ตอนที่ 990 ส่วนหนึ่งแข็งดั่งเหล็กกล้า
หลินเป่ยเฉินบินวนสังเกตการณ์รอบเมืองของเผ่ากิ้งก่าวายุอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้น เขาก็บินจากมาพร้อมกับไป๋เสี่ยวเซียว
เมื่อออกมาได้ประมาณ 30 ลี้จากเขตกำแพงเมืองของเผ่ากิ้งก่าวายุ พวกเขาก็มาพบเจอกับที่อยู่อาศัยของเผ่าแรดภูเขา
ไป๋เสี่ยวเซียวอธิบายที่มาที่ไปของชื่อนี้ให้หลินเป่ยเฉินได้รับทราบ
แรดภูเขาคือสัตว์อสูรที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับแรด ตัวที่โตเต็มวัยจะมีขนาดร่างกายใหญ่ยักษ์เท่ากับตึกหลายสิบชั้น แม้แต่ลูก ๆ ของมันก็มีขนาดตัวเท่ากับช้าง ขาของพวกมันไม่ต่างจากเสาหินใหญ่ เช่นเดียวกับหน่อสีขาวแหลมคม แรดภูเขามีผิวเป็นเกล็ดสีน้ำตาลเข้ม และบนหัวของมันก็มีเขาแหลมงอกออกมาสามแท่งไม่ต่างจากภูเขาใหญ่สามลูก
สัตว์อสูรชนิดนี้กินดินและพืชผักเป็นอาหาร
ถึงจะมีร่างกายใหญ่โตมโหฬาร แต่แรดภูเขากลับสามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็วยิ่ง
ว่ากันว่าแรดภูเขาที่บ้าคลั่งสามารถวิ่งทลายภูเขาได้เป็นลูก ๆ
อาวุธที่น่ากลัวที่สุดของพวกมัน ก็คือเขาทั้งสามที่งอกอยู่บนศีรษะ
ข้อมูลเหล่านี้ก็ยังคงเป็นไป๋เสี่ยวเซียวแจ้งต่อหลินเป่ยเฉินเช่นกัน
“เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน อย่าไปไหนนะ เดี๋ยวข้ากลับมา”
หลินเป่ยเฉินนำเด็กสาวมาทิ้งไว้ในสถานที่ปลอดภัยและพูดกับนางด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
เขาจะทำอะไรต่อไป?
นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?
ไป๋เสี่ยวเซียวได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
นางจ้องมองแผ่นหลังของหลินเป่ยเฉิน
และเด็กสาวก็ได้เห็นผู้อาวุโสต่างแซ่แอบย่องเข้าไปในอาณาเขตของแรดภูเขา และเมื่อเขาลับสายตาไป เด็กสาวก็ไม่รู้อีกแล้วว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
ไป๋เสี่ยวเซียวพยายามกวาดสายตามองหารอบบริเวณ
แรดภูเขาขนาดร่างกายใหญ่โตมโหฬารตัวหนึ่งกำลังนอนกินหญ้าบนพื้นดินอย่างสบายอารมณ์ โดยที่มีลูก ๆ ของมันสี่ถึงห้าตัวกำลังวิ่งไล่กวดกันอย่างสนุกสนานอยู่ทางด้านหลัง…
นี่คือแรดภูเขาตัวที่เป็นจ่าฝูงกับลูก ๆ ของมันเอง
ไป๋เสี่ยวเซียวมองออกตั้งแต่แรกเห็น
แรดภูเขาตัวที่เป็นจ่าฝูงจะมีลักษณะร่างกายแข็งแกร่งมากกว่าแรดภูเขาทั่วไป ระดับพลังของมันนั้น เทียบเท่าได้กับมนุษย์ขั้นเซียนระดับห้า
อย่าบอกนะว่าพี่จูจะเข้าไปสังหารแรดภูเขาตัวนี้?
ไป๋เสี่ยวเซียวยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม
แต่ลมหายใจต่อมา นางก็ต้องตกตะลึง
เนื่องจากเด็กสาวพบว่าบริเวณพุ่มไม้ข้างทาง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เด็กหนุ่มกระโดดเข้าไปซ่อนตัวก่อนหน้านี้ ได้มีมนุษย์กิ้งก่าตัวหนึ่งกระโดดออกมาอย่างที่ไม่มีผู้ใดคาดคิด
มนุษย์กิ้งก่าตัวนั้นแอบย่องเข้าไปหาราชาแรดภูเขาตัวที่เป็นจ่าฝูง
แต่ยังไม่ทันเข้าประชิดตัว มนุษย์กิ้งก่ากลับกระโดดและระเบิดเสียงคำราม เหมือนกลัวว่าราชาแรดภูเขาจะไม่ทันสังเกตเห็นการมาถึงของตนเอง
ราชาแรดภูเขาหันหน้ามามองด้วยความตื่นตกใจ
เช่นเดียวกับลูกฝูงของมันอีกจำนวนนับไม่ถ้วน
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของแรดภูเขาจำนวนมาก มนุษย์กิ้งก่าตัวนั้นก็กระโดดเข้าไปหาลูกแรดตัวหนึ่ง ก่อนจะทั้งเตะทั้งถีบทำร้ายร่างกายลูกแรดตัวนั้นอย่างหนักหน่วง…
“ย๊ากกก…”
เสียงคำรามของมนุษย์กิ้งก่าดังกังวานไปทั่วทุ่งหญ้า
ราชาแรดภูเขาเองก็ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้นเช่นกัน
ดวงตาของมันกลายเป็นสีแดงก่ำ
พลังลมปราณปีศาจปะทุออกมาจากร่างกาย
เมื่อเห็นลูกน้อยของตนเองถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา มีหรือมันจะทนอยู่นิ่งเฉยได้ หากผู้บุกรุกสามารถหลบหนีออกไปได้สำเร็จ สถานะจ่าฝูงของมันก็คงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
แต่แทนที่จะหันหลังวิ่งหนีไป มนุษย์กิ้งก่ากลับยกก้อนหินยักษ์ก้อนหนึ่งทุ่มใส่หัวราชาแรดภูเขา มิหนำซ้ำ ยังยั่วยุด้วยการชูนิ้วกลางอีกด้วย…
ก้อนหินแตกกระจาย
การโจมตีเช่นนี้ย่อมไม่ระคายผิวราชาแรดภูเขา
“กรรรรร!”
ราชาแรดภูเขาระเบิดเสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด
ดวงตาของมันยิ่งเป็นสีแดงก่ำมากกว่าเดิม
และแล้ว ‘ผู้บุกรุก’ ก็คล้ายกับหวาดกลัวขึ้นมาจริง ๆ
มนุษย์กิ้งก่าหันหลังกลับและวิ่งหนีไป
แต่ระหว่างที่วิ่งหนีนั้น ไม่รู้มันกำลังคิดอะไรอยู่ จึงได้ยื่นมือออกไปหิ้วลูกของราชาแรดตัวหนึ่งหนีบตามไปด้วย…
หรือมันตั้งใจจะขโมยลูกแรด?
แรดภูเขาทั้งฝูงตกอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง
ครืน!
ฝูงแรดวิ่งไล่กวดผู้บุกรุก
พื้นดินสั่นสะเทือน
ครืน!
แรดภูเขากว่า 400 ตัวพร้อมใจกันวิ่งไล่กวดมนุษย์กิ้งก่าผู้ขโมยลูกแรดไปจากฝูงของพวกมัน และนั่นก็ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนจนคล้ายกับเกิดแผ่นดินไหว
แต่มนุษย์กิ้งก่ากลับสามารถวิ่งหนีได้อย่างรวดเร็ว แม้ต้องหอบหิ้วลูกแรดที่หนักนับพันชั่งไปด้วยก็ตาม
และในจังหวะที่คล้ายฝูงแรดจะไล่ตามทัน มนุษย์กิ้งก่ากลับเพิ่มความเร็วทิ้งระยะห่างออกไปอีก…
ฝูงแรดวิ่งไล่ตามมนุษย์กิ้งก่าราวกับคลื่นทะเลคลั่ง มุ่งหน้าตรงไปทางเมืองของเผ่ากิ้งก่าวายุ…
ไป๋เสี่ยวเซียวได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
แต่แล้ว เด็กสาวก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
หลังจากนั้นชั่วต้มน้ำเดือด
“ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปดูอะไรสนุก ๆ”
เขาดึงไป๋เสี่ยวเซียวกลับขึ้นไปยืนบนกระบี่บินได้อีกครั้ง
เอ๋?
ไปดูอะไรสนุก ๆ อย่างนั้นหรือ?
นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?
ไป๋เสี่ยวเซียวที่เพิ่งรู้สึกเหมือนตนเองกำลังเข้าใจอะไรบางอย่าง กลับต้องเกิดความงุนงงสับสนขึ้นมาอีกครั้ง
แต่นางไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า
ดังนั้น นางจึงไม่ได้ถามอะไร
กระบี่พุ่งผ่านผืนฟ้า
ในไม่ช้า ทั้งสองก็บินกลับมาอยู่เหนือเมืองของเผ่ากิ้งก่าวายุอีกครั้ง
และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ทำให้ไป๋เสี่ยวเซียวแปลกใจ
ฝูงแรดภูเขากำลังโจมตีเมืองของเผ่ากิ้งก่าวายุด้วยความโกรธแค้น
บัดนี้ แรดภูเขาจำนวนหลายสิบตัวนอนตายอยู่หน้ากำแพงเมือง
แต่บนกำแพงเมืองก็เกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้ว
ไป๋เสี่ยวเซียวพบว่าลูกแรดที่ถูกขโมยมาก่อนหน้านี้นอนสิ้นใจตายอยู่บนกำแพงเมือง ร่างกายของมันมีเลือดท่วมตัว คล้ายกับถูกใครบางคนทำร้ายบาดเจ็บสาหัสบนกำแพงเมืองแห่งนั้น
นี่จึงเป็นเหตุผลของความโกรธแค้นจากฝูงแรดภูเขา
พวกมันต้องการแก้แค้นให้แก่แรดน้อยที่ถูกมนุษย์กิ้งก่าฆ่าตาย
นี่หรือคือวิธีการยืมดาบฆ่าคนที่พี่จูพูดถึง?
ในอดีตที่ผ่านมา ไม่เคยมีผู้ใดคิดใช้วิธีการนี้มาก่อน
เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะสามารถทำได้จริง
แต่นี่คือครั้งแรกที่มีผู้คนสามารถทำได้สำเร็จ
ครืน!
การต่อสู้ที่ดุเดือดเกิดขึ้นหน้ากำแพงเมืองของเผ่ากิ้งก่าวายุ
บรรดาแรดภูเขายังคงถูกสังหารอย่างต่อเนื่อง
“บัดนี้ หนึ่งในกิ้งก่าขั้นเซียนปรากฏตัวออกมาแล้ว”
ไป๋เสี่ยวเซียวอุทานออกมา
ถึงหลินเป่ยเฉินจะฟังไม่เข้าใจ แต่น้ำเสียงของเด็กสาวบอกชัดว่านี่คือเรื่องสำคัญ
เขารีบชักกระบี่ออกมาจากฝักและตวัดแนวขวางเต็มแรง
ลมหายใจต่อมา ลำแสงสีเงินพุ่งขึ้นมาจากกำแพงเมือง
มันเป็นลำแสงสีเงินที่สว่างเจิดจ้า
วูบ!
นี่คือการโจมตีที่หนักหน่วงและแม่นยำ
บนหน้าผากหลินเป่ยเฉินปรากฏเม็ดเหงื่อผุดพราว
เกือบไปแล้วเชียว
โชคดีที่เขาชักกระบี่ออกมาปัดป้องได้ทันเวลา
หากไม่ได้มีเสียงร้องเตือนจากไป๋เสี่ยวเซียว เกรงว่าการโจมตีเมื่อสักครู่นี้ หากไม่ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส ก็ต้องทำให้เขาถึงแก่ความตายเลยทีเดียว
หลินเป่ยเฉินพบว่าเผ่ากิ้งก่าวายุเบื้องล่างรับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของพวกเขาแล้ว
พวกมันแข็งแกร่งมากกว่าที่คิด
หัวใจของหลินเป่ยเฉินเริ่มเต้นด้วยความตื่นตระหนก
ก่อนหน้านี้ ทุกอย่างเรียบง่ายมากเกินไป ไป๋ไห่เฉาหัวหน้าเผ่าผู้มีพลังขั้นเซียนของเผ่าจันทราขาวพยายามพูดด้วยความสุภาพไม่ให้เขารีบร้อนลงมือ ที่แท้ก็คงเป็นเพราะรู้ว่ามนุษย์กิ้งก่าเหล่านี้น่ากลัวมากนั่นเอง
ต้องระวังมากขึ้นแล้วสิ
เมื่อสักครู่ ถือว่าเป็นบทเรียนก็แล้วกัน
หลินเป่ยเฉินควบคุมกระบี่ของตนเองให้ลอยสูงขึ้นมาบนท้องฟ้า
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงรังสีอันตรายที่แผ่ขึ้นมาจากพื้นดิน
“บานายาอะราโย?”
เสียงคำรามกึกก้องดังตามมาปานฟ้าผ่า
หลินเป่ยเฉินถึงกับสะดุ้งเฮือก
นิ้วมือที่เรียวยาวของไป๋เสี่ยวเซียวขีดเขียนข้อความลงบนแผ่นหลังของหลินเป่ยเฉิน ‘กิ้งก่าขั้นเซียนกำลังถามว่าพวกเราเป็นใคร’
สัมผัสจากปลายนิ้วของเด็กสาวทะลุผ่านเสื้อของหลินเป่ยเฉิน ทำให้เขารู้สึกร้อนวูบและชาดิกในเวลาเดียวกัน
‘บอกพวกมันไปว่าข้าคือผู้อาวุโสจูจากเผ่าจันทราขาว ข้ามาที่นี่เพื่อแก้แค้น’
หลินเป่ยเฉินคว้าข้อมือของไป๋เสี่ยวเซียวมาเขียนนิ้วลงไปบนฝ่ามือของนาง
“อุ๊ย…”
ไป๋เสี่ยวเซียวส่งเสียงครางในลำคอ ฝ่ามือรู้สึกร้อนวูบวาบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และกระแสความร้อนนั้นก็ส่งผ่านไปถึงหัวใจ นางรู้สึกคล้ายกับร่างกายอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรง ดวงตาเป็นประกายหวานฉ่ำ
ร่างที่เคยยืนหยัดได้เป็นอย่างมั่นคง อยู่ดี ๆ ก็แทบจะล้มลงไปในอ้อมอกของหลินเป่ยเฉิน
เด็กหนุ่มรีบประคองกอดร่างของเด็กสาวโดยเร็ว
ตอนที่ยังอยู่บนโลกมนุษย์ใบเก่า เพื่อนของเขาที่เป็นหนุ่มหล่อเจ้าชู้คนหนึ่งมักบอกว่า ยามผู้หญิงรู้สึกอ่อนไหว ร่างกายของพวกนางจะอ่อนปวกเปียกไปหมด ซึ่งแตกต่างจากผู้ชายอย่างสิ้นเชิง ยามที่ผู้ชายเกิดความรู้สึกอ่อนไหว แม้ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายจะอ่อนปวกเปียกเช่นกัน แต่กลับมีอวัยวะส่วนหนึ่งแข็งดั่งเหล็กกล้า…!!!