บทที่ 1420 คนเดียวปะทะตระกูลเฉวียน

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

บนแท่นประจำตระกูลเฉวียน

ภาพเงามู่เฉินพลิ้วตัวลงมา การกระทำของเขาสร้างความปั่นป่วนไปหมด

“อะไรนั่น? เขาคิดจะท้าทายตระกูลเฉวียนเรอะ?!”

“เขายโสเกินไปแล้ว ตระกูลเฉวียนมีผู้อาวุโสเจ็ดคน เขาต้องเอาชนะอย่างน้อยสี่คนเพื่อให้ได้ตำแหน่งมานะ!”

“เจ้านั่นบ้าดีเดือดแท้จริง คิดจะเป็นงูเขมือบช้างรึไง”

“ความกล้านี่ไม่น้อยเลย แต่เขาไม่กลัวระเบิดตัวเองตายเหรอ?”

“…”

เสียงกระซิบดังไปทั่วขอบฟ้า ทุกคนตกตะลึงกับการเลือกของมู่เฉิน นั่นเป็นเพราะในมุมมองของพวกเขาตระกูลเฉวียนเคี้ยวยากที่สุดในตอนนี้

ในสายตาหลายคน การตัดสินใจของมู่เฉินไม่ฉลาดเลย

แน่นอนว่าไม่เพียงแต่ผู้ชมที่ตกตะลึงเท่านั้น แม้แต่ผู้อาวุโสตระกูลชิงก็ยังตะลึงจนพูดไม่ออก ตอนแรกพวกเขาคิดว่ามู่เฉินจะมีวิธีอื่น ใครจะไปคิดว่าจะเป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุด

เขาจะชนะได้อย่างไร!

ตระกูลเฉวียนมีผู้อาวุโสเจ็ดคน สามคนมีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงและสี่คนอยู่ในขั้นเซียน!

หากมู่เฉินเลือกที่จะต่อสู้ เขาจะต้องเอาชนะจอมยุทธ์ถึงสี่คนเพื่อจะได้ที่นั่งเดียว มิหนำซ้ำการสนับสนุนที่ตระกูลชิงสามารถให้ได้ก็มีจำกัดมาก นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องเผชิญกับจอมยุทธ์เจ็ดคนตามลำพังหรือ?

เขาคิดจะพึ่งพาความสามารถของตัวเองในการเอาชนะตระกูลเฉวียน?

แค่ความคิดนี้ก็รู้สึกไม่น่าเชื่อสำหรับพวกเขา ท้ายที่สุดมู่เฉินเพิ่งจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นเท่านั้น ขณะที่ในหมู่ผู้อาวุโสเจ็ดคน คนที่อ่อนแอที่สุดก็แข็งแกร่งกว่าเขาเลยทีเดียว

นอกจากนี้ที่สำคัญแม้ว่ามู่เฉินจะเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงทั้งสามได้ แต่เขาก็ต้องเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนอย่างน้อยอีกหนึ่งคนจึงจะชนะแบบสมบูรณ์

การต่อสู้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนด้วยขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงจินตนาการไม่ออกเลย

ดังนั้นการกระทำของมู่เฉินแทบไม่มีโอกาสชนะสักนิด

“เขาคิดจะทำบ้าอะไรนั่น?” ชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะถาม

ชิงเทียนส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาบ่นแล้ว นอกจากนี้สถานการณ์ของพวกเขาก็ย่ำแย่ขนาดนี้ แม้ว่ามู่เฉินจะแพ้ก็ไม่ได้สูญเสียเพิ่ม อย่างมากก็แค่ขายหน้าเพิ่มอีกหน่อยเท่านั้น

ขณะที่ผู้อาวุโสทั้งสามของตระกูลชิงถอนหายใจ เฉวียนหลัวและมั่วซินก็อดเยาะเย้ยไม่ได้ “รนหาที่ตายจริงๆ มันคิดว่าตัวเองไม่ต้องกลัวอะไรหลังจากบรรลุขุมพลังเทียนจื้อจุนเรอะ? ขั้นหลิงระยะต้นไม่สามารถแตะต้องเผ่าฝูถูข้าได้หรอก!”

สมาชิกเผ่าคนอื่นๆ ก็พยักหน้า ในสายตาพวกเขา การกระทำของมู่เฉินเป็นการหาความอัปยศใส่ตัวอย่างไม่ต้องสงสัย

สมาชิกตระกูลชิงแลกเปลี่ยนสายตากัน แม้แต่ชิงหลิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล นางตกใจกับการกระทำของมู่เฉิน

เพราะที่ต้องเผชิญคือจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเจ็ดคนเชียวนะ!

ไม่อยากเชื่อว่ามู่เฉินต้องการต่อสู้ด้วยวิธีนี้

“ยอดเยี่ยม! สมกับเป็นมู่เฉิน ความกล้าของเขาแทบจะเทียบกับท่านพ่อได้เลย! พี่เซียวเซียวคิดว่ามู่เฉินจะชนะไหม?” หลินจิ้งปรบมือขณะที่หัวเราะเบาๆ นางไม่เหมือนคนอื่นที่รู้สึกว่ามู่เฉินประเมินตัวเองสูงเกินไป กลับยังรู้สึกว่าความกล้าหาญของเขาน่าชื่นชมมากทีเดียว

เซียวเซียวไตร่ตรองคำถามนี้อย่างจริงจังก่อนที่จะมีรอยยิ้มเผยออกมา “มู่เฉินเป็นคนเจ้าวางแผน เขาจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม ในเมื่อเขากล้าที่จะทำก็ต้องมีความมั่นใจ”

แต่หลังจากหยุดชั่วครู่นางก็พูดต่อ “แต่ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าความมั่นใจของเขามาจากไหน”

เมื่อหลินเตียวและเย่าเฉินได้ยิน ทั้งสองคนก็สบตากันและยิ้ม “เจ้าสองคนมองเขาในแง่ดีมากเลยนะ”

แม้ว่าพวกเขาจะพูดแบบนี้ แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่ามู่เฉินจะประมาท พวกเขาอาจไม่เข้าใจในตัวมู่เฉินอย่างลึกซึ้ง แต่ในเมื่อเขาได้รับความสำคัญจากหลินต้งและเซียวเหยียน นั่นหมายความว่าเขาต้องเป็นคนที่โดดเด่นแน่นอน

ดังนั้นไม่ยากที่เขาจะสร้างปาฏิหาริย์เหลือเชื่อขึ้นได้

เฉวียนกวางเหลือบมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา แม้แต่เขาที่มักสงบก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วยความโกรธเกรี้ยว “เยี่ยม! เยี่ยม! สมเป็นลูกของชิงเหยี่ยนจิ้งจริงๆ ความกล้าหาญของเจ้าไม่ธรรมดาเลย”

“แต่ก็ช่างเถอะ ข้าจะช่วยเติมเต็มความปรารถนาของเจ้า ในเมื่อเจ้าอยากสัมผัสกับพลังของตระกูลเฉวียนของข้า!”

“ผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนอย่ารั้ง ปล่อยให้ไอ้คนบาปได้ลิ้มรสพลังของตระกูลเฉวียนของเรา!”

“รับทราบ!”

ผู้อาวุโสทั้งหกตอบรับ สายตาถมึงทึงมองไปที่มู่เฉิน ชายหนุ่มท้าทายพวกเขาต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก นี่เป็นการดูถูกอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาจะทนได้อย่างไร?

ผู้อาวุโสใหญ่ที่เห็นฉากนี้สายตาก็วูบไหว แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เนื่องจากในมุมมองของเขามู่เฉินหยิ่งผยองเกินไป ดังนั้นเขาต้องการที่จะให้ตระกูลเฉวียนขยี้ความผยองที่มี บอกให้รู้ว่าแม้จะไปถึงระดับเทียนจื้อจุนก็ไม่ได้มีสิทธิ์มาทำหน้ายโสโอหังในเผ่าฝูถูได้

แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้ผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนฆ่ามู่เฉินได้ มิฉะนั้นชิงเหยี่ยนจิ้งจะตามจองล้างจองผลาญเผ่าฝูถูชั่วกัปชั่วกัลป์แน่นอน หากนางโกรธขึ้นมา เผ่าก็ต้องจ่ายราคามหาศาลแม้ว่าพวกเขาจะหยุดนางได้ก็ตาม

นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากเห็น

ขณะที่เกิดความคิดในหัวฝูถูเฉวียน มู่เฉินก็ไม่ได้สนใจสายตาโกรธเกรี้ยวของผู้อาวุโสตระกูลเฉวียน เขาทะยานไปยังแท่นประลองที่ต่ำที่สุดของตระกูลเฉวียน

ทันใดนั้นทุกสายตาก็พุ่งตรงมา

นี่คือผู้อาวุโสเฉวียนไห่อยู่ในขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นซึ่งเทียบเท่ากับระดับของมู่เฉิน

แขนเสื้อคลุมเฉวียนไห่กระพือขึ้นลงพรึบพรับ สายตาจ้องมองไปที่มู่เฉินด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ไม่คิดว่าชิงเหยี่ยนจิ้งจะมีลูกชายสมองพิการ แกมีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นอาจทำตัวหยิ่งผยองในมหาพันภพได้ แต่ไม่มีประโยชน์ในเผ่าฝูถู”

ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับการเยาะเย้ย มู่เฉินก็ไม่สนใจ สายตาเขามองข้ามเฉวียนไห่ไปที่แท่นที่สูงขึ้น

“ไอ้เด็กไร้มารยาท! พ่อแม่ไม่สั่งสอน!” เมื่อเห็นว่ามู่เฉินไม่สนใจตน เฉวียนไห่ก็คำรามเสียงกร้าว

มู่เฉินถอนสายตากลับมามองเฉวียนไห่ “ไสหัวไป ถ้าแกไม่อยากโดนทรมาน”

“ไอ้หนู รนหาที่ตาย!”

ใบหน้าของเฉวียนไห่เปลี่ยนเป็นแดงก่ำขณะตะโกน ทันใดนั้นแสงไร้ขอบเขตก็ระเบิดออกจากร่าง ร่างเขาเริ่มขยายขนาดกลายเป็นยักษ์ตัวเล็กๆ

เขาเปลี่ยนเป็นกายาหลิงเทียนจุนปลดปล่อยพลังแข็งแกร่งที่สามารถทำลายสวรรค์และโลกด้วยการเคลื่อนไหวออกมา

ตู้ม!

เมื่อเฉวียนไห่เร้ากายาหลิงเทียนจุนออกมาก็ไม่ได้หยุดยั้ง เขากระทืบเท้าลงไปทำให้เกิดรอยแตกปรากฏขึ้นบนแท่นที่ทำจากวัสดุไม่ธรรมดา

ทันใดนั้นเขาก็ปรากฏตัวต่อหน้ามู่เฉินพร้อมกับแสงหนาแน่นกำจายออกมา

“ทักษะหลิงไม่เสินทง ฝ่ามือค้อนตอกวิญญาณ!”

สายตาของเฉวียนไห่กะพริบด้วยความดุร้าย เขาดึงเอาทักษะเส้นหลิงที่มีออกมาในทันที แม้ว่าเขาจะด่าว่ามู่เฉินในฐานะอาวุโสกว่า แต่เขาก็ยังดึงเอาความสามารถทั้งหมดออกมา เนื่องจากเขารู้ว่ามู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ดังนั้นหากเขาไม่ได้ใช้ฝีมือเต็มที่ เขาอาจจะต้องเสียเปรียบ

ตู้ม!

ทันใดนั้นกำปั้นของเฉวียนไห่ก็ขยายขึ้นแล้วตอกลงไปทำให้มิติแตกออก

เมื่อเห็นกระบวนท่านี้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนหลายคนก็พยักหน้า เฉวียนไห่มีความสามารถแท้จริงในฐานะผู้อาวุโสของเผ่าฝูถู

ทว่าพวกเขาก็ต้องอึ้งไปเมื่อมองไปที่มู่เฉิน เนื่องจากเห็นว่ามู่เฉินไม่ได้ออกกระบวนท่าอะไร ปล่อยให้กำปั้นอีกฝ่ายซัดมาตรงๆ

“ไอ้เด็กนี่ ไม่รู้หลบเลยเรอะหรือว่าบ้าไปแล้วจริงๆ?”

ผู้คนมองหน้ากัน เฉวียนไห่คว้าโอกาสออกกระบวนท่าก่อนซึ่งรุนแรงมาก โดยทั่วไปจะเลือกหลบหนีก่อนแล้วค่อยหาโอกาสพลิกสถานการณ์ แต่ทำไมมู่เฉินถึงยืนอยู่ตรงเหมือนท่อนไม้อย่างไรอย่างนั้น?

ภายใต้สายตาตะลึงนับไม่ถ้วน หมัดก็พุ่งเข้ามาถึงตัว ทว่าเมื่อหมัดกำลังจะกระทบกับหน้าอกมู่เฉิน เขาก็เคลื่อนไหวในที่สุด

เขายืดฝ่ามือออกพลางสัมผัสกับหมัดเบาๆ

ปัง!

จังหวะที่สัมผัสกันก็สร้างความปั่นป่วนขนาดใหญ่ คลื่นกระแทกที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายออกไป ทำให้แท่นสั่นสะเทือน รอยแตกกระจายอยู่ข้างใต้

กลุ่มควันค่อยๆ สลายลง

ทุกสายตาจ้องไปเบื้องหน้าก่อนที่ความตกใจจะพล่านบนใบหน้า พวกเขาเห็นมู่เฉินยืนตระหง่านราวกับภูเขาอยู่บนแท่นประลอง

พื้นโดยรอบกลายเป็นเถ้าถ่าน มีเพียงพื้นที่เดียวที่เขายืนอยู่ที่ปกติ มากจนเขาไม่ได้ขยับตัวเลยด้วยซ้ำ

โห้!

ความปั่นป่วนเกิดขึ้นทันที จอมยุทธ์พลังเทียนจื้อจุนจำนวนมากหดดวงตา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะรับการโจมตีได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

สีหน้าเฉวียนไห่ก็เปลี่ยนเช่นกัน เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าหมัดเหมือนตกลงไปในหลุมดำ ร่างกายของมู่เฉินราวกับหลุมดำ ไม่ว่าเขาจะปลดปล่อยพลังงานออกมาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์

ความไม่สบายใจผุดขึ้นในใจ เขาอยากจะถอยหนี ตอนนี้เขาต้องใช้กายาหลิงเทียนจุนต่อสู้แล้ว

แต่เมื่อเขาคิดจะถอย มู่เฉินก็คว้ากำปั้นของเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถถอยไปได้

เฉวียนไห่เงยหน้าขึ้นก็เห็นดวงตามู่เฉินที่อัดแน่นด้วยความคมกริบและไม่แยแส

“ในเมื่อเจ้าใช้ทักษะหลิงไม่เสินทงแล้ว ลองชิมของข้าดูบ้าง”

มู่เฉินหรี่ตาและก่อนที่เฉวียนไห่จะตอบสนอง เพลิงสีม่วงก็ลุกขึ้นบนฝ่ามือห่อหุ้มกำปั้นเฉวียนไห่เอาไว้

ขณะที่เพลิงปกคลุม เฉวียนไห่ก็ตกใจ เขารีบตอบโต้ด้วยคลื่นหลิงโดยสัญชาตญาณ เพื่อดับเพลิง

ฟู่ ฟู่!

ทว่าสถานการณ์ต่อมาทำให้เขาตกใจเกือบสิ้นสติ คลื่นหลิงของเขากลับเติมเชื้อไปให้กับเพลิงสีม่วงแทนที่จะดับลง อุณหภูมิที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาทำให้กระทั่งกายาหลิงเทียนจุนของเขายังเจ็บปวดไปหมด

อ๊าก!

เสียงกรีดร้องน่าสังเวชดังก้องออกมาจากปาก ขณะที่เขาถอยออกไปราวกับลูกบอลไฟ ไม่ว่าเขาจะพยายามใช้คลื่นพลังอย่างไร ก็ไม่สามารถดับเพลิงสีม่วงได้ ร่างกายของเขาเริ่มลุกไหม้จากอุณหภูมิที่สูง

มู่เฉินก้าวออกไปวาดท่อนขาฟาดหน้าแข้งเข้าที่ปากของเฉวียนไห่ พลังที่ส่งออกมาทำให้ฟันในปากแตกละเอียดทันที จากนั้นปลิวออกไป

ฉากนี้ทำให้ทุกคนตะลึง เฉวียนไห่ไม่สามารถรับกระบวนท่าของมู่เฉินได้แม้แต่ครั้งเดียวรึ?

เมื่อเสร็จสิ้นทุกอย่าง มู่เฉินก็ไม่ใส่ใจต่อเสียงกรีดร้องของเฉวียนไห่ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสคนอื่นของตระกูลเฉวียนซึ่งมีสีหน้าเปลี่ยนไป เสียงของเขาดังก้อง

“รับไม่ได้สักกระบวนท่า สะกิดเดียวก็แพ้ คนต่อไปเชิญ”