บทที่ 1739 เป็นประสงค์ของสายลับ

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้กล่าวด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ขอเพียงฝั่งอ๋องสวรรค์ฮ่าวให้ราคาเหมาะสม ถ้าข้าได้กำไรข้าก็ไม่ห้ามไม่ให้เจ้าไปหรอก”

ทำอย่างกับพวกเราเป็นของซื้อของขายอย่างนั้นแหละ ชิงเยว่อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่เขา “นายท่านไม่จำเป็นต้องทดสอบข้าหรอก หลักการก็เหมือนกับหลงซิ่น ตั้งแต่วินาทีที่ทรยศทัพใต้มาขอพึ่งพาจวนแม่ทัพภาค ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกลับทัพใต้อีก ซูอวิ้นรับประกันไม่ได้ว่าคนอื่นจะไม่เล่นงานข้าถึงตาย ก็อย่างที่หลงซิ่นบอก ถ้าทรยศแล้วกลับไปยังอยู่ดีมีสุข พวกเขาก็ไม่ปล่อยให้พวกเราเงยหน้าอ้าปากง่ายๆ หรอก”

“จะทรยศหรือไม่ก็อธิบายได้ง่ายมาก พวกเขาก็อ้างได้ว่าพวกเจ้าได้รับคำสั่งทำให้มาทำงาน” เหมียวอี้กล่าว

ชิงเยว่หันตัวมา แล้วเตือนอย่างจริงจัง “นายท่านพลิกเมฆคว่ำฝนที่งานเลี้ยงจนเกิดการเดิมพัน เป็นคนฉลาด อย่าบอกนะว่ามองจุดประสงค์ของพวกเขาไม่ออก? ถ้าดึงตัวพวกเรากลับไปได้ก็ถือว่าได้กู้หน้ากลับคืน แต่ถ้าดึงกลับไม่ได้ การกระทำนี้ก็สามารถทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรากับนายท่านห่างเหินกัน พวกเขากำลังยิงธนูดอกเดียวได้สองนัก เจตนาทำให้พวกเราเข้ากันไม่ได้ หวังว่าจะยืมมือนายท่านมาข่มเหงพวกเราไง ทำให้พวกเราประสบความสำเร็จอยู่ที่นี่ไม่ได้ หลังจากขัดแย้งกันรุนแรงแล้ว ก็ทำให้พวกเราก่อเรื่องที่ไม่เป็นผลดีต่อนายท่านได้อีก ข้าพูดเท่านี้นแหละ หวังว่านายท่านจะฟังเข้าใจ ถ้านายท่านคาใจ บอกมาตรงๆ เลยก็ได้ พวกเราไปซะก็สิ้นเรื่อง”

เหมียวอี้กล่าวปนหัวเราะ “แค่ล้อเล่นกับพวกเจ้าเอง ทำไมต้องคิดเป็นจริงเป็นจัง ข้าจะมองเจตนาของพวกเขาไม่ออกได้ยังไง เห็นได้ชัดว่าถ้าข้าไม่ตอบตกลง พวกเจ้าก็ไปไม่ได้ พวกเขาไม่มาหาข้า แต่กลับไปหาพวกเจา ชัดเจนว่าเจตนาไม่ซื่อ”

หลงซิ่นเหล่ตาถาม “จะพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกเหมือนกัน คนฝั่งอ๋องสวรรค์ก่วงบอกมา บอกว่าลูกสาวอ๋องสวรรค์ก่วงที่ชื่อก่วงเม่ยเอ๋อร์เป็นสหายนายท่าน ขอเพียงข้าตอบตกลง ทางนั้นก็จะให้ก่วงเม่ยเอ๋อร์มาคุยกับนายท่านด้วยตัวเอง ไม่ทราบว่ามีเรื่องแบบนี้จริงมั้ย?”

“ก่วงเม่ยเอ๋อร์…” เหมียวอี้อึ้งทันที ชั่วพริบตาเดียวก็นึกถึงผู้หญิงที่ทำให้คนใจเต้นแรง ช่างเป็นหญิงงามช่างยั่วเหมือนกับชื่อของนาง ท่วงท่าชดช้อยเป็นธรรมชาติอย่างที่พบเห็นได้ยาก นึกถึงภาพที่ตัวเองลูบคลำบนเรือนร่างเย้ายวนของผู้หญิงช่างยั่วคนนั้น รสสัมผัสมือควรค่าแก่การหวนนึกถึง บนมือราวกับยังติดกลิ่นหอม…

ไม่นานก็ใกล้จะครบเวลาจำกัดหนึ่งปี ตงฟางเลี่ยมีมาตรวจสอบเป็นระยะในระหว่างนั้นโล่งอกแล้ว ความเร็วที่เพิ่มขึ้นของกำลังพลประจำการที่นี่ก็พิสูจน์แล้วว่าการเกิมพันไม่มีปัญหาเลย เพื่อที่จะป้องกันเหตุไม่คาดคิด เขาย้ายทัพใหญ่อีกกลุ่มมารักษาความปลอดภัยที่นี่

และในระหว่างนั้น ต่อให้ขอบเขตการรับสมัครจะกำหนดไว้แล้ว แต่การสัมภาษณ์เข้าจวนแม่ทัพภาคตลาดผีกลับยังไม่หยุด ประการแรกก็เพื่อปิดบังการตรวจสอบอย่างลับๆ ประการต่อมาก็เพราะอยากได้รายชื่อมากๆ หน่อย ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะได้ใช้ประโยชน์ นี่คือความคิดของหยางชิ่ง เหมือนหยางชิ่งจะมีแผนการอีกอย่าง เพียงแต่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ยังไม่ได้บอกเหตุผลโดยละเอียดกับเหมียวอี้

จนกระทั่งเวลาการเดิมพันใกล้จะสิ้นสุด กำลังพลหนึ่งแสนครบแล้ว จวนแม่ทัพภาคตลาดผีถึงได้ประกาศหยุดสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ สุดท้ายก็ทำให้กระแสผู้คนที่เบียดแน่นที่ตลาดผีเริ่มกลับสู่สภาพปกติ ส่วนจะมีคนเท่าไรที่ผิดหวังกลับไป เหมียวอี้ก็ไม่มีกำลังจะช่วยแล้วเช่นกัน

ส่วนโครงสร้างสมาชิก เหมียวอี้เก็บเป็นความลับตลอด นี่ก็เป็นความคิดของหยางชิ่งเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ข่าวหลุดเร็วเกินไปจนเกิดอุปสรรคอะไรอีก

ทว่าวันนี้ จู่ๆ เหมียวอี้ก็ได้รับข่าวจากหยางชิ่ง บอกให้เขาแอบรายงานรายชื่อสมาชิกให้ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่รู้ก่อน

เหมียวอี้แปลกใจ ถามกลับว่า : เจ้าบอกให้เก็บเป็นความลับไม่ใช่เหรอ?

หยางชิ่ง : นี่เป็นประสงค์ของสายลับหกลัทธิที่อยู่ตำหนักสวรรค์ ต้องเก็บเป็นคามลับจริงๆ แต่ต้องแอบให้ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่รู้ด้วย ต้องเก็บเป็นความลับ อย่าให้คนอื่นของตำหนักนารีสวรรค์รู้ ให้ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่รู้คนเดียวเท่านั้น!

สำหรับเหมียวอี้ นี่ไม่นับว่าเป็นปัญหาอะไร ครั้งก่อนตอนอยู่สวนกลางเขียวขจี เขาก็แอบได้รับระฆังดาราสำหรับติดต่อราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่แล้ว เขาไม่รู้ว่าเหตุใดราชินีสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผยถึงต้องแอบติดต่อกับเขาโดยตรง อีกทั้งเทพธิดาที่แอบมาติดต่อให้ก็กำชับเขาว่าห้ามบอกใคร เรื่องนี้นอกจากเขากับอวิ๋นจือชิวก็ไม่มีคนอื่นรู้แล้วจริงๆ

ตอนนี้เหมียวอี้ระแวงสงสัยไม่หยุด : สายลับนั่นมีจุดประสงค์อะไร?

หยางชิ่ง : ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขามีจุดประสงค์อะไร แต่ในเมื่อสายลับนั่นเตรียมการอย่างนี้แล้ว ก็น่าจะมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย คาดว่านายท่านน่าจะมีข้อมูลอยู่ในใจแล้ว

ความหมายแฝงในคำพูดทำให้เหมียวอี้ตกอยู่ในความเงียบ

“ได้ทหารเกรียงไกรหนึ่งแสนครบแล้ว นี่คือรายชื่ออย่างเป็นทางการ หวังว่าตอนนายท่านตงฟางกลับวังสวรรค์ จะช่วยรายงานต่อตำหนักสวรรค์แทนข้าด้วย”

ในจวนแม่ทัพภาค หลังจากเตรียมเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแลว เหมียวอี้ก็ไปหาตงฟางเลี่ยด้วยตัวเอง นำแผ่นหยกรายชื่อส่งให้ตงฟางเลี่ย มีสองฉบับเพื่อป้องกันความผิดพลาด

“อืม ข้าย่อมส่งไปให้อยู่แล้ว” ตงฟางเลี่ยรับมาไว้ในมือ หลังจากอ่านดูครู่หนึ่งเพื่อยืนยันว่าคือรายชื่อแล้วก็เก็บไว้ จากนั้นทำหนังสือส่งต่องานสองฉบับ ทั้งสองนับว่าปิดงานของกันและกันแล้ว

หลังจากเหมียวอี้ออกไป เขาก็นำแผ่นหยกรายชื่อขึ้นมาอ่านอีก ตอนอ่านไม่ละเอียดก็ยังไม่รู้ แต่พอได้อ่านแล้วก็ตกใจทันที ชื่อของชิงเยว่กับหลงซิ่นที่อยู่อันดับต้นก็ไม่ต้องแปลกใจ ที่สำคัญคือยี่สิบแปดคนข้างหลังนี่สิ มีนักพรตบงกชกลายยี่สิบแปดคนเลยเหรอ?

ยังนึกว่าตัวเองมองผิดไป เมื่ออ่านชื่อและวรยุทธ์ซ้ำไปซ้ำมา ก็พบว่ายังมีอีกหลายรายชื่อที่เขารู้จัก น่าจะไม่ผิดพลาด นอกจากชิงเยว่กับหลงซิ่น ไม่น่าเชื่อว่ายังมีนักพรตบงกชกลายอีกยี่สิบแปดคน เรียกได้ว่าเหมือนเจอผีที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผี เพรามียอดฝีมือระดับพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพสามสิบคน

ความรู้สึกตกตะลึงที่เกิดจากสามสิบรายชื่อนี้ยังไม่ทันหายไป พอไล่อ่านลงมาเรื่อยๆ สีหน้าเขาก็ดูร้อนใจเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง ยิ่งมองตาก็ยิ่งเบิกกว้าง หลังจากอ่านจบแล้วตาก็ค้างอยู่นานกว่าจะหาย พูดไม่ออกอยู่นานมาก

กำลังพลหนึ่งแสน เขาหานักพรตระดับบงกชทองไม่เจอสักคน ทั้งหมดมีวรยุทธ์ระดับบงกชรุ้งขึ้นไป แม้แต่บงกชรุ้งขั้นสองก็ยังไม่เห็นสักคน วรยุทธ์ต่ำสุดก็คือบงกชรุ้งขั้นสาม โฉมหน้าของกำลังพลกลุ่มนี้เรียกได้ว่าทำให้เขาตกตะลึงไม่เบา กำลังพลของจวนแม่ทัพภาคอย่างนี้ ตั้งแต่ก่อตั้งตำหนักสวรรค์ขึ้นมาก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก

เขาแน่ใจได้ว่าฝ่าบาทชนะแล้ว ถ้าใครกล้าบอกว่ากำลังพลหนึ่งแสนนี้ไม่ใช่ทหารเกรียงไกรของสี่ทัพ ก็แสดงว่าสมองมีปัญหาแล้ว แต่เขากำลังคิดว่า หากโฉมหน้ากองทัพของจวนแม่ทัพภาคตลาดผีประกาศอย่างเป็นทางการ เกรงว่าคงจะสะเทือนใต้หล้าอีกครั้ง!

สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ เดิมทียอดฝีมือบงกชกลายที่มาสมัครมีเกือบสี่สิบคน แค่เหมียวอี้แอบตรวจสอบมาแล้ว จึงมีบางคนที่เขาไม่อยากรับ ทำไมถึงไม่อยากรับน่ะเหรอ? ก็เพราะคนพวกนั้นมีสถานการณ์ไม่เหมือนชิงเยว่กับหลงซิ่น แต่กระทำความผิดชั่วช้าร้ายแรงจริงๆ ยกตัวอย่างเช่นคดีชิงตัวข่มขืน เป็นผู้ประพฤติไม่ถูกต้องจึงถูกสี่ทัพลงโทษตามกฎทหารอย่างจริงจัง คนพวกนี้ถูกเหมียวอี้ตัดออกไว้ข้างนอกทั้งหมด ไม่ต้องการเลยสักคน ส่วนจะมีการถูกกลั่นแกล้งอย่างอื่นหรือไม่นั้น นี่ไม่ใช่สิ่งที่เหมียวอี้ต้องพิจารณา เขาเองก็ไม่มีเวลาและกำลังคนมากพอที่จะไปตรวจสอบอย่างละเอียด ยอมขาดแคลนดีกว่ามีของด้อยคุณภาพ

ในบรรดานักพรตบงกชรุ้งที่เขาตรวจสอบ ก็มีไม่น้อยเช่นกันที่อยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ ซึ่งเขาตัดออกไปแล้วนับหมื่นคน ต่อให้เป็นนักพรตระดับบงกชรุ้งที่ขั้นค่อนข้างสูงก็ตาม เขาตัดออกพร้อมกันเลย

ยังไม่ได้ออกเดินทางทันที เรื่องแรกที่ตงฟางเลี่ยทำก็คือรายงานชื่อพวกนี้ไปที่วังสวรรค์ ทางวังสวรรค์ตอบกลับเร็วมาก ให้เขานำรายชื่อฉบับจริงกลับมาให้เร็วที่สุด

กองทัพองครักษ์ยังไม่ถอนกำลังออกไปทั้งหมด ตงฟางเลี่ยยังเหลือยอดฝีมือจำนวนมากไว้คุ้มกัน ถ้าผลการเดิมพันยังไม่ออกอย่างเป็นทางการ กองทัพองครักษ์ก็จะยังไม่ออกไปอย่างเป็นทางการเช่นกัน เขารีบออกไปจากที่นี่โดยมีผู้ติดตามส่วนน้อยเท่านั้น

เขามาถึงวังสวรรค์อย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้ไปตำหนักสวรรค์ นำรายชื่อไปให้ซ่างกวนชิงก่อน

ในตำหนักดาราจักร หลังจากประมุขชิงที่นั่งหลังโต๊ะยาวรับรายชื่อมาอ่านแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้ม “ขนาดปลาเค็มยังกลับมามีชีวิตได้ เจ้าลูกลิงนั่นกำลังจะเป็นโล้เป็นพายแล้ว ไม่รู้ว่าถ้าตาแก่สี่คนนั่นเห็นรายชื่อแล้วจะรู้สึกยังไง?” แผ่นหยกถูกโยนไปที่ซ่างกวนชิง “ส่งไปที่ตำหนักสวรรค์เถอะ”

“จะให้เขาเป็นหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลจริงหรือขอรับ?” ซ่างกวนชิงรับแผ่นหยกมาอ่านพร้อมเอ่ยถาม

ประมุขชิงเหล่ตามองอย่างเย็นเยียบ “เจ้าลูกลิงนั่นมีค่าพอที่จะให้ข้ากลับคำพูดตัวเองเหรอ? ความทะเยอทะยานของคนล้วนเพิ่มขึ้นตามศักยภาพ ได้ทหารเกรียงไกรไว้ในมือแล้ว ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะทนอยู่ในสถานที่นั้นโดยไม่ขยายออกข้างนอกได้ ต่อให้เขาอดทนได้ แต่คนใต้บังคับบัญชาเขาจะทนได้เหรอ? เมื่อเวลานานไปจะต้องเกิดเรื่องแน่นอน ถึงยังไงเจ้าเด็กนั่นก็อยู่ไม่สุขอยู่แล้ว ข้าอยากจะเห็นว่าเขาจะแปรพักตร์ใส่ใครก่อน รอดูละครสนุกๆ ไปเถอะ”

“ต้องแบ่งกำลังพลกลุ่มนั้นออกจากตำหนักสวรรค์หรือไม่ขอรับ?” ซ่างกวนชิงถามอีก

ประมุขชิงหลับตาช้าๆ “ไม่กี่วันมานี้เฉิงอวี่แอ่นท้องมาขอร้องให้ข้าย้ายอำนาจปกครองของแดนรัตติกาลไว้ใต้รายชื่อตำหนักนารีสวรรค์อย่างเป็นทางการ แต่ไม่ใช่นำมารวมตอนนี้ ดูท่านางคงจะรู้ถึงน้ำหนักรายชื่อพวกนั้นล่วงหน้าก่อนแล้ว หึหึ นางคงปิดบังเรื่องนี้กับทางตระกูลเซี่ยโห้ว ทางตระกูลเซี่ยโห้วยังไม่รู้เรื่องราวเบื้องลึก ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้นางกระโดดออกมาเกี่ยวข้องกับเรื่องประเภทนี้หรอก ผู้หญิงนะผู้หญิง มีหัวใจที่กระเหี้ยนกระหือรือ เห็นแก่ไมตรีที่นางอุ้มท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของข้า ข้าจะมอบกำลังพลกลุ่มหนึ่งเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของนางก็แล้วกัน วันหลังข้าค่อยถ่ายทอดคำสั่งให้เป็นทางการ! ไปเถอะ ไปบอกความประสงค์ของข้าให้นางรู้ อย่าให้คนอื่นรู้ ให้นางรู้คนเดียวก็พอ”

“ขอรับ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับแล้วจากไป เมื่อออกจากตำหนักดาราจักรแล้วก็ให้ตงฟางเลี่ยที่รอฟังคำสั่งถอยไปได้ ตัวเองจะนำรายชื่อไปส่งให้ตำหนักนารีสวรรค์ด้วยตัวเอง

ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ได้รับรายงานลับจากเหมียวอี้ล่วงหน้าแล้ว รู้ถึงโฉมหน้าอันเข้มแข็งของทัพเกรียงไกรหนึ่งแสนนี้แล้ว หลังจากยืนยันรายชื่อทางการแล้วว่าไม่ผิดพลาด กอปรกับซ่างกวนชิงถ่ายทอดเสียงบอก ว่าในการประชุมราชสำนักครั้งหน้า ฝ่าบาทจะประกาศดึงเขตแดนรัตติกาลไปให้ตำหนักนารีสวรรค์อย่างเป็นทางหาร นางดีใจราวกับดอกไม้เบ่งบานจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นตลาดสวรรค์หรือไม่ใช่ตลาดสวรรค์ อำนาจท้องถิ่นแต่ละฝ่ายล้วนเข้ามาเกี่ยวข้อง นางไม่มีอำนาจที่จะเข้าประชุมในราชสำนักเลย แล้วตระกูลเซี่ยโห้วก็ไม่ช่วยพูดให้นางด้วย จนสุดท้ายตลาดสวรรค์ก็อยู่ใต้สังกัดของนางเพียงในนามเท่านั้นเอง ทำเอานางดีใจไปเสียเปล่าๆ ถ้านางกล้าแทรกแซงตลาดสวรรค์ เบื้องล่างก็มีวิธีการทำให้ทุกความประสงค์ของนางกลายเป็นการตัดสินใจที่โง่เขลาอยู่แล้ว จะทำให้นางหาทางลงไม่ได้ทั้งนั้น นี่ก็คือจุดจบของการที่ไม่มีคนเป็นของตัวเอง อย่างไรเสียคนที่ปฏิบัติก็เป็นกำลังพลระดับล่างทั้งนั้น

และในตอนนี้ นางกำลังจะมีกำลังพลเป็นของตัวเองอย่างแท้จริง แม้จะเป็นทัพหนึ่งแสนของจวนแม่ทัพภาค แต่กำลังพลกลุ่มนี้ก็มีจุดเริ่มต้นที่สูงมาก! ถ้าถึงเวลาที่เหมาะสมเมื่อไร ก็จะยอดเยี่ยมมาก! และคนที่บัญชาการกำลังพลกลุ่มนี้ก็ยังเป็นคนที่แม้แต่อ๋องสวรรค์ยังแย่งตัวกัน ไม่ต้องสงสัยในฝีมือบัญชาการทัพทำศึกของหนิวโหย่วเต๋อเลย ตอนอยู่ในงานเลี้ยงเผชิญกับขุนนางมากมายขนาดนั้นยังพลิกเมฆคว่ำฝนได้ เรื่องสมองก็ไม่ต้องสงสัยเช่นกัน

กำลังพลที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง ประกอบกับแม่ทัพที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง เมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึง…แค่ลองคิดดู เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ตื่นเต้นแทบแย่แล้ว

การมีกำลังพลของตัวเองหมายความว่าอะไรล่ะ? หมายความว่านอกวังมีคนฟังคำสั่งนาง มีคนไปทำงานให้นางได้ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็จะถูกควบคุมโดยตระกูลเซี่ยโห้วกับวังสวรรค์ทั้งหมด ราชินีสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผยอย่างนาง แม้แต่จะทำเรื่องอะไรนิดหน่อยข้างนอกก็ยังต้องรอให้คนอนุญาต ถ้าเป็นอย่างนี้นานไป รสชาติการเป็นหุ่นเชิดนี้คือสิ่งที่คนนอกจินตนาการได้ยาก แต่นางก็ไม่มีทางเลือกแล้ว

ถ้าถามว่านางแค้นใครในโลกนี้มากที่สุด ตระกูลเซี่ยโห้วไง!

…………………………