวสี่ตำแหน่งนั่นอีก แบบนี้ไม่ใช่การจงใจแย่งชิงอำนาจของสี่อ๋องสวรรค์หรอกเหรอ?”

“ใช่แล้ว! ไม่ผิดหรอก ก็เพราะต้องการแย่งชิงอำนาจสี่อ๋องสวรรค์”

“เช่นนั้นก็เหมือนจะขัดแย้งกับสิ่งที่นายท่านพูดก่อนหน้านี้นะขอรับ?”

เซี่ยโห้วท่าลืมตาแล้วหัวเราะเบาๆ “ดังนั้น คนที่อยากจะเล่นอุบายที่ใช้สมองกับประมุขชิงก็ยังอ่อนหัดไปหน่อย อีกฝ่ายมองเห็นใต้หล้าเป็นกระดานหมากล้อม ทุกคนล้วนเป็นหมากในกระดานของเขา ไม่มีทางมองลงมาจากมุมสูงเหมือนเขาได้ คนที่เป็นเหมือนตัวหมากตื่นเต้นยินดีที่จะสู้กับเขา นึกว่าตัวเองเก่งกาจ หารู้ไม่ว่าประมุขชิงกำลังเล่นเป็นเพื่อนเพื่อหาความบันเทิงเฉยๆ ไม่ว่าคนระดับล่างจะเดินทางไหนก็ล้วนเป็นตัวหมากในกระดาน ไม่ว่าเขาจะเดินยังไง เขาก็ยังเป็นคนที่ลงหมาก ถามหน่อยว่าใครจะชนะเขาได้ เป็นไปได้เหรอที่จะชนะ? เขาสามารถโบกมือล้างกระดานหมากใหม่ได้ทุกเมื่อ”

เว่ยซูคิดตามที่เขาบอก แล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยยังไม่ค่อยเข้าใจว่านายท่านหมายถึงอะไร”

เซี่ยโห้วท่าชี้เขาพลางพยักหน้าถอนหายใจ ก่อนจะบอกว่า “ทำไมไม่เข้าใจซะแล้วล่ะ? เขาต้องการแย่งชิงอำนาจของสี่อ๋องสวรรค์ ดังนั้นไม่ว่าจะมีเรื่องหรือไม่มีเรื่อง เขาก็จะยัดคนเข้าสี่ทัพ แต่เจ้าลองคิดดูสิ บรรดาคนที่ถูกดึงจากกองทัพองครักษ์ไปแทรกในสี่ทัพ จะมีสักกี่คนที่มีจุดจบที่ดี หยกงามต่อให้จะเจิดจรัสขนาดไหน แต่เมื่อตกลงบ่อโคลนก็จมมิด สี่ทัพถูกควบคุมอยู่ในมือสี่อ๋องสวรรค์ ไม่ได้ถูกควบคุมอยู่ในมือประมุขชิง สู้กันไปสู้กันมาก็ไม่ชนะสี่อ๋องสวรรค์หรอก ที่เขาทำอย่างนี้มีประโยชน์อยู่ไม่กี่ข้อ ข้อแรกแรกคือสร้างความไม่ลงรอยระหว่างสองฝ่าย ทำให้กองทัพองครักษ์เข้าใจว่าสี่ทัพไม่ยอมรับพวกเขา ผลประโยชน์บางอย่างมองเห็นได้แต่กินไม่ได้ ทำให้กองทัพองครักษ์มีความเกลียดชังร่วมกัน ทำได้เพียงเกาะกลุ่มกันพึ่งพิงฝั่งประมุขชิง เอาไว้ให้ประมุขชิงใช้งาน

ประการต่อมา จะได้ปั่นหัวคนในใต้หล้าได้สะดวก ทำให้สี่อ๋องสวรรค์คิดว่าประมุขชิงมีฝีมือแค่เท่านี้ ให้นึกว่าทุกอย่างล้วนอยู่ในขอบเขตการควบคุมของสี่อ๋องสวรรค์ สามารถปลอบโยนสี่อ๋องสวรรค์ได้ และประโยชน์ข้อสุดท้าย คนที่ถูกดึงจากกองทัพองครักษ์ไปแทรกสี่ทัพล้วนไม่ใช่พวกฝีมือธรรมดา มีคนอย่างนี้อยู่ที่สี่ทัพถึงจะสามารถสู้กับสี่อ๋องสวรรค์ได้อย่างออกรสออกชาติ จะได้ไม่ดูปลอม ถึงแม้สุดท้ายคนส่วนใหญ่จะมีจุดจบไม่ดีเท่าไรนัก แต่การที่กองทัพองครักษ์มีคนอย่างนี้น้อยลงกลับส่งผลดีต่อประมุขชิงในการควบคุมกองทัพองครักษ์ เดิมทีเขาก็ยืมมือสี่อ๋องสวรรค์กำจัดยอดฝีมือพวกนั้นทีละนิดอยู่แล้ว กองทัพองครักษ์เป็นเพียงดาบในมือเขาเท่านั้น เขาไม่ต้องการให้ดาบนี้มีความคิดของตัวเอง แค่ต้องปฏิบัติตามความตั้งใจของเขาก็พอ”

………………………