ตอนนี้มันมิใช่แค่ชายหนุ่มผมแดงคนนั้น แต่ทุกผู้คนในที่นี้ต่างมองดูเย่หยวนอย่างตกตะลึง
พลังสายเลือดของอสูรนั้นมันถูกสร้างขึ้นได้ แน่นอนว่ามันไม่แปลกใด ๆ ที่มนุษย์จะมีพลังของสายเลือดเผ่าอสูร
แต่ไม่ว่ามันจะถูกสร้างขึ้นอย่างไร มันก็ย่อมจะไม่เหนือล้ำไปกว่าสายเลือดแท้
แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับใช้สายเลือดกิเลนออกมาอย่างเหนือล้ำกว่าอีกฝ่าย มีหรือที่พวกเขาจะไม่ตื่นตะลึง?
เย่หยวนยิ้มตอบกลับมา “แข็งแกร่งกว่าเจ้าแล้วมันแปลกมากหรือ?”
ที่ด้านข้างนั้นลุงโหยวจึงได้หัวเราะร้องขึ้น “หึ! ขโมยสายเลือดกิเลนเรา สมควรตายหมื่นชาติ! ฉีหยุน อย่าได้ออมมืออีก สังหารมัน!”
ฉีหยุนจึงพยักหน้าตอบกลับด้วยท่าทางหนักแน่น “ไม่นึกเลยว่าเดินทางออกมาครั้งนี้ข้าจะได้พบเจอคนที่ไม่กลัวตายเช่นนี้ ถึงกับกล้าขโมยพลังสายเลือดกิเลนเรา ช่างเถอะ หากเป็นเช่นนั้นข้าก็จะส่งเจ้าลงนรกให้เอง!”
พูดจบทางฉีหยุนก็ได้ประกบสองมือเข้าด้วยกันก่อนจะส่งประกายไฟขึ้นฟ้า
นั่นมันทำให้เกิดคลื่นพลังลึกลับสะท้านฟ้าดินทันที
ที่ด้านหลังฉีหยุนในเวลานี้มันเกิดร่างยักษ์ใหญ่ของสัตว์อสูรขึ้น
ร่างอสูรยักษ์ใหญ่นั้นค่อย ๆ อ้าปากกว้างราวกับว่ามันกำลังจะกลืนกินฟ้าดินลงไป
และแน่นอนว่าร่างอสูรนี้มันย่อมจะเป็นเงาร่างสัตว์เทวะของกิเลน
“นี่มัน…นี่มันทักษะเทวะภายในของเผ่ากิเลน กิเลนฟ้ากลืนมิติ!”
“ว่ากันว่าเมื่อมันถูกปล่อยออกมาแม้แต่มิติก็ยังจะถูกกลืนกิน! มันมีพลังที่ไม่อาจคาดเดาได้!”
“การที่จะสามารถใช้กิเลนฟ้ากลืนมิติออกมาได้เช่นนี้ เจ้าหนุ่มผมแดงคนนี้เองก็คงมีศักดิ์ในเผ่ากิเลนไม่น้อยแน่ ๆ!”
…
เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอันน่าหวาดกลัวของกิเลนฟ้ากลืนมิติคนทั้งหลายก็ต้องร่ำร้องขึ้นมาตาม ๆ กัน
แม้ว่าเผ่าอสูรอย่างเผ่ากิเลนนั้นจะเก็บตัวไม่ออกสู่โลกภายนอกมากมายแต่ตำนานของพวกเขามันก็ยังคงถือเล่าลือไปทั่วหล้า
และเจ้ากิเลนฟ้ากลืนมิตินี่เองที่เป็นวิชาในตำนานของเผ่ากิเลน
หลังจากที่เผ่าอสูรบ่มเพาะไปได้จนถึงระดับหนึ่งแล้วพวกเขาก็อาจจะปลุกทักษะเทวะภายในของเผ่าตนออกมาได้
เพียงแค่ว่ากับสัตว์เทวะในตำนานอย่างกิเลนแล้ว ทักษะเทวะภายในมันย่อมจะเป็นสิ่งที่รุนแรงเหนือล้ำ
ในด้านของพลังฝีมือ ฉีหยุนคนนี้อาจจะเก่งกาจไม่เท่าเฟิงเทียนหยาง แต่เมื่อใช้กิเลนฟ้ากลืนมิตินี้ออกมามันก็ย่อมจะเหนือล้ำกว่าเฟิงเทียนหยางไปได้มาก
การปลุกทักษะเทวะภายในนี้ขึ้นมามันย่อมจะไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับแนวคิด เพราะมันเกี่ยวข้องกับยอดเต๋าโดยตรง
หรือก็คือมันเป็นพลังจากสวรรค์อย่างแท้จริง!
และพลังเช่นนี้เองที่ทำให้เผ่าอสูรยังคงยืนหยัดไม่พ่ายแพ้ให้แก่มนุษย์
เมื่อได้เห็นกิเลนฟ้ากลืนมิตินี้ผู้คนทั้งหลายก็ย่อมจะหันไปมองเย่หยวนด้วยสายตาสงสาร
พวกเขารู้ว่าการใช้พลังสายเลือดออกมามันกลับกลายเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงของเย่หยวนแล้ว
ฉีหยุนมองดูลงมาจากท้องฟ้าสูง มองดูเย่หยวนด้วยสายตาดูถูกเต็มที่ “ต่อให้จะขโมยเลือดกิเลนไปแล้วทำไมเล่า? มีหรือที่เผ่ากิเลนเราจะอ่อนแอจนเจ้าเลียนแบบได้? เมื่อใดก็ตามที่กิเลนฟ้ากลืนมิตินี้ถูกปล่อยออกไป ต่อให้เป็นห้วงมิติก็คงไม่อาจหลบหนีไปพ้น เจ้า…ไปตายอย่างสบายใจเสียเถอะ!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับมา “กิเลนฟ้ากลืนมิติหรือ? โชคดีจริง ๆ ที่ข้าเองก็เพิ่มปลุกมันขึ้นมาได้”
“เจ้า? กิเลนฟ้ากลืนมิติ? ฮ่า ๆ ๆ… หา?”
เมื่อฉีหยุนได้ยินคำของเย่หยวนแน่นอนว่าเขาย่อมจะหัวเราะเย้ย แต่ยังหัวเราะได้ไม่ถึงสามคำเขาก็ต้องเงียบปากลงทันที
เพราะในเวลานี้ทางด้านเย่หยวนก็ได้ปล่อยคลื่นพลังลึกลับออกมาเช่นกัน!
และคลื่นพลังนี้มันกลับเหมือนพลังของเขาไม่มีผิด!
กิเลนฟ้ากลืนมิติ!
ที่ด้านหลังเย่หยวนมันได้เกิดเงาร่างของกิเลนยักษ์ขึ้นมาเหมือนกับตัวเขา
กิเลนทั้งสองอ้าปากจ้องหน้ากันอย่างไม่มีฝ่ายไหนคิดยอม
นั่นทำให้ผู้คนทั้งหลายต้องอ้าปากค้างไม่มีใครกล้าพูดกว่า ได้แต่มองดูเงาร่างของกิเลนยักษ์ทั้งสองบนท้องฟ้า
ลุงโหยวคนนั้นกล่าวขึ้นด้วยความตื่นตะลึงเต็มใบหน้า “เป็นไปได้อย่างไร!? เจ้ามนุษย์คนนี้กลับมีสายเลือดกิเลนที่หนักแน่นจนปลุกทักษะเทวะภายในขึ้นมาได้?”
เย่หยวนชี้นิ้วออกมาพร้อมกล่าวขึ้น “กิเลนฟ้ากลืนมิติ กลืนกินมันเสีย!”
ฉีหยุนที่ได้ยินก็กัดฟันแน่นขึ้นมาตาม “เจ้ามีกิเลนฟ้ากลืนมิติแล้วจะทำไม? ไปสังหารมัน!”
ตูม!
กิเลนทั้งสองเข้าปะทะกับอย่างบ้าคลั่งบนท้องฟ้า
ตอนนี้ท้องฟ้าของเมืองมันค่อย ๆ มืดดับลงเพราะพลังงานมากมายมหาศาลที่ถูกกลืนกินลงไป จนในที่สุดร่างของพวกเย่หยวนทั้งสองคนมันก็ได้ถูกความมืดมิดนั้นกลืนกินไปสิ้น
ในพริบตาเดียวคลื่นพลังมหาศาลนั้นมันก็ได้พุ่งทะยานไปทั่วทั้งเมืองจนทำให้ยอดฝีมือทั้งหลายตื่นตระหนก
“นี่มันทักษะเทวะภายในของเผ่ากิเลน? แข็งแกร่งสมชื่อจริง ๆ!”
“ต่อให้จะเป็นการปะทะของระดับหกขั้นสุดมันก็คงไม่น่าจะรุนแรงได้ปานนี้ใช่ไหม? พลังนี้มันจะน่าเกรงกลัวเกินไปแล้ว!”
“เพียงแค่ว่าฝ่ายไหนจะชนะกัน? ข้าเดาไม่ออกจริง ๆ!”
…
เมื่อเหล่านักยุทธทั้งหลายได้เห็นเหตุการณ์พวกเขาก็ย่อมจะวิเคราะห์พูดกันไปต่าง ๆ นา ๆ จนในที่สุดมันก็มีเงาร่างหนึ่งร่วงลงมาจากท้องฟ้าจนทำให้ลุงโหยวหน้าถอดสี
เพราะคนที่ร่วงลงมานั้นมันคือฉีหยุน
สภาพของฉีหยุนเวลานี้ได้หมดสติลงพร้อมบาดแผลทั่วร่าง ราวกับว่าเขานั้นถูกอะไรบดขยี้มา
ดูแค่นี้มันก็รู้ได้ทันทีว่าแผลของเขานั้นสาหัสเอาการ
หลังจากนั้นมันก็ได้มีเงาร่างหนึ่งเดินออกมาตามอย่างสง่างาม แน่นอนว่าย่อมจะเป็นเย่หยวน
เมื่อได้เห็นเช่นนั้นเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างก็ได้แต่ต้องเบิกตากว้าง
มันเป็นเรื่องอะไรกัน?
กิเลนฟ้ากลืนมิติปลอมนั้นกลับเอาชนะกิเลนฟ้ากลืนมิติจริงลงได้?
เจ้ามนุษย์คนนี้มันจะแข็งแกร่งอะไรปานนั้น?
ลุงโหยวคนนั้นจึงได้ร้องขึ้นอย่างดุดัน “เด็กน้อย เจ้ากล้าทำร้ายฉีหยุน เจ้าตายแน่!”
เย่หยวนจึงหันไปมองที่ชายคนนั้นพร้อมหัวเราะเย้ย “ข้าก็บอกไปแล้วว่าจะสั่งสอนมันแทนพอแม่ผู้ใหญ่ในบ้านให้ สมบัติธรรมชาตินั้นมันเป็นสิ่งที่ใครมีชะตาก็ได้มันไป เรื่องนี้มันเป็นสิ่งปกติใจมหาพิภพถงเทียน ข้านั้นผ่านความยากลำบากมากมายจนเกือบตายกว่าจะได้สมบัติกิเลนชิ้นนี้มา แต่เจ้ากลับจะเอามันไปเพราะพูดคำเดียวนั้น? ทั้งยังจะให้ข้าขอโทษยอมรับผิด? มันใช้ตรรกะประเภทใดกัน?”
ลุงโหยวนั้นตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “เผ่ากิเลนข้านี่แหละคือตรรกะ เทพสวรรค์ผู้นี้จะส่งเจ้าลงนรกเอง!”
พูดจบลุงโหยวคนนั้นก็พุ่งกายออกมาพร้อมหมัดหนักหน่วง
แต่แน่นอนว่ากู้หงย่อมจะไม่ปล่อยให้เรื่องราวเกิดขึ้นตามที่เขาต้องการและพุ่งตัวเข้าไปขวางหมัดนั้นทันที
กู้หงนั้นมีพลังบ่มเพาะที่เหนือกว่าทางลุงโหยวคนนี้ เพียงแค่ว่าพลังของเผ่ากิเลนนั้นมันทำให้ลุงโหยวคนนี้มีฝีมือไม่ได้ด้อยไปกว่าทางกู้หงเลย
ลุงโหยวร้องออกมาด้วยใบหน้าเคียดแค้น “เด็กน้อย หากวันนี้เจ้าไม่ชดใช้มาก็อย่าหวังว่าจะไปไหนได้เลย!”
เย่หยวนจึงได้ตอบกลับไป “ด้วยแค่เจ้านี้?”
ในเวลานั้นเองมันก็ได้ปรากฏเงาร่างอีกเงาหนึ่งขึ้นบนท้องฟ้าหันมามองดูเย่หยวนพร้อมกล่าว “มันทำไม่ได้ แล้วข้าเล่า?”
คนที่ออกมานี้เป็นชายแก่มีคลื่นพลังหนักหน่วง ดูท่าแล้วคงเป็นถึงเทพสวรรค์ขั้นปลายเป็นแน่
เมื่อลุงโหยวคนนั้นเห็นผู้มาถึงนั้นเขาก็ยิ้มร่าขึ้นทันทีก่อนจะรีบพูด “ฉีโหยวคารวะท่านเฉิน! ไอ้เจ้าเด็กคนนี้…”
ฉีเฉินพูดขัดฉีโหยวขึ้นพร้อมยกมือโบกปัด “เทพสวรรค์ผู้นี้รู้แล้ว”
เขานั้นหันไปมองเย่หยวนพร้อมกล่าวขึ้น “เด็กน้อย ส่งสมบัติเผ่ากิเลนออกมา จากนั้นก็ฆ่าตัวตายเสีย แล้วเฒ่าคนนี้จะไม่ทำให้เจ้าทรมาน”
เย่หยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน “ดูท่าเผ่ากิเลนพวกเจ้านี้มันจะมีคนเฒ่าคนแก่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่ลูกหลาน พวกมันจึงได้ทำตามอย่างไม่ลดละ! น่าละอายจริง ๆ แต่ข้าก็จะขอยืนยันคำเติม สมบัติอยู่กับข้านี้ มีปัญญาก็เข้ามาเอาไป”
ฉีเฉินจึงหรี่ตามองด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “เด็กน้อย เจ้าจะใจดีเกินไปแล้ว หากเป็นเช่นนั้นเทพสวรรค์ผู้นี้ก็จะไม่ขอเกรงใจ”
กู้หงที่ได้ยินถึงกับต้องหน้าถอดสีทันที เขาคิดจะพุ่งตัวเข้ามาป้องกันเย่หยวนแต่กลับได้ยินเสียงห้ามของเย่หยวนขึ้นมาก่อน “ไม่เป็นไร ให้มันมา”
กู้หงที่ได้ยินก็ต้องผงะไปทันที แต่สุดท้ายเขาก็ได้แต่ทำตามสั่ง
คลื่นพลังหนักหน่วงนั้นจับจ้องที่เย่หยวน ฉีเฉินผู้นี้มีพลังสมเป็นเทพสวรรค์ขั้นปลายจริง ๆ
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายในเมืองนั้นต่างหันไปมองเย่หยวนอย่างมึงงง ราวกับว่าเขาคนนี้เสียสติไปแล้ว
พวกเขาทั้งหลายย่อมจะไม่เข้าใจว่าเย่หยวนไปเอาความมั่นใจใด ๆ มาจากไหน
หรือว่าแค่เขามีกิเลนฟ้ากลืนมิติเขาก็จะเก่งกาจเหนือฟ้าดินได้แล้ว?
เย่หยวนยืนมือไพล่หลังรออยู่ตรงนั้นโดยไม่มีท่าทางคิดจะตอบโต้หรือขยับหลบใด ๆ เพราะเขานั้นแค่อยากจะเห็นว่าเฒ่าพวกนั้นมันจะคิดทำอย่างไรต่อไป
……………..