ตอนที่ 2435 งานชุมนุมแลกเปลี่ยน
ฝานเผาจือยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อออกมา ทันใดนั้นกล่องหยกสีแดงเพลิงก็ปรากฏขึ้นที่กลางฝ่ามือของเขา ด้านนอกนั้นมียันต์สีทองแปะเอาไว้หนึ่งแผ่น โดยที่แผ่นยันต์แผ่นนั้นมีขนาดใหญ่มากจนสามารถปิดกล่องได้เกือบทั้งหมด
ทันทีที่กล่องหยกลอยออกมา มันก็พุ่งตรงมาที่หานลี่ทันที
แววตาของหานลี่สว่างวาบ หลังจากที่แขนของเขาเลือนรางเขาก็สามารถคว้ากล่องใบนั้นเอาไว้ในมือได้ทันที อีกทั้งเมื่อปลายนิ้วสัมผัสกับกล่องหยก กระดาษยันต์แผ่นนั้นก็หลุดออกมาทันที กล่องใบนั้นก็เปิดขึ้นมาอย่างไร้เสียง
ด้านในนั้นมีเกล็ดมังกรเจ็ดแผ่น สีสันแตกต่างกัน แรงกดดันที่แผ่กระจายออกมา ทำให้คนอื่นรู้สึกตกใจอย่างมาก!
“นี่มัน…”
เมื่อหานลี่เห็นดังนั้นเขาก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ
“แค่มองสหายหานก็จะเข้าใจแล้ว” ฝานเผาจือยกมือสองมือขึ้นราวกับว่าต้องการปล่อยให้หานลี่ตัดสินใจเอง
ในใจของหานลี่ก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่เขาไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะเล่นลูกไม้อะไร มือของเขาสั่นเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบเกล็ดสีฟ้าอ่อนจากในกล่องออกมาแผ่นหนึ่ง จากนั้นมันก็ตกลงมาที่กลางฝ่ามือของเขาอย่างแม่นยำ
ตอนนั้นเองเมื่อฝ่ามือของเขาสัมผัสกับเกล็ดแผ่นนั้น สีหน้าของหานลี่ก็เปลี่ยนไปทันที ราวกับว่าเขาสามารถรับรู้อะไรบางอย่างได้ จากนั้นเขาก็นำเกล็ดแผ่นนั้นวางที่หน้าผากอย่างรวดเร็วแล้วหลับตาทั้งสองข้างลง
เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ!
สีหน้าของหานลี่ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว บางครั้งก็ดูตกใจอย่างมาก บางครั้งก็หวาดผวา สุดท้ายก็ยังแฝงไปด้วยความหวาดกลัว
หลังจากเวลาหนึ่งจิบชาผ่านไป หานลี่ค่อยๆ กระแอมไอหนึ่งครั้ง จากนั้นก็หยิบเกล็ดแผ่นนั้นออกจากหน้าผาก และค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
“ที่แท้เกล็ดเหล่านี้ก็คือ…”
“สหายหานรู้ก็ดีแล้ว คนธรรมดาล้วนไม่สามารถใช้ของสิ่งนี้ได้ แต่สำหรับคนที่ต้องจะขึ้นไปยังแดนเซียน มันมีมูลค่ามากกว่าที่จะประเมินค่าได้ สุดท้ายแล้วไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะมีโอกาสสัมผัสด่านเคราะห์ก่อนขึ้นแดนเซียน” ผู้อาวุโสจินพูดด้วยเสียงราบเรียบ
“มีความแตกต่างของการผ่านด่านเคราะห์ของตระกูลร่ำรวยกับคนธรรมดาสินะ” หลังจากที่สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนไปมาหลายครั้ง จากนั้นเขาก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“แน่นอนว่าต้องมีส่วนต่าง แต่จากภายนอกแล้วมันก็ไม่ได้ต่างมากขนาดนั้น อีกทั้งเท่าที่ข้ารู้ นอกจากเผ่ามังกรอย่างข้าแล้ว คนอื่นก็ไม่เต็มใจให้คนอื่นอยู่ในบริเวณที่เขาจะผ่านด่านเคราะห์ ไม่ต้องพูดถึงการได้เห็นความน่ากลัวของเคราะห์สวรรค์ด้วยตาตัวเอง เคล็ดวิชากิเลนเที่ยงแท้เช่นนี้ ก็เป็นวิชากำเนิดที่ในเผ่ามังกร ต่อให้คนอื่นอยากทำแบบเดียวกัน ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถรับด่านเคราะห์นี้สำเร็จ แต่ในเมื่อมีเกล็ดเหล่านี้ ก็สามารถทำลายเคราะห์สวรรค์เหล่านั้นได้โดยตรง ข้าเชื่อว่าเจ้าน่าจะต้องการของสิ่งนี้มากกว่าโอสถวิญญาณแท้” ผู้อาวุโสจินลูบเคราไปเรื่อยๆ พร้อมพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ
“ของเหล่านี้น่าจะเป็นของใช้สิ้นเปลือง ไม่สามารถลอกเลียนแบบขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นผู้อาวุโสไม่มีทางหยิบออกมาง่ายๆ เช่นนี้หรอกล่ะมั้งขอรับ” หานลี่มองไปที่เกล็ดเหล่านั้นอย่างตรวจสอบอีกหนึ่งครั้ง พร้อมถามกลับด้วยคำถามน่าแปลกใจ
“หึๆ สมแล้วที่สหายหานสามารถฆ่าเซียนผู้นั้นได้ด้วยตนเอง เกล็ดเหล่านี้ไม่สามารถใช้ได้ตลอดไป แต่ละเกล็ดสามารถใช้ได้สามครั้ง เมื่อใช้จนครบแล้วมันจะทำลายตนเอง ส่วนเคล็ดวิชาคัดลอกนั้น ในเผ่านี้มีเพียงข้าคนเดียวที่รู้จักวิชานี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะกล้านำมาแลกของอย่างอื่นได้อย่างไร” ผู้อาวุโสจินไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย แต่กลับยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
“หากมันสามารถใช้ได้เพียงสามครั้งล่ะก็ ความคุ้มค่าในการใช้งานคงลดลงไม่น้อย หากนำมาแลกกับโอสถวิญญาณแท้ล่ะก็ ข้าเกรงว่ามันจะไม่พอ” น้ำเสียงของหานลี่เย็นชาขึ้น
“หากของเหล่านี้ไม่พอล่ะก็ ข้าจะเพิ่มโอสถหม่อนสีทองหมื่นปีอีกหนึ่งขวด ของเหลววิญญาณชิ้นนี้ไม่เพียงแต่จะน่าอัศจรรย์ แต่นอกจากนี้มันยังเป็นส่วนผสมที่ต้องใช้ในโอสถในตำนานอีกหลายอย่าง ต่อให้อยู่ในเกาะมังกรก็มีแค่ไม่กี่ขวดเท่านั้น” ผู้อาวุโสจินพูดออกมาโดยไม่ต้องครุ่นคิดเลย
“โอสถหม่อนสีทองหมื่นปี? หากเพิ่มของเหลววิญญาณอีกหนึ่งชิ้นล่ะก็ นับว่ามูลค่าพอๆ กันแล้ว ได้ ผู้น้อยแซ่หาน จะแลก” ในครั้งนี้ หานลี่ไม่ได้ครุ่นคิดอะไรมาก เมื่อได้ยินชื่อโอสถหม่อนสีทองหมื่นปี เขาก็ตอบตกลงทันที
แม้ว่าโอสถวิญญาณแท้เม็ดนั้นจะสามารถทำให้พลังของจิตวิญญาณมีเพิ่มมากขึ้น แต่ระดับการแช่แข็งก็เพิ่มขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ แต่มันก็ถือว่ามีประโยชน์สำหรับเขาอย่างมาก แต่ไม่เหมือนบันทึกการผ่านด่านเคราะห์ของเผ่ามังกร และยิ่งไปกว่านั้นสามารถใช้ได้หลายครั้ง และยังสามารถทำให้คนที่ใกล้ชิดได้รับประโยชน์ไปด้วย แต่ที่จริงแล้วเพราะว่าเขามีโอสถวิญญาณแท้สองเม็ด ไม่เช่นนั้นเขาไม่ตัดสินใจอย่างมีความสุขเช่นนี้หรอก
ผู้อาวุโสจินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำตอบตกลงของหานลี่ หลังจากที่เขาชะงักอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงได้แสดงใบหน้าดีใจพร้อมกล่าวออกมาว่า
“สหายหานเป็นคนที่กล้าได้กล้าเสียจริงๆ มิน่าล่ะฝานเผาจือถึงมอบเทียบเชิญให้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ข้าเชื่อสหายหานจะได้ต้องได้รับของมากมายจากการชุมนุมครั้งนี้อย่างแน่นอน”
ทันทีที่พูดจบเขาก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นมา กลางฝ่ามือของเขามีขวดโอสถสีทองปรากฏเพิ่มขึ้นหนึ่งขวด จากนั้นเขาก็สะบัดมือออกมา ขวดใบนั้นก็ลอยมาหาหานลี่อย่างไร้เสียง
หานลี่สะบัดแขนเสื้อทันที และรับขวดใบนั้นออกมาเปิดดู หลังจากที่ใช้จิตสัมผัสสำรวจด้านในเรียบร้อยแล้ว เขาก็พยักหน้าแล้วเก็บขวดใบนั้นลง
ส่วนมืออีกข้างหนึ่งของเขาก็สะบัดขึ้นเล็กน้อย กล่องไม้ขนาดเท่าฝ่ามือก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ทันใดนั้นเขาก็สะบัดมือออกไป
เสียง “ฟิ้ว” ดังขึ้น
กล่องไม้ใบนั้นก็พุ่งไปยังฝ่ายตรงข้าม
ผู้อาวุโสจินเพียงยกมือขึ้นมาข้างหนึ่ง กล่องไม้ใบนั้นก็พุ่งไปหาเขาอย่างมั่นคง จากนั้นเขาก็เปิดปากกล่องขึ้น โอสถสีทองเม็ดหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตาของเขาทันที
ชายชราหรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมดมกลิ่นมันเบาๆ สีหน้าของเขาก็มีความพึงพอใจปรากฏออกมา
“ฮ่าๆ เป็นโอสถวิญญาณแท้จริงๆ ด้วย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็สามารถมอบมันให้กับสหายเก่าผู้นั้นได้แล้ว”
เวลาต่อมา หานลี่และผู้อาวุโสจินของเผ่ามังกร ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก เขาเพียงพูดคุยกันอีกไม่กี่ประโยคตามมารยาท แล้วขอตัวลาทันที
ฝานเผาจือออกมาส่งอีกฝ่ายอย่างทันที
“แม้ในวันที่ข้าเจอสหายหานเป็นครั้งแรก ข้าก็รู้ได้ทันทีว่าท่านไม่ใช่คนแข็งแกร่งธรรมดา แต่คิดไม่ถึงว่าเวลาที่เราไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปี สหายจะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะสามารถฆ่าหนอนเพลี้ยตัวแม่ได้ ซ้ำเซียนที่ลงมาจากแดนเซียนก็ถูกตัดหัวอีกด้วย หึๆ น่าเสียดายที่เรื่องดีๆ เหล่านี้ ผู้น้อยแซ่ฝานคงตามไม่ทันแล้ว” ฝานเผาจือพูดกับหานลี่ด้วยทีเล่นทีจริง พวกเขาทั้งสองอยู่ห่างจากเรือยักษ์สีทองลำนั้นไม่ไกล
“ผู้น้อยแซ่หานก็ทำไปด้วยความบังเอิญ และลงแรงไปอย่างมาก ถึงสามารถทำเรื่องเช่นนั้นออกมาได้ หากให้ต้องทำอีกรอบล่ะก็ข้าคงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา แต่คิดไม่ถึงว่างานชุมนุมที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ก็มีที่มาที่ยาวนาน เทียบเชิญใบนั้นถือว่าข้าได้รับน้ำใจที่ยิ่งใหญ่แล้ว” หลังจากหานลี่ยิ้มออกมา
“ฮ่าๆ! นั่นไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร! ตอนนั้นข้าถูกชะตากับพี่หานอย่างมาก ถึงได้ทำเช่นนั้นออกไป หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ข้าไม่มีทางทำเช่นนี้แน่นอน!” ฝานเผาจือหัวเราะเสียงดังแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่ว่าจะพูดอย่างไร จากงานชุมนุมครั้งนี้ข้าก็ได้รับประโยชน์มาไม่น้อยเลยทีเดียว ต่อให้ไม่ได้รับดอกบัวก่วงหลิง ก็ถือว่าไม่ได้มาเสียเปล่า” สีหน้าของหานลี่จริงจังขึ้น
“อ่า หลังจากนี้ไม่กี่เดือนถึงจะมีการแข่งขันแย่งชิงดอกบัวก่วงหลิง ข้าว่าสหายหานน่าจะมีโอกาสชนะนะ ครั้งนี้มีผู้แข็งแกร่งมาที่เกาะมังกรเป็นจำนวนไม่น้อย แต่คนที่มีความสามารถเทียบเท่ากับสหายนั้นนับว่าน่าจะมีไม่กี่คน อีกทั้ง ข้าได้ยินมาว่าเถียนเฟยเอ๋อร์ก็ยอมรับน้ำใจของท่านไม่น้อยแล้ว ครั้งนี้นางเป็นหนึ่งผู้จัดงานด้วย” หลังจากฝานเผาจือกลอกตาครุ่นคิด เขาก็ถามขึ้นมาด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“อ่ะแฮ่ม…เหมือนเรื่องนี้พี่ฝานจะพูดเกินไปแล้วมั้ง เกาะมังกรมีผู้แข็งแกร่งมากมาย ใครจะพูดว่าตนเองจะสามารถแย่งดอกบัวก่วงหลิงมาให้ได้เล่า ส่วนแม่นางเถียน ผู้น้อยแซ่หานเพียงได้เจอสองครั้งเท่านั้นเอง” หานลี่กระแอมไอเสียงเบา พร้อมตอบกลับอย่างคลุมเครือ
ฝานเผาจือหัวเราะหึๆ หนึ่งครั้ง สีหน้าคล้ายว่าจะไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ อีกทั้งยังเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปด้วย จากนั้นเขาก็ถามถึงหนอนเพลี้ยตัวแม่และหม่าเหลียง เซียนผู้นั้น อย่างสนใจ
ฝานเผาจือก็ฟังอย่างตั้งใจ
ครึ่งชั่วยามต่อมา ฝานเผาจือก็กลับไปยังเรือยักษ์ลำสีทองเพียงคนเดียว ส่วนหานลี่ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
…
ครึ่งเดือนต่อมา ภายในถ้ำลึกลับแห่งหนึ่ง หานลี่ได้หยิบม้วนคัมภีร์สีขาวเล่มหนึ่งวางไว้ตรงที่หน้าผาก สายตาสั่นระริกอย่างต่อเนื่อง
เฟิงเยว่เจินจวิน ขึ้นระดับมหาเมธีในปีที่ห้าหมื่นปี เป็นคนแดนเหยียนโตว เขาเชี่ยวชาญเรื่องวิชาเขตอาคมห้าทมิฬ…
เทียนเชวี่ยจื่อ ขึ้นระดับมหาเมธีในปีที่สามหมื่นปี เป็นคนแดนเสวียนเว่ย วิธีที่ถนัด พิษสามสิบหกชนิด สามารถฆ่าคนที่อยู่ในระดับเดียวกันได้โดยปราณไร้รูปร่าง และไม่ให้ศัตรูเข้าใกล้ประชิดตัวในระยะร้อยจั้ง…
ปัวเหร่อซั่นเหริน ขึ้นระดับมหาเมธีในปีที่หกหมื่น เป็นคนแดนหลิงหลัว ฝึกวิชาสามมหาพลานุภาพ สำเร็จวิชาอรหันต์ร่างทอง เคยฆ่ามหาเมธีฝ่ายมารสามคนในวันเดียวและด้วยตัวคนเดียว…
นี่คือข้อมูลที่หานลี่ได้รับ…ผ่านตา แต่ใบหน้าของเขายังไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาเลย
…
สามเดือนต่อมา เผ่ามังกรก็ได้จัดงานเปิดอย่างเป็นทางการ มิติตรงกลางอากาศก็มีเขตต้องห้ามขนาดใหญ่เกิดขึ้น งานแข่งขันแย่งดอกบัวก่วงหลิงได้เริ่มขึ้นแล้ว
ท่ามกลางหมู่พฤกษาที่สูงตระหง่าน หานลี่บินไปด้านหน้าอย่างช้าๆ โดยที่เท้าห่างจากพื้นดินเพียงสามชุนเท่านั้น
ทันใดนั้นเองต้นไม้ที่อยู่รอบๆ ก็เกิดกลายเป็นภาพพร่าเบลอ จากนั้นก็คาดไม่ถึงว่าพวกมันจะกลายเป็นคนยักษ์ที่ดุร้าย และมีขนาดหลายร้อยจั้ง พวกเขาเริ่มหายใจไม่ออก สายฟ้าสีเขียวมรกตนับสิบกำลังฝ่าลงอย่างบ้าคลั่ง
เสียงระเบิดก็ดังขึ้นตามๆ กัน
ทันใดนั้นที่หมัดของคนยักษ์เหล่านั้นก็มีแสงแสบตาปรากฏออกมา พริบตาเดียวเหมือนว่าความว่างเปล่าทั้งหมดกำลังถูกบดขยี้
“มาพอดีเลย”
เมื่อหานลี่เห็นดังนั้น เขาก็ไม่ได้มีสีหน้าตกใจ แต่กลับหัวเราะเย็นๆ แล้วยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมา
“ตู้ม” เสียงหนึ่งดังขึ้น
ก่อนอื่นเลยมีปราณกระบี่จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาจากด้านล่าง เงาหมัดและสายฟ้าเหล่านั้นก็หายไปทันที หลังจากที่แสงสีทองสว่างจ้า เงาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกรก็ปรากฏขึ้น แขนทั้งหกหมุนไปมาราวกับกงล้อของรถ ทันใดนั้นเองก็มีรัศมีสีทองสาดออกมา เงาหมัดทั้งหมดหายไปในทันที
“ตู้ม”
ทันใดนั้นเองเสียงที่ก็น่าตกใจก็ดังขึ้นมาจากต้นไม้ใหญ่บางต้นที่อยู่ห่างออกไปหลายลี้ หลังจากที่ดวงตาทั้งหกกวาดมองไปรอบๆ แล้ว ทันใดนั้นหัวตรงกลางก็อ้าปาก พร้อมพ่นลูกบอลแสงหมึกสีเขียวออกมา ด้านในนั้นมีขวดสีเขียวอยู่